พอขวังซือออกมา ทั่วทั้งตระกูลฟางแตกฮือเลย!
นี่เป็นสัตว์คุ้มครองในตำนานของตระกูลฟาง อยู่มานานแค่ไหนไม่มีใครรู้ แต่คนตระกูลฟางรู้แค่ว่า ขอเพียงคุณท่านฟางเจออันตราย สัตว์คุ้มครองในตำนานต้องปรากฏตัวอย่างไม่ลังเลใจเลย เพื่อช่วยเหลือตระกูลฟางให้รอดพ้นอันตราย คนตระกูลฟางที่ไม่เคยเห็นขวังซือมาก่อน พอเห็นขวังซือในมาดแข็งแกร่งแบบนี้ ต่างพากันภูมิใจไม่ได้
ขวังซือเดินมาตรงหน้าฟางจินหยวนถึงหยุดลง ทั่วทั้งผืนดินสะท้านกึก พลังที่แผ่ซ่านออกมาจากกายเขา ครอบปกป้องคนตระกูลฟางไว้ตรงกลางอย่างแผ่วเบา ทุกคนไม่ได้สังเกตอะไร แต่ผู้หญิงหน้ากากคนนั้นยิ้มหยัน บ่นพึมพำว่า “ลมปราณภายในปล่อยออก ปรมาจารย์? มิน่าดูกร่างนัก!”
ตามหลังลมกลุ่มหนึ่งพัดมา ทำผมยุ่งเหยิงของขวังซือพริ้วไสว ใบหน้าหยาบกร้านปรากฏต่อสายตาทุกคน ท่ามกลางใบหน้าหยาบกร้านนั่นคือคิ้วหน้าตาใหญ่ ผมดำขนคิ้วเคราตายเรียงกันจนแยกไม่ออก แต่สิ่งที่ซ่อนอยู่ใต้ผมดำดกนั่น ดวงตาคมปลาบกำลังจับจ้องเขม็งมาที่ผู้หญิงหน้ากากมังกรตรงหน้า
“แตก!” ผู้หญิงหน้ากากพูดเสียงเรียบ
พูดจบปุ๊บ ลมปราณหนึ่งพุ่งเข้าใส่ขวังซือทันที เร็วจนคนแทบไม่รู้สึก เพียงแต่ตอนจะถึงหน้าฟางจินหยวน ลมปราณนั้นโดนขวังซือสกัดเอาไว้ได้
“โฮก!” ขวังซือตะคอกด้วยความโกรธ จนดังไปทั่วฟ้าดิน!
“น่าสนใจแฮะ” ผู้หญิงหน้ากากมังกรไม่ได้โกรธที่โดนสกัดการโจมตีด้วยลมปราณเอาไว้ได้ ตรงกันข้ามกลับมีแววยิ้มเย็นบนหน้าเธอขึ้นมา ที่เธอทำไปเมื่อกี้เพื่อทดสอบ ปรมาจารย์น่ะไม่น่ากลัว แต่ปรมาจารย์ที่ไม่รู้ที่มาสิค่อนข้างลำบากหน่อย พอเธอทดสอบไปแบบนั้น ในใจก็พอประเมินฝีมือได้คร่าวๆละ
ผู้เก่งกาจทำไมถึงเก่ง!
แต่เป็นเพราะพวกเขาถนัดในการค้นพบจุดอ่อนที่คนอื่นไม่เห็น สามารถมองออกทุกอย่างของศัตรูในเวลาสั้นที่สุด และโจมตีจุดอ่อนนั่นก่อนเลย จัดการศัตรูไม่เหลือซาก นี่คือผู้เก่งกาจ
ต้องยอมรับจริงๆว่า การทดสอบเมื่อกี้ เธอสบายใจลงเยอะมาก ระดับปรมาจารย์ก็มีระดับแกร่งและอ่อนนะ! และสำหรับเจ้าตัวรูปร่างสูงใหญ่ตรงหน้านี้ก็แค่นี้เอง!
หลังจากขวังซือคำรามเสียงต่ำไม่หยุด ฟางจินหยวนถึงได้สติกลับมา เขาพูดด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “ไม่คิดว่าคุณจะเล่นลูกไม้ตุกติกลอบทำร้ายแบบนี้ น่าสมเพชจริง ศักดิ์ศรีของผู้เก่งกาจเป็นแค่เรื่องตลกหรือไงกัน?”
“ตามใจแกจะคิดยังไง” ผู้หญิงหน้ากากมังกรเหมือนไม่อยากอธิบายอะไรมากมาย เธอพูดอย่างเย็นชาว่า “นี่เป็นไม้ตายของแก? ในเมื่อฆ่าคนมากมายขนาดนั้นแล้ว ฉันไม่ซีเรียสจะทำลายความเชื่อของแกให้ย่อยยับลงไปอีก ฉันจะให้แกรู้ว่า วินาทีที่ความเชื่อถูกทำลาย แกจะรู้สึกเจ็บปวดราวโดนมีดกรีดมันเป็นยังไง!”
