จอมนักรบทรงเกียรติยศ – ตอนที่ 726 อู๋จี๋พ่ายแพ้อย่างย่อยยับ

การมีชีวิตอยู่มันไม่ดีกว่าเหรอ!

คำพูดประโยคนี้ฟังดูเหมือนฟ้าร้องที่ดังก้องในหัวของทุกคน ทุกคนอยู่ในอาการอกสั่นขวัญหายอย่างรุนแรง เหมือนภูเขาถล่มลงในทะเล

เมื่อทำให้เทพเจ้าแห่งสงครามโกรธทุกอย่างบนโลกจะเปลี่ยนไป!

ประโยคนั้นยังคงดังก้องอยู่ในใจของทุกคนช้ำๆ ราวกับว่าพวกเขาลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวัดเต๋าในเวลานี้

ที่ตกใจที่สุดคงจะเป็นอู๋จี๋!

เขาสะดุ้งตกใจ ร่างที่ดูป่วยเริ่มเข้าใกล้เขามากขึ้นเรื่อยๆ เขาต้องการจะออกแรง แต่กลับรู้สึกว่าคอของเขาเย็นเฉียบ และดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างไหลออกมาจากร่างกายของเขาเหมือนกับที่เขาฆ่าคนอื่นในไม่กี่วินาที

ผู้มีฝีมือสูงเดินหมากรุก ทุกอย่างก็สูญสิ้นไปในพริบตา

และอู๋จี๋ก็รู้ว่าเขาพ่ายแพ้!

วิชาสิ้นลักษณะที่เขาภาคภูมิใจนั้นถูกฟางเหยียนทำลายจนสิ้นซาก ไม่เพียงนี้ แต่เขายังกลัวว่าวันนี้จะโชคร้ายมากกว่าโชคดี

ทันทีที่ฟางเหยียนอย่างเดินช้าๆ เข้ามา เขาได้เริ่มลงมือแล้ว การเคลื่อนไหวของเขาเบามาก แค่เหมือนกับการยกมือขึ้นลงเท่านั้น ด้วยท่วงท่าที่ไม่ได้เปิดตาอู๋จี๋จึงถูกโจมตี และเขาได้พบวิชาสิ้นลักษณะที่สำคัญที่สุดถูกทำลาย มันเป็นหินก้อนเล็กๆ และหินก้อนเล็กๆ ก้อนนั้นก็ตัดคอเขาทันที ส่งผลให้วิชาสิ้นลักษณะใช้ไม่ได้ผล และเขาก็สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปในทันที

ทุกอย่างเสร็จสิ้นในพริบตา!

ทันใดนั้นเขานึกถึงคำพูดที่ฟางเหยียนกล่าวว่า การมีชีวิตอยู่ไม่ดีกว่าเหรอ?

วิธีการแกล้งทำเป็นอ่อนแอของฟางเหยียนได้กลายเป็นความรู้ใหม่สำหรับอู๋จี๋!

ท่าทางแปลกประหลาดของอู๋จี๋ดึงดูดสายตาของผู้ที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดทันที

เมื่ออู๋จี๋หมดสิ้นความชั่วร้าย ทำให้ดูแปลกตาไปมาก!

สิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจยิ่งกว่านั้นก็คือเลือดที่หยดจากคอของอู๋จี๋!

มันคือ!

สรุปเกิดอะไรขึ้น?

ใครก็ตามที่มีสายตาที่เฉียบแหลมจะรู้ว่าอู๋จี๋อาจจะแพ้ แต่ตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่มีใครเห็นฟางเหยยีนเคลื่อนไหว เขาเพียงยกมือขึ้นไปมาเท่า เป็นไปได้ไหมว่าที่เขายกมือขึ้นไปมาคือการที่เขาเคลื่อนไหวแล้ว?

แต่ถ้าไม่ใช่เพราะคำอธิบายที่สมเหตุสมผลนี้ หรือจะเป็นเพราะอู๋จี๋ทำร้ายตัวเอง? เขาไม่ได้โง่ขนาดนั้นหรอกมั้ง!

