บทที่ 68 ฆ่าบวงสรวงเหล้า
แค่ประโยคเดียว ทำให้คนในตระกูลตู้เงียบจนไม่กล้าพูดอะไร
ขุนพล! ผู้นำหลัก!
นี่คือผู้นำหลักของประเทศหวา คนที่สูงส่งระดับจอมพล
คนรุ่นหลังของตระกูลตู้อาจจะไม่รู้ แต่ตู้วี่หลินรู้ คนที่เคยเป็นทหารอย่างตู้หมิงล่างก็รู้เช่นกัน
ตอนที่ตู้หมิงล่างได้ยินประโยคนี้ เขาเหมือนโดนฟ้าผ่ากลางตัว ผู้นำหลักของประเทศหวา เขาเป็นใครกันแน่ เป็นพระพุทธเจ้าหรือเทพงั้นเหรอ
เขาไม่กล้าจะจินตนาการเลย
ยิ่งไม่กล้าคาดเดาอะไรทั้งนั้น
สีหน้าของตู้วี่หลินเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขามองไปที่ฟางเหยียนอีกครั้ง เทียนขุยเป็นพลโทที่มาจากสนามรบ เขาเป็นบุคคลที่น่ายกย่อง ไม่มีใครในเมืองจินโจวกล้าเหิมเกริมกับเขา มีเพียงหวงหยวนฉาวเศรษฐีภาคซีหนานที่สามารถเข้าใกล้เขาอย่างไม่เต็มใจเท่าไรนัก
แต่คนที่อยู่ตรงหน้ากลับเป็นผู้นำหลัก!
เขาอายุเพียงแค่ยี่สิบกว่าปีรุ่นราวคราวเดียวกับหลานชายของตัวเอง คิดไม่ถึงว่าจะได้เป็นผู้นำหลัก แถมยังเป็นผู้นำหลักในสนามรบอีกด้วย นี่เขาเป็นใครกันแน่
ตู้เทียนหลงตกใจและไม่เชื่อ ผู้นำหลักที่ไหนจะไม่ได้มาจากการฝึกฝนอย่างหนักกันล่ะ ตอนนี้จะมีผู้นำหลักในสงครามได้ยังไงกัน มันมีสงครามที่ไหนกันล่ะ สีหน้าของเขาเคร่งขรึม จากนั้นจึงส่ายหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “เป็นไปได้ยังไง เขาเป็นเขยที่แต่งเข้าบ้านตระกูลเย่ไม่ใช่เหรอ จะเป็นผู้นำหลักของประเทศหวาได้อย่างไร ฉันไม่เชื่อ ไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด!”
ตู้เทียนหลงไม่อยากทำตัวเหมือนคนรุ่นราวคราวกับลูกชายตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้น เขาเป็นเขยของตระกูลเย่ ตระกูลนั้นด้อยค่ากว่าตระกูลของพวกเขา ลูกเขยของตระกูลนั้นยิ่งต่ำต้อยเข้าไปใหญ่!
นี่คือความโอหังของคนที่มาจากตระกูลใหญ่
ตู้วี่หลินได้ยินที่ตู้เทียนหลงพูด สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป เขาคิดไว้แล้วว่าทำไมถึงคุ้นหน้าคนคนนี้ ที่แท้เป็นลูกเขยของตระกูลเย่นี่เอง เพราะว่าเทียนขุยอยู่ด้วย เขาจึงไม่กล้าพูดอะไร และทำได้เพียงหัวเราะหึหึแล้วพูดว่า “พลโทเทียนขุย คุณกำลังล้อพวกเราเล่นใช่ไหมครับ”
เทียนขุยสีหน้าเคร่งขรึม จากนั้นจึงถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “นายสนิทกับฉันเหรอ”
ตู้วี่หลินอึ้งไปกับคำพูดของเทียนขุย เขาเงียบอยู่ครู่หนึ่ง จึงพูดอย่างซื่อๆ ว่า “ไม่สนิทครับ!”
“งั้นนายชอบพูดล้อเล่นกับคนที่ไม่สนิทเหรอ” เทียนขุยถามขึ้นอีกครั้ง
คำถามนี้ตู้วี่หลินไม่สามารถตอบได้
เทียนขุยพูดไม่ผิด เขาไม่ได้สนิทกัน ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องพูดโกหก เขาอาจจะไม่เชื่อคำพูดของคนอื่น แต่เขาไม่มีทางที่จะไม่เชื่อคำพูดของเทียนขุย นี่คือพลโทที่แท้จริง เรื่องนี้คนทั้งเมืองจินโจวรู้กันหมด
คนในตระกูลตู้สบตากันไปมา สุดท้ายจึงพากันมองไปที่ตู้หมิงล่าง
ฟางเหยียนแสยะยิ้มแล้วพูดว่า “เจ้าลูกรัก เจอพ่อแล้วยังไม่เรียกพ่อเข้าไปนั่งอีก”
ตู้หมิงล่างพยักหน้าอย่างเหม่อลอย จากนั้นเขาก็รีบส่ายหน้า “นาย…นายไม่ใช่ เอ่อ…”
เขาพูดตะกุกตะกักจนฟังไม่รู้เรื่อง
ฟางเหยียนยิ้มอย่างเหนื่อยใจ “เจอพ่อต้องตื่นเต้นขนาดนั้นเลยเหรอ วางใจเถอะ ฉันแค่แวะมาหานายเฉยๆ”
พูดจบ ฟางเหยียนก็ก้าวเข้าไปในห้องโถงของตระกูลตู้ เขาเดินตรงไปนั่งที่ของตู้วี่หลินอย่างไม่ลังเล
ที่นั่งของตู้วี่หลินคือที่ของผู้นำตระกูล ตำแหน่งนั้นตรงกับธูปพอดี เหมือนกษัตริย์สมัยโบราณ
ตู้วี่หลินเป็นคนมีประสบการณ์ที่ผ่านอะไรมามากมาย เป็นธรรมดาที่เขาจะมองออกว่าเรื่องนี้มันไม่ธรรมดา เขามองคนที่เหงื่อแตกพลั่กอย่างตู้หมิงล่างแล้วถามขึ้นว่า “หมิงล่าง นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
ตู้หมิงล่างมองตู้วี่หลินเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน เขาพูดเหมือนจะร้องว่า “คุณปู่ ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ผมรู้จักเขา แต่ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นพ่อเลี้ยงของผมจริงๆ นะครับ จริงๆ แล้วผมโกหกทุกคน ผมไม่มีพ่อเลี้ยงอะไรนั่นหรอกครับ อีกอย่างถ้าผมมีพ่อเลี้ยงจริงๆ จะมีพ่อเลี้ยงที่หนุ่มขนาดนี้เหรอครับ”
คำพูดของตู้หมิงล่างเหมือนสายฟ้าที่น่ากลัวผ่าลงมากลางหัวของตู้วี่หลิน
เขาเชื่อจริงๆ ว่าตู้หมิงล่างมีพ่อเลี้ยงที่เก่ง ทำไปทำมา คิดไม่ถึงว่าหลานชายจะพูดโกหก!
ตอนนี้เขาแทบอยากจะตบหน้าไอ้หลานชายที่ไม่เอาไหนแถมยังพูดไปเรื่อยสักสองที
“งั้นพวกเขามาหานายไม่ใช่เหรอ”
ตู้หมิงล่างยังไม่ทันได้ตอบอะไร เสียงของฟางเหยียนก็ดังขึ้นอีกครั้ง “ลูกรัก ทำไมถึงยังไม่เข้ามายกน้ำชาให้พ่ออีก”
ตู้หมิงล่างสั่นไปทั้งตัว เขามองเข้าไปข้างใน เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นบนหน้าผากของเขา เขาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ว่า “คุณปู่ ผมเคยล่วงเกินเขา เขามาเอาคืนผมแน่ๆ”
สีหน้าของตู้วี่หลินเปลี่ยนไปทันที กล้ามเนื้อบนใบหน้ากระตุกไม่หยุด แต่ไม่นานเขาก็ตั้งสติได้ ถ้าแค่มาสร้างความวุ่นวาย ก็ไม่มีอะไรที่ต้องกังวล