เห็นได้ชัดว่า ผู้หญิงคนนี้ไม่กลัวขวังซือ ไม่เพียงแค่นั้น เธอยังคิดจะฆ่าขวังซือด้วย!
ฟางจินหยวนรู้ดีว่า ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้พูดโอ้อวด แต่มีฝีมือจริงๆ พอคิดถึงตรงนี้ เขาเริ่มไม่มั่นใจละ ใบหน้าเหี่ยวชราเริ่มฉายแววเคร่งเครียดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ส่วนปฏิกิริยาคนตระกูลฟางกับคำพูดโอ้อวดของผู้หญิงหน้ากากเหมือนกันเป๊ะ ทุกคนต่างอยู่ในโหมดรอดูอะไรสนุกๆ ขนาดคู่สามีภรรยาฟางไห่เซิง ฟางไห่ถางเองยังอดรุ้สึกเศร้าแทนผู้หญิงคนนี้ขึ้นมาไม่ได้ เพราะพวกเขาเคยเห็นความเก่งกาจดุร้ายของขวังซือมาแล้วทั้งนั้น
ต่อให้เป็นเครือญาติที่ไม่เคยเห็นขวังซือมาก่อน หลังจากได้รับการอธิบายอย่างจริงจังรวมถึงการรับรู้และรับฟังจากทุกคน ก็เชื่อมั่นในตัวขวังซือไปกันหมด นอกจากเขาจะหน้าตาประหลาดไปสักหน่อย และยังเป็นเทพคุ้มครองของตระกูลฟาง
มีคนพูดบ่อยๆว่า ทำไมถึงมีเทพ นั่นเป็นสิ่งที่คนธรรมดาทำไม่ได้ เทพทำได้ ก็คือเทพ!
ตอนนี้ขวังซือคือความหวังในใจทุกคน เทพคุ้มครอง!
ฟางเหมี่ยวคอยสังเกตพฤติกรรมผู้หญิงหน้ากากมังกรตลอดเวลา เขาไม่เหมือนคนตระกูลฟางคนอื่นที่เย่อหยิ่งถือดี ตรงกันข้ามยังผิดหวังกลายๆด้วย ไม่รู้ทำไม ความรู้สึกแบบนี้ยิ่งแรงกล้าขึ้นเรื่อยๆ หลังจากได้ยินผู้หญิงคนนั้นพูดโอ้อวดออกมา ขวังซือน่ะเก่งอันนี้ไม่ต้องสงสัย แต่ผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ด้อยกว่าเลย แถมด้านหลังเธอยังมีลูกน้องฝีมือฉกาจอีกเก้าคน
แค่สิบคนนี้ก็เพียงพอที่จะปั่นป่วนไปทั่วทั้งเจียงตู จะออกคำสั่งทั้งเจียงตูก็คงไม่ยาก
วินาทีนี้จิตใจเขาไม่ได้อยู่ที่ว่า ตระกูลฟางจะโดนฆ่าล้างตระกูลหรือไม่ แต่อยู่ที่ตัวฟางเหยียนที่โชคชะตาใจร้ายกับเขา นอกจากสิบคนนี้แล้ว จะมีกลุ่มอื่นตามหาน้องเหยียนอีกไหม ตอนนี้เขาสบายดีไหม? หรือเขากำลังเสี่ยงอันตรายและเปลี่ยนมันกลับเป็นสถานการณ์ปลอดภัยได้อีกไหม?