อย่างที่ทุกคนรู้เทียนขุยไม่สามารถต่อสู้กับอู๋จี๋ได้ หรือมีบุคคลที่สามในวัดเต๋าแห่งนี้?

เป็นไปได้อย่างเดียวก็คือเป็นฝีมือของโผ้จวิน!

แต่ก็ไม่มีใครเห็นว่าเขาเคลื่อนไหวลงมือยังไง?

เร็ว เร็วเกินไป ทุกอย่างเสร็จสิ้นในพริบตา

มีเสียงของความอกสั่นขวัญหายดังมาจากองค์กรนินจาที่อยู่ตรงข้ามกับวัดเต๋า

“ดูเหมือนว่าอู๋จี๋พ่ายแพ้แล้ว เป็นการลงมือที่เร็วและโหดเหี้ยมมาก”

“ฉันเห็นแต่ก้อนหินเล็กๆ เจาะคอของอู๋จี๋ แต่ฉันไม่รู้ว่าเขาเดินหมากรุกยังไง?”

“……”

ผู้อาวุโสชุดขาวพูดอย่างเคร่งขรึม “บางที เราควรต้องทำความรู้จักกับจอมพลโผ้จวินใหม่เสียแล้ว”

วัดเต๋า

“พ่อหนุ่ม ไม่พูดเรื่องคุณธรรมในการต่อสู้ก่อนเหรอ!” อู๋จี๋กุมคอไว้พร้อมกับส่งเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่ง “แกแอบซุ่มโจมตี ฉันสะเพร่าเอง ฉันพลาดเอง!”

ฟางเหยียนยิ้มแล้วยิ้มอีก “ไม่พูดเรื่องคุณธรรมในการต่อสู้?”

“ใช่!” ยิ่งอู๋จี๋ตื่นเต้นมากเท่าไหร่ เลือดก็ยิ่งไหลออกจากคอของเขามากขึ้นเท่านั้น เขาแตะหน้าอกอย่างรวดเร็วสองสามครั้งก็พบว่าเลือดที่คอของเขายังไม่หยุดไหล ตรงกันข้ามมันไหลเร็วเหมือนกับน้ำพุ สิ่งที่ทำให้เขาตกใจมากที่สุดคือมีบางอย่างในร่างกายของเขาดูเหมือนจะรั้งเขาไว้ ป้องกันไม่ให้เขาใช้กำลังภายใน พอจะใช้เลือดจะไหลมากขึ้นเรื่อยๆ!

“คุณธรรมในการต่อสู้? ไม่คู่ควรกับแก! ในเมื่อเป็นศัตรู ยังต้องมีอะไรที่ต้องซับซ้อนอีก? ฆ่าให้ตายก็พอแล้ว” ฟางเหยียนพูดอย่างเย็นชา “สุดท้ายแล้ว ตอบคำถามสองข้อกับฉัน จะได้ถึงเวลาตายสักที ”

สีหน้าของอู๋จี๋ซีดราวกับกระดาษ และฉากที่แปลกประหลาดที่สุดก็เกิดขึ้น

เดิมทีเขามีใบหน้าเหมือนกับชายวัยกลางคน ในพริบตากลับเหมือนใบไม้ตายตกลงมาจากต้นไม้ เขาเปลี่ยนเป็นชายชราในทันที เบ้าตาลึก ผิวหนังเหี่ยว เหมือนกับคนแก่โดยทั่วไป

ใช่แล้ว!

อู๋จี๋กำลังแก่ขึ้นด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า!

เขาดูเหมือนคนบ้ามากขึ้น “แก แกทำอะไรกับฉัน! ทำไมหยุดเลือดไม่ได้ ทำไมฉันถึงกลายเป็นแบบนี้? แกเป็นเพียงคนไร้ขอบเขต สรุปว่าแกเป็นใครกันแน่!”

