หลังจากกลับถึงบ้าน เย่ชิงหยู่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะสงสัยในใจและถามว่า “ฟางเหยียน อาเตานั่นเขา…”
“ก่อนหน้านี้ฉันเคยช่วยเขาไว้เล็กน้อย จากนั้นเขาก็กลายเป็นเช่นตอนนี้ไปแล้ว” ฟางเหยียนตอบกลับอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าเขาเดาได้ว่าเย่ชิงหยู่จะถามแบบนั้น
เย่ชิงหยู่หายใจไม่ออกไปเล็กน้อย เคยช่วยเหลือเล็กน้อย คำว่าเล็กน้อยของฟางเหยียกลับเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนๆหนึ่งไปครั้งใหญ่ มีหลายเรื่องที่สำหรับเขาแล้วเป็นแค่เพียงเรื่องไม่สำคัญอะไร แต่กลับคนอื่นกลับไม่ใช่แบบนั้น”
แต่เธอคิดไม่ถึงว่าฟางเหยียนจะเชื่อมโยงกับองค์กรใต้ดินแบบนี้! คนหนึ่งเป็นโจร อีกคนเป็นทหาร!
พูดถึงอาเตา ก็ต้องเอ่ยถึงร้านหยกทางทิศเหนือของเมือง ตอนนั้นเป็นเพราะต่งยู่ ฟางเหยียนถึงได้เจอกับอาเตา จากนั้นก็เกิดเรื่องนางแบบเวินหลานขึ้น ซึ่งถือเป็นการช่วยเพิ่มสถานะของเฮียเตาขึ้นในทางอ้อม
เฮียเตาเป็นคนประเภทที่ไม่สู้ก็ไร้หนทางรอด ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงแต่ต้องปีนป่ายขึ้นไปอย่างสุดชีวิตเท่านั้น ในเวลานั้นโลกใต้ดินของเมืองจินโจววุ่นวายอย่างมาก ฟางเหยียนเองก็ไม่รังเกียจที่จะปล่อยให้เฮียเตานั่งในตำแหน่งลูกพี่
ดังนั้นฟางเหยียนจึงช่วยอาเตาอย่างลับๆ และส่งให้ผลอาเตาสามารถขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งเช่นทุกวันนี้ได้โดยอ้อม
ทุกเมืองล้วนมีกฎเกณฑ์ของตนเอง สถานที่แห่งหนึ่งต้องการกฎการปกครองแบบสีขาวก็ย่อมต้องการการรักษาโลกใต้ดินด้วยเช่นกัน
นี่คือความสมดุลของหยินและหยาง ไม่อาจทำให้ยุ่งเหยิงได้ การมีอยู่ของโลกใต้ดินถือว่าจำเป็นอย่างยิ่ง
แน่นอนว่า เองพวกนี้ไม่จำเป็นต้องให้หญิงสาวที่ไร้เดียงสาอย่างเย่ชิงหยู่รับรู้
“ฟางเหยียน คุณช่วยอยู่บ้านเป็นเพื่อนฉันอีกสักสองสามวันได้ไหม?” จู่ๆเย่ชิงหยู่ก็รวบรวมความกล้า จากนั้นจึงเอนศีรษะลงบนไหล่ของฟางเหยียนและพูดประโยคดังกล่าวออกมา
นี่อาจเป็นคำขอที่มากเกินไปที่สุดเท่าที่เธอเคยขอกับฟางเหยียน!
ฟางเหยียนเคยบอกไว้ว่าเขาจะไม่ปฏิเสธคำขอใด ๆ จากเย่ชิงหยู่ เขาพยักหน้ารับและพูดว่า “แน่นอน!”
พูดจบ เขาก็เอียงศีรษะและจูบเย่ชิงหยู่ที่หน้าผากของเธอ
เย่ชิงหยู่รู้สึกว่าช่วงเวลานี้ช่างหวานล้ำอย่างยิ่ง จนกระทั่งเป็นหนึ่งในความหวานล้ำไม่กี่ครั้งในชีวิตของเธอ
อันที่จริงแล้วผู้หญิงนั้นพึงพอใจได้ง่ายมาก เย่ชิงหยู่ไม่ใช่หญิงสาวหัวโบราณอะไร หลังจากที่พ่อของเธอเสียชีวิต หัวใจของเธอก็ค่อยเริ่มสงบนิ่งขึ้น
อารมณ์เย่อหยิ่งแต่เดิมของเธอกลายมาเป็นความอดทนต่อทุกสิ่ง!
ตอนที่เธอทนต่อความอับอายขายหน้าในตระกูลจาง เธอก็คิดเอาไว้ว่าวันหนึ่งเธอจะพลิกฟื้นตัวกลับมา ถึงตอนนั้นเธอจะเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและทรงพลังที่สุด เพื่อที่คนเหล่านั้นในจินโจวต้องแหงนมองขึ้นมาดูเธอ
แต่เมื่อมาถึงในเวลานี้ หัวใจของเธอกลับเปลี่ยนเป็นสงบราบเรียบแล้ว เธอรู้ว่าสิ่งที่เธอไล่ตามไม่ใช่ความรู้สึกของการเป็นคนเหนือคนแบบนั้น แต่เป็นชีวิตที่สงบสุข
และนี่ก็คือเหตุผลที่เธอไม่ย้ายไปยังคฤหาสน์ของตนเอง
ว่ากันจนถึงแก่นแท้แล้ว ความคิดของเย่ชิงหยู่เกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ตอนนี้เธอคล้ายจะไม่สนใจชื่อเสียงเงินทองแล้ว
เย่ชิงหยู่ดูเหมือนจะให้ความสำคัญกับสาระสำคัญของชีวิตมากขึ้นในขณะนี้!
ฟางเหยียนรู้ดีว่าเย่ชิงหยู่กำลังคิดอะไรอยู่ อีกทั้งยังเข้าใจความคิดของเธอ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ทำให้เย่ชิงหยู่แข็งแกร่งมากขึ้นอะไร ผู้หญิงคนหนึ่งมาถึงจุดนี้ได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เขาไม่ต้องการให้ผู้หญิงคนนี้แบกรับมากเกินไป
ขณะที่ทั้งสองนั่งครุ่นคิดอยู่บนโซฟา โทรศัพท์มือถือของเย่ชิงหยู่ก็ดังขึ้น
เย่ชิงหยู่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วรับสาย อีกฝ่ายเป็นเฉินหย่าที่โทรมา “ชิงหยู่ เธอจำท่านผู้เฒ่าฉู่หยางที่ยืนเล่นดนตรีบนเวทีในงานแต่งงานของหวงเจียวเมื่อครู่นี้ได้ไหม?” ”
“จำได้สิ ทำไมหรือ?” เย่ชิงหยู่ไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมจู่ๆ เฉินหย่าถึงพูดถึงคนผู้นี้ เฉินหย่าไม่ใช่คนที่ชื่นชอบในดนตรี อีกทั้งยังไม่สนใจในเครื่องดนตรีอีกด้วย
เฉินหยาที่อยู่ปลายสายลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกดเสียงต่ำและเอ่ยพูดอย่างลึกลับว่า “เขาตายแล้ว!”
สามคำนี้เบาอย่างยิ่งมาก แต่มันกลับคล้ายก้อนหินอันหนักหน่วงสามก้อนที่กระแทกเข้าในใจของเย่ชิงหยู่
ร่างกายของเธอสั่นเทาอย่างรุนแรงครู่หนึ่ง ก่อนจะถามด้วยใบหน้าที่ตกตะลึง “เธอว่าอะไรนะ?”
ดูเหมือนว่าเฉินหย่าจะจัดระเบียบความคิดของเธอใหม่และกล่าวว่า “เขาตายแล้ว เมื่อกี้เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ขึ้น มีรถบรรทุกขนาดใหญ่ชนเข้ากับรถของเขา เขาเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ คนขับรถบรรทุกขนาดใหญ่วิ่งหนีไป ตอนนี้กำลังไล่ล่าเขาอยู่!”
เย่ชิงหยู่มองไปที่ฟางเหยียนปากค้าง และเอ่ยด้วยสีหน้าดูไม่เป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง “ท่านผู้เฒ่าฉู่หยาง ตายแล้ว!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าที่ราบเรียบของฟางเหยียนก็เปลี่ยนตกตะลึงอยู่บ้าง ใบหน้าของเขาปรากฏความแปลกใจเล็กน้อย เขาขมวดคิ้วและถามว่า “สถานการณ์เป็นอย่างไร”
เย่ชิงหยู่เอ่ย “รถชน! เสียชีวิตคาที่ ตอนนี้กำลังไล่ตามคนขับอยู่”
เฉินหย่าที่อยู่ปลายสายยังพูดไม่จบ เธอเอ่ยต่อ “อ้อใช่ พบของบางอย่างในที่เกิดเหตุ ฉันจะส่งให้เธอดู”
พูดจบ สายก็ถูกวางไป จากนั้นไม่นาน มือถือของเย่ชิงหยู่ก็ได้รับรูปภาพรูปหนึ่ง ในภาพเป็นแผ่นกระดาษสีขาว บนกระดาษขาว มีภาพวาดของสองสิ่งที่คล้ายกับกองไฟ กลางกองไฟมีบางอย่างที่ดูเหมือนสัตว์ประหลาด สัตว์ประหลาดนั้นอยู่ท่ามกลางกองไฟ และกองไฟทั้งสองเมื่อดูไปแล้วก็คล้ายกับเป็นเขาทั้งสองข้างของสัตว์ประหลาด
“คุณดูนี่สิ นี่คือสิ่งที่พบในที่เกิดเหตุ!” เย่ชิงหยู่ยื่นโทรศัพท์มือถือให้กับฟางเหยียน
หลังจากที่ฟางเหยียนรับมือถือไป เขาก็มองออกได้ในพริบตาว่านั่นก็คือโทเทมของ เพลิงเสวน ทันใดนั้น เขาก็เกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นมาในใจ เพลิงเสวน เป็นเพลิงเสวน ที่ฆ่าฉู่หยาง ฉู่หยางเป็นแค่เพียงชายชราธรรมดาทั่วไปเท่านั้น อย่างมากเขาด็เป็นแค่พี่ใหญ่ในสมาคมดนตรี หรือว่า หรือว่า…สายตาของฟางเหยียนมองไปยังขลุ่ยไม้ไผ่ที่อยู่บนตัวโดยไม่ตั้งใจ
ไม่ผิด จะต้องเป็นเพราะขลุ่ยไม้ไผ่นี้ เมื่อครู่นี้คำพูดสุดท้ายของฉู่หยาง คล้ายจะแฝงความหมายล้ำลึกบางอย่าง
“จำเอาไว้ ท่วงทำนองนอกจากจะเป็นความงดงามแล้ว มันยังอาจเป็นสิ่งที่ร้ายกาจที่สุดด้วย มีเพียงผู้มีคุณธรรมเท่านั้น ที่จะทำให้มันเกิดเป็นทำนองที่ดีที่สุดได้ หากมันตกเข้าสู่เงื้อมมือของคนอื่น มันก็จะเกิดเป็นความโชคร้ายสำหรับประเทศหวาของเรา คุณฟาง โปรดทะนุถนอมมันให้ดี!”
ประโยคนี้ถูกเล่นซ้ำอีกครั้งในสมองของฟางเหยียน นี่ไม่สมควรเป็นแค่ขลุ่ยไม้ไผ่ธรรมดา เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฟางเหยียนก็อดไม่ได้ที่จะมองดูขลุ่ยไม้ไผ่ในมือของเขาอีกครั้ง ไม่ว่าจะมองดูยังไง มันก็ยังเป็นแค่ขลุ่ยไม้ไผ่ธรรมดา
เมื่อฟางเหยียนกำลังจ้องมองที่ขลุ่ยไม้ไผ่อย่างตั้งใจอีกครั้ง ทันใดนั้นไอสังหารก็เข้าปกคลุมทั่วทั้งบ้านเอาไว้ในทันที
ฟางเหยียนรู้ดีอย่างยิ่งว่าไอสังหารคืออะไร เขาเก็บขลุ่ยไม้ไผ่ในมือ จากนั้นจึงลุกขึ้นจากโซฟาแล้วพูดกับเย่ชิงหยู่ “ชิงหยู่ คุณกลับห้องไปพักผ่อนรอผม ผมออกไปทำธุระเล็กน้อยแล้วจะรีบกลับมา”
แน่นอนว่าเย่ชิงหยู่ไม่รู้ว่าอะไรคือไอสังหารไม่ไอสังหารเธอคิดว่าฟางเหยียนจะไปที่เกิดเหตุเพื่อดูศพของฉู่หยาง
หลังจากนั้นไม่นาน ฟางเหยียนเดินออกไปจากประตู ทันทีที่เขาไปถึงประตู ไอสังหารก็พุ่งเข้ามาใส่ในทันที
นอกจากนี้ ฟางเหยียนยังได้ยินเสียงที่คล้ายจะดังไม่ดังของขลุ่ยไม้ไผ่
ไม่ผิด มันเป็นเสียงของขลุ่ยไม้ไผ่ที่บุกรุกเข้ามาใส่ที่ตัวเขา
ส่วนไอสังหารนั้นก็ทะลุผ่านเสียงของขลุ่ยไม้ไผ่ออกมา ท่วงทำนองสามารถช่วยคนได้และสามารถฆ่าคนได้เช่นกัน หรือว่าจะมีคนในโลกนี้ที่สามารถฆ่าคนด้วยเสียงขลุ่ยไม้ไผ่ได้? อีกทั้งยังสามารถช่วยชีวิตผู้คนด้วยเสียงขลุ่ยไม้ไผ่ได้ด้วย?
แม้ว่าฟางเหยียนจะมีประสบการณ์และความรู้ที่กว้างขวาง แต่เขาก็ไม่เคยเห็นสิ่งแปลก ๆ เช่นนี้มาก่อน