ตงฟางหยุนเอ๋อร์เห็นสีหน้าสามีตนเริ่มแปลกๆ อดไม่ได้ถามขึ้น “คุณเป็นอะไรน่ะ? ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า? สีหน้าทำไมแย่แบบนี้? คุณบอกเองไม่ใช่หรอว่า พอสัตว์ในตำนานนี้ออกมา ใครจะหาญกล้าสู้ด้วย? ไหงตอนนี้ทำหน้าอย่างนั้นล่ะ”
ตงฟางหยุนเอ๋อร์ถามรัวเป็นชุดจนฟางเหมี่ยวรำคาญ เลยโพล่งออกไปไม่ทันคิดว่า “ผมยาวแต่ไม่มีหัวมองการณ์ไกล บอกว่าคุณไม่รู้จักมองการณ์ไกลยังไม่ยอมรับอีก”
ตงฟางหยุนเอ๋อร์อึ้งไปเล็กน้อย มองฟางเหมี่ยวอย่างตกใจ อ้าปากค้างไม่รู้จะพูดอะไรดี ใช่ เธอโดนสามีตัวเองด่า แถมยังด่าขึ้นมาดื้อๆเลย
น้ำตาแห่งความน้อยใจไหลพรากเป็นแม่น้ำ พริบตาเดียวเต็มหน้าตงฟางหยุนเอ๋อร์ เธอโพล่งรัวๆใส่ฟางเหมี่ยวราวกับเขื่อนแตก
“ไอ้คนไม่ได้เรื่อง ถนัดแต่เก่งกับเมียใช่ไหม? คราวที่แล้วกู่ซู๋มา คุณก็ทำตัวหงอเป็นเต่าหดหัวอยู่ในกระดอง อย่าว่าแต่เข้าไปทำร้ายผู้หญิงคนนั้นเลย ยังตกใจจนเอาแต่ซ่อนตัว ยังมีอีก คุณบอกปาวๆว่าพี่น้องรักกันดี เรียกแต่น้องเหยียนน้องเหยียนทุกวัน น้องชายคุณเก่งมากไม่ใช่หรอ? ทำไมพอที่บ้านมีเรื่องกลับหลบซ่อนตัวขึ้นมาล่ะ?”
“อีกอย่าง บอกว่าฉันผมยาวแต่ไม่มีหัวมองการณ์ไกล บอกว่าฉันไม่รู้จักมองการณ์ไกล ฉันจะดูสิว่าใครกันแน่ที่ผมยาวแต่ไม่มีหัวมองการณ์ไกล ตระกูลฟางกำลังจะโดนฆ่าล้างตระกูลแล้ว น้องเหยียนของคุณตอนนี้อยู่ไหนกันล่ะ? คิดหวังพึ่งขวังซือหรือไง? ผมยาวแต่ไม่มีหัวมองการณ์ไกล ฉันว่าคุณผมสั้นก็ไม่ได้มีหัวมองการณ์ไกลเท่าไหร่นี่ ตระกูลฟางโดนทำลาย เผลอๆฟางเหยียนแอบหัวเราะเยาะที่ไหนก็ไม่แน่นะ”
ฟางเหมี่ยวยกมือขึ้นคิดจะตบหน้าตงฟางหยุนเอ๋อร์ แต่ตอนมือใกล้จะโดนหน้าเธอ ก็หยุดลงฉับพลัน
“เหอะเหอะ….” ตงฟางหยุนเอ๋อร์ยิ้มเย็นบอก “ทำไม? คิดจะตบเมียตัวเองหรือไง? ฉันอยากจะดูสิว่าคุณชายใหญ่ตระกูลฟางจะแมนแค่ไหนกัน! ตบสิ ตบเลย” อารมณ์ขึ้นถึงขีดสุด ตงฟางหยุนเอ๋อร์ดึงมือฟางเหมี่ยวมาเทียบหน้าตัวเองเลย แต่ฝ่ายหลังกลับไม่ตบลงบนหน้าเธอ
อารมณ์โกรธของฟางเหมี่ยวก็โดนการหาเรื่องของตงฟางหยุนเอ๋อร์ฉุดขึ้นมา แต่เขาไม่ลงมือกับเมียตัวเองในที่สุด ถึงจะโดนความโกรธครอบงำแทบไฟออกหู แต่เขาไม่ใช่คนหน้าซื่อใจคดแบบนั้น พอโกรธก็ลงไม้ลงมือกับเมียตัวเอง เขารู้ดี ถ้าตบลงไป ตัวเองสะใจ แต่บ้านแตกแน่
การขัดแย้งเล็กๆนี่ทำให้คนตระกูลฟางตื่นเต้นไปตามๆกัน ตระกูลฟางที่สถานการณ์ไม่ปกติแบบนี้พากันบรรยากาศตึงเครียดไปด้วย เครือญาติก็พากันตื่นเต้นตามทั้งคู่ไปด้วย ใจเหมือนหิ้วขึ้นมาถึงคอหอย ตงฟางหยุนเอ๋อร์เป็นใคร คุณหนูหัวแก้วหัวแหวนของตระกูลตงฟาง ตบนี้ลงไป ไม่เพียงบ้านเล็กแตกแยก คงต้องสร้างความขัดแย้งให้กับสองตระกูลแน่
ดังนั้นตบนี้ไม่ได้เป็นแค่ตบเดียวง่ายๆ แต่เป็นฉนวนที่จะสร้างความแตกแยกให้กับสองตระกูลได้เลย
ก็ขนาดฟางจินหยวนเองยังหวั่นใจเลย เขาอยากดูว่าฟางเหมี่ยวจะจัดการยังไง
ไม่เพียงแค่เขา ขนาดผู้หญิงหน้ากากมังกรยังมองมาทางนี้อย่างสนใจ และไม่มีทีท่าจะลงมือเลย