อู๋จี๋ที่กำลังโกรธจัดตั้งคำถามหลายข้อติดต่อกัน แต่ฟางเหยียนไม่ต้องการตอบคำถามใดๆ

ฟางเหยียนพูดติดตลกด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “แกไม่รู้อะไรเกี่ยวกับขอบเขตเลย!”

“อะไรนะ!” อู๋จี๋ไม่ใช่คนโง่ ฟางเหยียนพูดคำนี้ออกมาได้ ไม่ได้ขี้โม้แบบเขาแน่นอน

สำหรับประโยคที่ว่า แกไม่รู้อะไรเกี่ยวกับขอบเขต!

เป็นการประณามคนที่ฆ่าคนอย่างไม่ต้องสงสัย!

เขาฆ่านินจาระดับต้าชี่หลายคนในเพียงไม่กี่วินาที นินจาเหล่านั้นถือว่าเป็นนินจาที่เก่งที่สุดขององค์กรแล้ว อู๋จี๋คิดว่าตัวเองแข็งแกร่งจนไม่มีใครในโลกนี้เทียบได้ แต่ก็ไม่สามารถตำหนิเขาที่เป็นคนคิดว่าตัวเองสูงส่ง หลังจากขัดเกลาน้ำไร้หน้าแล้ว ความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มขึ้นจริงๆ เมื่อเทียบกับเมื่อก่อนเขาดูแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง และเขาขจัดปัญหาในอนาคต ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ กำลังจะแสดงฝีมือการต่อสู้ และเมื่อเขากำลังโอ้อวดฝีมือ คาดไม่ถึงว่าเขาจะพ่ายแพ้!

ความเป็นจริงช่างโหดร้ายเหลือเกิน!

สถานการณ์ลวงตาที่คิดจะใช้กำลังรังแกคนอื่น แต่พ่ายแพ้แม้กระทั่งคนที่อยู่ในสภาพป่วยออดแอด !

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้อู๋จี๋ก็ตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทาว่า“แก แกคือปรมาจารย์! ”

“ปรมาจารย์สุดยอดมากไหม?”

ฟู่!

อู๋จี๋เหมือนโดนคำพูดของฟางเหยียนกระหน่ำตีอย่างหนัก จู่ๆ เลือดก็พุ่งออกมาเหมือนดอกไม้ไฟ

โกรธจนกระอักเลือด!

อู๋จี๋ไม่เคยคิดว่าผู้ชายคนนี้ที่ดูเหมือนจะไม่มีพิษมีภัย จะมีความสามารถแกล้งทำได้ขนาดนี้!

“งั้นตอนนี้ฉันถามแกตอบ มีปัญหาอะไรไหม?”

เมื่อคิดว่าฟางเหยียนอาจเป็นนินจาระดับปรมาจารย์ อู๋จี๋จึงจะตอบอย่างซื่อสัตย์!

นินจาระดับปรมาจารย์นั่นคือชายที่อยู่บนยอดพีระมิด หากเป็นเมื่อสามร้อยปีก่อนนินจาระดับปรมาจารย์อาจอยู่ตามถนนทั่วไป แต่ตอนนี้สภาพแวดล้อมได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจากมลภาวะ การปีนขึ้นไปบนแถวนินจาระดับปรมาจารย์เป็นเรื่องยากอย่างไม่ต้องสงสัย ยิ่งไม่น่าเชื่อเมื่อเขาพบว่าผู้ชายที่อยู่ข้างหน้าเขาอายุแค่ยี่สิบกว่าปีเท่านั้น!

ช่างเป็นเรื่องตลกจริงๆ !

นินจาระดับปรมาจารย์ในวัยเพียงยี่สิบกว่าปี?

เมื่อนึกถึงตรงที่เขาในวัยเพียงยี่สิบกว่าปียังสามารถทำลายสำนักไร้หน้าได้แหลกเหลว เมื่อลองเปรียบเทียบสิ่งนี้ในใจมันทำให้เขาโกรธจนเลือดพุ่งอีกครั้ง

คนที่ชอบเปรียบเทียบกับใครต่อใคร ช่างน่าโมโหนัก!

