เดิมทีมีพวกเขาสิบกว่าคนมาที่นี่เพื่อเก็บเงิน ตอนนี้ ตายกันหมดแล้ว ทุกคนที่มาที่นี่ ตายหมดแล้ว ตายแล้ว!
กลุ่มคนบนรถบัสเองก็ตกใจจนตัวทรุดไปแล้วเช่นกัน ปากแต่ละคนกำลังตะโกนดังลั่น “ฆ่าคนแล้ว! ฆ่าคนแล้ว”
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หญิงชราที่ขี้ตกใจหลายคนถึงกับตกใจกลัวจนเป็นลมไปหลายคน มีบางคนถึงกับขนลุกตกใจจนแทบเสียสติไปและร้องตะโกนอยู่อย่างนั้น ฟางเหยียนได้ยินแล้วก็รู้สึกบาดหู ดังนั้นจึงหันไปตะคอกใส่คนเหล่านั้น “ทั้งหมดหุบปาก!”
ประโยคเดียว ทำเอาปากของทุกคนหุบลงทันที จากนั้นก็จ้องไปที่ศพบนพื้นด้วยเนื้อตัวอันสั่นเทา
นี่มันน่าสยดสยองเกินไป ที่แท้เมื่อกี้เขากำลังนั่งรถมากับฆาตกรปีศาจร้ายมาโดยตลอด แทบจะทำลายล้างกระบวนการความคิดของทุกคนไปหมดแล้ว
เมื่อมองดูเลือดที่ไหลไปบนพื้น ชายผู้ออกคำสั่งรู้สึกแค่เพียงชาที่หนังศีรษะ ในหัวมีเสียงอื้ออึงดังขึ้น เขารู้ว่าคนผู้นี้จะต้องขุดรากถอนโคนแน่ คนต่อไปก็คือเขา คนที่ยังหวาดกลัวก็เพราะตนนั้นยังต้องการมีชีวิตอยู่
เขานับว่าเป็นคนประเภทมีปฏิกิริยาที่รวดเร็ว ทันใดนั้น เขาก็ทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้น น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตาทันที เขาสะอื้นสะอื้นแล้วพูดว่า “พี่ชาย นายท่าน นายท่าน นายท่าน! อันที่จริงพวกเราไม่ใช่คนประเภทชอบทำชั่ว พวกเราก็แค่อยากหาเลี้ยงชีพ เวลาปล้นเงินเราจะเลือกปล้นคนรวยทั้งนั้น ปกติเวลาเราจะปล้นใครเรามักจจะดูก่อน คนที่นั่งบนรถบัส พวกเราจะขอแค่คนละสองหมื่นเท่านั้น หากขับรถยนต์พวกเราก็จะขอห้าหมื่นถึงหนึ่งแสน พอได้เงินมาแล้ว พวกเราก็ยังเอาไปแบ่งให้กับคนจน ถือว่าเป็นการปล้นคนรวยช่วยเหลือคนจน”
ฟางเหยียนจ้องไปที่ผู้ชายคนนั้นและไม่ได้สนใจต่อคำพูดไร้สาระของเขา และทำแค่เอ่ยถามอย่างเย็นชาว่า “พวกนายไม่ใช่คนประเทศหวา?”
ผู้ชายคนนั้นส่ายหัวและพูดว่า “ไม่ใช่ ไม่ใช่!”
“อย่างนั้นนายก็ไม่มีเหตุผลที่จะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป!” สิ้นเสียงลง ก็เห็นแค่เพียงของสีดำอย่างหนึ่งบินเข้าหาชายคนนั้น ทันใดนั้น หน้าผากของชายคนนั้นก็แตกเป็นรู มีเลือดหลั่งไหลลงมาที่หน้าผาก วินาทีถัดมา ชายคนนั้นก็ล้มลงกับพื้นอย่างแรง ในไม่ช้าเลือดก็ไหลนองปะปนไปกับดินบนพื้น
ตายแล้ว สำหรับฟางเหยียน การฆ่าขยะที่กลัวคนแข็งแกร่งรังแกคนอ่อนแอพวกนี้เหมือนการขยี้มดตัวหนึ่ง เขาไม่มีความเห็นอกเห็นใจแม้แต่น้อยสำหรับขยะประเภทนี้ ถ้าเขามีความเห็นอกเห็นใจ แล้วเขาจะกลายเป็นเทพแห่งสงครามได้อย่างไรกัน
ขณะที่ฟางเหยียนกำลังจะหันหลังกลับและให้คนขับรถเดินทางต่อไป ทันใดนั้น ร่างหนึ่งก็วิ่งเข้ามาหาเขาและล้มลงในอ้อมแขนของเขาทันที เธอก็คือผู้หญิงผมสั้นที่เพิ่งถูกปล้นไปเมื่อครู่
เขาไม่สนใจของสวยงาม สำหรับเขาแล้ว ไม่มีใครสวยไปกว่าเย่ชิงหยู่ นั่นเพราะเธอคือหนึ่งเดียวในใจของเขา
ช่วยชีวิตหญิงสาวคนหนึ่งไว้ถึงกับทำให้เธอส่งอ้อมกอดให้แบบนี้ ทำเอาฟางเหยียนถึงกับอธิบายไม่ถูก
“ฟางเหยียน เป็นคุณ เป็นคุณจริงๆหรือ?” ต่งยู่กอดฟางเหยียนเอาไว้แน่นและถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่น่าเชื่อ
เมื่อได้ยินเสียงนี้ ฟางเหยียนก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นเสียงของต่งยู่ แม้ว่าเขาจะไม่ได้เจอต่งยู่มาเป็นเวลานานแล้ว อีกทั้งตนเองก็ไม่ได้สนิทสนมอะไรกับหญิงสาวคนนี้มากนัก แต่ความทรงจำของเขานั้นแตกต่างจากคนทั่วไป เขายังคงแยกแยะเธอได้เมื่อได้ยินเสียง
เมื่อครู่เขาไม่เห็นว่าผู้หญิงคนนี้คือต่งยู่ ที่เขาลงมือทั้งหมดก็เพราะเขาไม่อนุญาตให้ใครทำตัวกำเริบเสิบสานในผืนแผ่นดินประเทศหวา โจรปล้นผู้คนกลางวันแสกๆ นี่มันคือเรื่องอะไร? นี่มันยุคไหนแล้ว เขาจะปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาได้อย่างไร
สำหรับผู้หญิงที่เขาช่วยไว้ก็คือต่งยู่ ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายของเขา
“ต่งยู่ ทำไมถึงเป็นเธอ?” ฟางเหยียนยกมือขึ้นและตบหลังเธอเบาๆเพื่อส่งสัญญาณ
ต่งยู่คลายออกจากฟางเหยียน จากนั้นก็มองขึ้นไปที่เขา เมื่อมองแบบนี้ ดวงตาทั้งสี่ก็สบเข้าด้วยกัน เธอเอ่ยพูดอย่างอับอายอยู่บ้าง “ขอโทษด้วย เมื่อกี้ฉันตื่นเต้นอยู่บ้าง เลยไม่ได้ยั้งเอาไว้…”
ภาพนี้ทำให้กลุ่มคนที่อยู่บนรถบัสรู้สึกอิจฉา ในฐานะผู้ชาย เกรงว่าจินตนาการที่มากสุดในชีวิตก็คงจะเป็นภาพฮีโร่ช่วยสาวงามนี่แหละ! แต่เมื่อเจอเรื่องแบบนี้จริงๆ ส่วนใหญ่ก็ล้วนที่จะหดหัว
ฟางเหยียนมองไปที่ต่งยู่และพูดว่า “ไม่เป็นไร!”
ต่งยู่ยังคงชดช้อยงดงามเช่นเดิม ผมสั้นแบบนี้อาจมีแค่เธอคนเดียวที่สามารถสร้างความรู้สึกเก๋ไก๋ไม่เหมือนใครขึ้นมาได้
เมื่อคิดว่าที่นี่ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งอยู่ เขาก็ตะโกนใส่คนกลุ่มนั้นว่า “เอาล่ะ ทุกคนขึ้นรถเถอะ!”
คนขับรถสำลักและถามพยายามถามอย่างใจกล้า “แล้วศพพวกนี้ล่ะ?”
ฟางเหยียนเหลือบมองไปที่ศพเหล่านี้ จัดการ เขาไม่ได้คิดที่จะจัดการกับศพพวกนี้เลยแม้แต่น้อย ศพของคนเหล่านี้ในไม่ช้าก็เร็วก็จะถูกค้นพบ อีกทั้งทีมรักษาความปลอดภัยเองก็จะตรวจสอบและรู้ว่าเขาเป็นคนฆ่าไม่ช้าก็เร็วเช่นกัน
คนขับคนนั้นพูดต่อว่า “คนพวกนี้ทำชั่วอยู่ที่นี่มาตลอด พวกเราวิ่งรถในหนึ่งปีก็ต้องเจอถึงห้าหรือหกครั้ง ถ้าไม่ให้ความร่วมมือก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะต้องฆ่าคนอีกกี่คน คนชั่วช้าพวกนี้สมควรแล้วที่ถูกฆ่า ไม่อย่างนั้นพวกเราก็จัดการกับศพทั้งหมดนี้หน่อยแล้วกัน! มีเพียงพวกเราเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ และถือซะว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น”
“ใช่ ฉันคิดว่าพี่ชายคนขับพูดถูก พวกเราเอาศพพวกนี้ไปทิ้งซะ และถือว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น”
“อืม สิ่งที่สุภาพบุรุษคนนี้ทำคือการทำหน้าที่แทนสวรรค์แล้ว พวกเราจะปล่อยให้คุณเสียเปรียบไม่ได้”
“…”
คำพูดเหล่านี้ชวนให้คนซาบซึ้ง แต่ว่าก็มีคนอีกบางส่วนที่กลัวว่าฟางเหยียนจะฆ่าคนแบบถอนรากถอนโคนถึงได้เอ่ยขึ้นมาแบบนั้น
ใครจะไปรู้ว่าฟางเหยียนเป็นใคร? เขากล้าทำร้ายลูกน้องของลูกพี่หวาง อีกทั้งยังฆ่าคนจำนวนมาก
“ไม่เป็นไร แต่ว่าฉันว่าโทรแจ้งตำรวจดีกว่า!” ฟางเหยียนพูดอย่างไม่เกรงกลัว จากนั้นก็ถามว่า “ที่นี่ยังห่างจากภูเขาทิพย์อีกมากแค่ไหน?”
คนขับพูดว่า “ภูเขาทิพย์? ไม่ไกลแล้ว ตรงนี้ขึ้นไปก็ใช่แล้ว! มีทางลัดอยู่พอดี”
“โอเค ขอบคุณ!” ฟางเหยียนพูดจบก็เอ่ยกับต่งยู่ “เธออยู่ที่นี่รอตำรวจมาเถอะ ถึงตอนนั้นก็กลับไปกับพวกเขาศะ ที่นี่อันตรายเกินไป เธอผู้หญิงคนเดียวไม่ค่อยเหมาะที่จะอยู่ที่นี่”
“ไม่!” ต่งยู่ส่ายหัวและพูดว่า “ที่ฉันมาที่นี่ก็เพราะจะไปที่ภูเขาทิพย์เหมือนกัน ให้ฉันไปกับคุณเถอะนะคะ! มีคุณอยู่ ก็มีคนดูแลแล้ว”
ที่บอกว่าดูแลจริง ๆ ก็คือคิดอยากให้ฟางเหยียนปกป้องเธอ
ฟางเหยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่งและถามว่า “เธอมาทำอะไรที่ภูเขาทิพย์?”
ต่งยู่สำลักและพูดว่า “มีเรื่องที่ภูเขาทิพย์นิดหน่อย อีกเดี๋ยวฉันจะบอกคุณภายหลัง”
“ก็ได้!”
“อ้อใช่ คุณผู้ชาย มีสัตว์ประหลาดอยู่ในภูเขาทิพย์ พวกคุณต้องระวังเมื่อเข้าไป”
ฟางเหยียนไม่ตอบกลับอะไรคนขับ จากนั้นเขาก็กระโจนเข้าไปในป่าพร้อมกับต่งยู่!
ในเวลานี้เห็นได้ชัดว่ามีคนโล่งใจ ราวกับว่าได้ผ่านพ้นภัยพิบัติครั้งใหญ่ไป
“นี่เขาพาหญิงสาวไปทำอะไรกันในป่าหรือไง?” มีคนเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัยท่ามกลางฝูงชน