ตู้วี่หลินเช็ดเหงื่อบนหน้า เขากำลังจะก้าวขาสั่นๆ เข้าไปข้างใน แต่ตู้เทียนหลงรีบห้ามเขาเอาไว้ “พ่อ นี่มันหมายความว่าอะไร เขาเด็กขนาดนั้น คงไม่ได้จะให้หมิงล่างเป็นลูกจริงๆ หรอกใช่ไหม”
ตู้วี่หลินสูดหายใจลึก แล้วพูดว่า “ตอนนี้ ฉันหวังเป็นอย่างมากว่าเขาจะมารับหมิงล่างเป็นลูกเลี้ยง แกไม่เห็นตำแหน่งของเขาเหรอว่าสูงแค่ไหน ขนาดเทียนขุยยังเป็นได้เพียงบอดี้การ์ดที่ยืนข้างกายเขาเท่านั้น! ฐานะเช่นนี้ ฉันกับแกจะเข้าไปประจบได้อย่างนั้นเหรอ”
คำพูดของตู้วี่หลินทำให้คนทั้งตระกูลตกใจ
เขากวาดตามองลูกชายแล้วพูดกำชับด้วยเสียงต่ำ “เทียนหมิง ไปเรียกหวงหลงออกมา”
หวงหลง! คือเทพคุ้มครองตระกูลตู้ เขาเป็นเหมือนเทพที่มีชีวิตอยู่ เมื่อหลายสิบปีก่อน เขามาที่บ้านตระกูลตู้ด้วยดวงตาแดงก่ำ และฆ่าบอดี้การ์ดในตระกูลไปร้อยกว่าคน
ตอนแรกคิดว่าเขาจะมาทำลายตระกูลตู้ ไม่คิดว่าเขาจะพูดกับตู้วี่หลินว่าบอดี้การ์ดของตระกูลแย่เกินไป จากนี้ฉันจะคุ้มครองให้เอง ฉันขอแค่อาหารและที่อยู่ให้ฉันได้ฝึกฝน ฉันจะปกป้องตระกูลตู้จากภัยอันตรายทั้งปวงในเมืองจินโจว
เขาไม่รู้ว่าหวงหลงจะฝึกฝนอะไร เพราะเขาไม่รู้จักการฝึกฝนอะไรพวกนี้
ผ่านมาสิบปี หวงหลงยังไม่เคยออกมาจากที่นั่น เพราะตระกูลตู้ไม่ได้เจอเรื่องลำบาก
ครั้งนี้ ตู้วี่หลินอดไม่ได้ที่จะนึกถึงคำพูดของตู้เทียนหัว เหมือนว่าตระกูลตู้จะเจอภัยพิบัติแล้วล่ะ
เพราะฉะนั้น เขาจำเป็นต้องเรียกหวงหลงออกมา
“ครับ!” ตู้เทียนหมิงรับคำสั่งและรีบออกไปทันที
สีหน้าของตู้วี่หลินเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก เขาจ้องไปที่ฟางเหยียนที่กำลังนั่งอยู่ตรงตำแหน่งผู้นำตระกูล
ตู้เทียนหมิงเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเดินออกมาเงียบๆ
แต่ตู้วี่หลินถอนหายใจยาว จากนั้นจึงพูดว่า “จำไว้ ไม่ว่าใครก็ห้ามพูดมั่วซั่ว”
พูดจบ เขาจึงก้าวเข้าไปข้างใน
“ผู้นำ หลานชายไม่ได้เจตนาล่วงเกินคุณ หวังว่าผู้นำจะไม่ถือสาเอาความหลานชายของผม” ตู้วี่หลินพูดกับฟางเหยียนอย่างนอบน้อม
ฟางเหยียนกำลังถือแก้วชาอยู่ในมือ เขาดมชาและส่ายหน้า “ชาปี้หลัวชุน ไม่ใช่รสชาติที่ฉันชอบ”
พูดจบเขาก็เทชาลงพื้นต่อหน้าต่อตาทุกคน ราวกับว่ากำลังเคารพคนตายอย่างไรอย่างนั้น
การกระทำของเขา ทำให้คนในตระกูลตู้ตกใจจนเหงื่อแตกพลั่ก
เทียนขุยมองออกว่าการกระทำของฟางเหยียนมีนัย เขากำลังจะฆ่าคน!
ทุกครั้งก่อนที่จะรบ จอมพลโผ้จวินจะเอาถ้วยเหล้าออกมาทำแบบนี้
คิดไม่ถึงว่าจะเกิดการนองเลือดในเมืองที่คึกคักเช่นนี้!