ต้องใช้พรสวรรค์และสติปัญญามากแค่ไหนในการเป็นนินจาระดับปรมาจารย์?

ฟางเหยียนเป็นสิ่งชั่วร้ายในบรรดาสิ่งชั่วร้ายทั้งหมด!

แต่ตอนนี้สำหรับอู๋จี๋ที่มีชีวิตอยู่มานานกว่าสองร้อยปีแล้ว การมีชีวิตอยู่ถึงจะเป็นความสามารถที่ไม่มีสิ้นสุด และการแสวงหาศิลปะการต่อสู้มีความสำคัญมากกว่าสถานะทางการเงิน เขายอมเสียศักดิ์ศรี เขาต้องการมีชีวิตอยู่ต่อ และเขาต้องการเป็นนินจาระดับปรมาจารย์

ดังนั้นตอนนี้เขาจึงเป็นเหมือนลูกแมวที่กำลังป่วย ไม่มีความชั่วร้ายและความหยิ่งผยองเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

เขาจะกล้าหยิ่งผยองได้อย่างไร?

ยอมเป็นคนจนตรอกคือกุญแจสำคัญในการรอดชีวิต!

ศักดิ์ศรีคืออะไร?

กินได้ไหม?

การมีชีวิตอยู่คือความหวังอีกหนึ่งคืบ!

“ท่านผู้อาวุโสถามได้เลย ถ้าข้าน้อยรู้ข้าน้อยตอบได้ทุกอย่าง”

ในเส้นทางศิลปะการต่อสู้ไม่ได้เอาอายุเป็นกฎเกณฑ์ ฝีมือและความแข็งแกร่งต่างหากคือทุกสิ่ง

“สำนักงานใหญ่ขององค์กรอยู่ที่ไหน?”

อู๋จี๋แทบไม่ลังเลที่จะส่ายหัว แต่เมื่อสังเกตเห็นสายตาพิฆาตของฟางเหยียนเขาจึงรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว “ท่านผู้อาวุโส คนที่ติดต่อกับฉันคือคนขององค์กรสัตว์เพลิงจริงๆ และผู้นำองค์กรสัตว์เพลิงสาขาเหลืองที่ถูกฉันฆ่าตายคือเขาจริงๆ แต่ฉันไม่รู้ตำแหน่งของที่ตั้งขององค์กรสัตว์เพลิง คนที่ติดต่อกับฉันมักจะเป็นผู้ชายที่ไม่ได้เปิดเผยตัวตนอย่างตรงไปตรงมา เขาชื่อหยินฮว่า เป็นรองผู้นำองค์กรสัตว์เพลิงสาขาเหลือง”

ฟางเหยียนรู้ว่าสิ่งที่อู๋จี๋พูดนั้นเป็นความจริง และหลินถงก็เคยบอกว่าหยินฮว่าขอให้เธอติดตามฟางเหยียน เขาขี้เกียจที่จะพูดเรื่องไร้สาระกับเขาแล้ว จึงถามไปตรงๆ ว่า “คำถามที่สอง ฉันจะเอาน้ำไร้หน้าได้อย่างไร? ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้หัวใจของอู๋จี๋ก็สั่นในทันที เปลือกตาเบิกกว้างอย่างบ้าคลั่ง “ท่านผู้อาวุโส ท่านอาวุโส ท่านพูดจริงหรือ?”

ฟางเหยียนพูดเบาๆ “แกคิดว่าฉันล้อเล่นเหรอ? ”

จอมนักรบทรงเกียรติยศ

จอมนักรบทรงเกียรติยศ

เทพแห่งสงครามกลับเยือนบ้าน เห็นภรรยาตกที่นั่งลำบากถูกคนเย้ยหยัน ความโกรธแผ่ซ่านไปทั่วเมือง! คนที่คิดจะกระตุกหนวดเสือ มันต้องไม่ตายดีแน่! กล้าทำให้เทพแห่งสงครามมีน้ำโห เตรียมเผชิญกับสงครามนองเลือดไว้ได้เลย!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset