“ทำผิดแล้ว ก็ต้องโดนลงโทษ ตระกูลเซียวที่ทำเรื่องเลวทราม มาถึงปลายทางแล้ว!” ฟางเหยียนพูดจาแบบง่ายๆ แต่ความหมายลึกซึ้ง และพูดถึงประเด็นที่ถาม
เห็นได้ชัดว่าเย่ชิงหยู่ฟังไม่เข้าใจ แต่ยังแกล้งทำเป็นพยักหน้าเข้าใจไป
จากนั้นพูดพึมพำกับตนเอง “ไม่รู้จริงๆ ว่าคนของตระกูลใหญ่พวกนี้คิดอย่างไรกัน ทำไมต้องไปทำเรื่องเลวๆ พวกนี้ด้วย หรือว่าตั้งใจทำเรื่องของตัวเองไปไม่ได้เหรอ?”
ฟางเหยียนลังเลอยู่สักพักหนึ่ง มองเย่ชิงหยู่ที่หน้าตาไร้เดียงสา ถามว่า “หรือเธอไม่รำคาญตระกูลเซียวสักนิดเลยเหรอ?”
เย่ชิงหยู่ทอดถอนใจทีหนึ่ง ตอบว่า “รำคาญสิ ทำไมจะไม่รำคาญ บ้านพวกเราพึ่งเกิดเรื่อง พวกเขาก็ซื้อบริษัทมากมายของตระกูลพวกเราไป พฤติกรรมแบบนี้น่าเกลียดจริงๆ แต่สถานะของพวกเราในตอนนี้มีความสามารถอะไรไปพูดกับคนอื่นเขาล่ะ เงินก็เป็นของคนอื่น ซื้อไปก็เป็นคนอื่นใช้เงินซื้อ พวกเราจะมีวิธีอะไร”
เย่ชิงหยู่ผ่านโลกมาน้อยเกินไป โดยเฉพาะยังใสซื่อเกินไปด้วย มองเพียงแค่ภายนอกของเรื่องราว ไม่ได้ดำเนินการครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง คงมีสักวันที่เธอจะรู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับตระกูลเย่เป็นตระกูลเซียวลงมือ เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา
เย่ชิงหยู่เอียงศีรษะ ขบคิดครู่หนึ่ง แล้วถามว่า “ฟางเหยียน คงไม่ใช่นายทำหรอกมั้ง? เรื่องที่เกิดกับตระกูลเซียวพวกนี้ล้วนเป็นนายทำทั้งหมดเหรอ?”
ฟางเหยียนตะลึง อดมองเย่ชิงหยู่อย่างละเอียดใหม่อีกรอบไม่ได้
เธอคงไม่ใช่เดาอะไรออกมาได้บ้างแล้วมั้ง? ฟางเหยียนคิดในใจ
แต่ทันใดนั้น เธอก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาเล็กน้อยพลางพูดว่า “ฉันล้อนายเล่นนะ ดูท่าทางประหม่าของนายนั้นสิ ต่อให้นายมีความคิดแบบนั้น ก็คงไม่มีความกล้าแบบนั้นหรอก”
“ฉันจะไปดูแม่ฉันสักหน่อย!”
พูดจบเย่ชิงหยู่ก็เดินเข้าห้องไปแบบไม่สนใจไยดี
ไม่นานเย่ชิงหยู่ก็วิ่งออกมา พูดว่า “ฟางเหยียน แม่ฉันอยากกินบะหมี่ นายออกไปซื้อสักหน่อยได้มั้ย?”
“กินบะหมี่?” ฟางเหยียนพูดทวนสองคำนี้อีกรอบ
ปกติในบ้านล้วนเป็นจางเจียวเจียวทำกับข้าว ในด้านการเข้าครัวเรื่องนี้ เย่ชิงหยู่ยังไม่รู้ภาษาจริงๆ
“ไม่ต้องซื้อหรอก ฉันทำเอง!” พอพูดจบเขาก็เดินเข้าไปในห้องครัว
เย่ชิงหยู่มึนงง ถามว่า “นายยังทำบะหมี่เป็นด้วยเหรอ? บะหมี่ที่นายทำกินได้รึเปล่า?”
ฟางเหยียนหัวเราะแต่ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่เดินเข้าห้องครัวแล้วเริ่มลงมือทำ เย่ชิงหยู่มองดูฟางเหยียนอยู่ที่ขอบหน้าต่าง ในใจทั้งสงสัยทั้งกลัดกลุ้ม
เมื่อสมัยก่อนฟางเหยียนทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง วันนี้ทำไมถึงต้มบะหมี่เป็นแล้วล่ะ?
หลังจากนั้นห้านาทีก็มีกลิ่นหอมลอยออกมา เย่ชิงหยู่เบิกดวงตาโตถามว่า “กลิ่นนี้ ทำไมถึงหอมขนาดนั้นล่ะ?”
ฟางเหยียนยกบะหมี่ชามหนึ่งเดินเข้ามาแล้วพูดว่า “เอาไปให้คุณน้าจางกินเถอะ!”
มองบะหมี่ที่หน้าตาน่ากินมากชามนั้น เย่ชิงหยู่ตกตะลึงอย่างยิ่ง ถามว่า “อร่อยมั้ย?”
พูดๆ อยู่ เธอก็ใช้ตะเกียบคีบขึ้นมา พึ่งทานไปคำหนึ่ง เธอตกตะลึงค้างไปเลย
นี่เป็นความจริงเหรอ? ทำไมถึงมีบะหมี่ที่อร่อยขนาดนี้?
เธอมักจะทานอาหารเช้าข้างนอก บะหมี่อร่อยสารพัดแบบที่ว่ามานั้นยังไม่อร่อยเท่าชามนี้ที่ฟางเหยียนทำเลย
รสชาติแบบนี้ พอทานไปคำหนึ่ง ใครก็ไม่อาจทนไม่ทานคำที่สองได้
เธอเบิกดวงตาโตมองฟางเหยียนแล้วถามว่า “นี่ นี่ๆๆ เป็นนายทำเองจริงเหรอ? ฟางเหยียน”
เมื่อก่อนตอนที่อยู่ในกองทัพ ฟางเหยียนมักจะต้มบะหมี่ ฝีมือทำอาหารรสเลิศนี้เป็นเพื่อนร่วมรบสอนมา
ฟางเหยียนส่ายหน้าด้วยความจำใจ พูดว่า “ใช่ ด้านในยังมีเหลือไว้ให้เธออยู่ ฉันไปก่อนนะ จะออกไปทำธุระหน่อย”
พูดจบเขาก็หยิบหินสีสองก้อนเดินไปยังวังเซ่าเซียนของเขตเหนือ เขาไม่เข้าใจว่าหินก้อนนี้คือของบ้าอะไรกัน บางทีเถ้าแก่ที่เก่งกาจคนนั้นน่าจะรู้
เมื่อเขามาถึงที่วังเซ่าเซียน ที่นี่ล้อมรอบไปด้วยคนกลุ่มหนึ่ง เฮียเตาที่โดนฟางเหยียนต่อยครั้งก่อนนั้นก็อยู่เช่นกัน
แต่ว่าคนกลุ่มนี้ไม่เห็นถึงการมีตัวตนของฟางเหยียน กำลังดำเนิน“กิจกรรม”แบบครั้งก่อนกับผู้เฒ่าหัวล้านที่เหมือนคนต่างถิ่นคนหนึ่งอยู่
เฮียเตาใช้เสียงที่มุทะลุของเขานั้นพูดขึ้น “เอาแบบนี้ ในเมื่อนายชอบของล้ำค่านี้มากจริงๆ สนใจวัสดุด้านในแล้ว ก็เอาหนึ่งล้านมาละกัน! ถึงแม้ว่าฉันจะชอบมากเหมือนกัน แต่ถ้านายอยากได้ ฉันจะยกให้นาย”
เดิมทีเสียงนี้ไม่เหมือนกับยอมคน แต่กำลังข่มขู่ให้เกรงกลัว ความหมายประมาณว่านายไม่เอาก็ต้องเอาทำนองนั้น ส่วนเถ้าแก่ต่างถิ่นคนนั้นเคยเจอสถานการณ์แบบนี้ที่ไหนกัน ถูกท่าทีโมโหของเฮียเตาทำเอาตกใจจนอึ้งค้าง มองผู้คนเดินไปมาด้วยความประหม่าอย่างยิ่ง
เรื่องราวนี้เหมือนกับครั้งก่อนไม่มีผิด ดูแล้วสองคนนี้ไม่ได้รู้สึกเสียใจและคิดจะปรับปรุงเลยแม้แต่น้อย
“อะแฮ่ม!” ฟางเหยียนจงใจไอไปสองที เสียงกระแอมนี้ดึงดูดความสนใจของฝูงชนที่มุงดูแล้ว
ตอนที่เถ้าแก่คนนั้นมองเห็นฟางเหยียน ตอนแรกบนหน้ายังมีรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์ ทว่าในวินาทีนี้บนหน้ากลับแข็งตัวไปหมด แวบเดียวกลายเป็นตกใจ หวาดกลัว จิตใจที่ซับซ้อนสารพัดรวบรวมไว้ด้วยกัน ทำให้หน้าของเขาเปลี่ยนไปดูแย่อย่างไร้ที่เปรียบ
เฮียเตาหันกลับมามองด้วยหน้าตาไม่พอใจ สีหน้าเปลี่ยนแปลงขึ้นมาแบบสลับซับซ้อนมากมาย
เขายกมือขึ้นมาลูบแก้มของตนเองแบบควบคุมไม่ได้ เรื่องที่ถูกตบครั้งก่อนยังคงชัดเจนอยู่ในใจ
“นาย…นาย…นายมาทำอะไรที่นี่?” เฮียเตาถามขึ้นแบบกล้าหาญ ความเป็นจริงในใจหวาดผวาไม่สงบ ขาสั่นเทิ้มขึ้นเองแบบไม่รู้ตัว อย่ามองว่าเขาเอาแต่กลั่นแกล้งทั้งวัน ในความเป็นจริงคือพวกรังแกคนอ่อนแอและกลัวคนเหนือกว่าคนหนึ่ง
เจอพวกที่อ่อนแอกว่า จัดการเต็มที่ แต่พอเจอคนที่เหนือกว่าเข้าจริง นั่นก็ขี้ขลาดจนแทบตาย
หลังจากระยำอยู่บนถนนมา ล้วนมีคำพูดหนึ่งกล่าวไว้ว่าคนเชื่อฟังกลัวพวกระยำ พวกระยำกลัวผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ยิ่งใหญ่กลัวพวกไม่กลัวตาย ฟางเหยียนจัดอยู่ในพวกที่ไม่กลัวตายประเภทนั้น และยังเก่งกาจอีกด้วย
“ไม่มีอะไร แค่เข้ามาดูหน่อยว่าช่วงนี้พวกนายปรับตัวบ้างหรือยัง” คำพูดของฟางเหยียนทำให้ทั้งสองคนตกใจจนเหงื่อแตกไปทั่วทั้งตัว
เฮียเตามองเถ้าแก่แบบไม่เป็นอิสระ พูดว่า “คือว่า อะไรนะ หินก้อนนี้นายดูเอาเองเถอะว่าจะทำยังไง! ทางนั้นฉันยังมีอีกหลายร้านที่ต้องดู ฉันขอเข้าไปก่อนสักหน่อย!”
พูดๆ อยู่ เขาก็โบกมือให้ วิ่งออกจากวังเซ่าเซียนไปอย่างหวาดผวา
พอเถ้าแก่เห็นเฮียเตาไปแล้ว ชั่วขณะนั้นรู้สึกสูญเสียเสาหลักไป เกือบจะร้องไห้ออกมาแล้ว
แม้แต่เฮียเตายังกลัวคนคนนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตนเองเลย เฮียเตาโดนตบจนสลบ ถ้าตบมาบนหน้าของตนเอง กลัวว่าคงตายเป็นแน่
เขามองฟางเหยียนด้วยความกลัว กลืนน้ำลายอึกหนึ่งอย่างแรง พูดแบบหน้าตาขมขื่น “คือว่านะ นี่ไม่ใช่ความคิดของผม! เป็นเฮียเตาข่มขู่ให้ผมทำแบบนั้น ท่าน ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำขนาดนั้นจริงๆ”
“นายไม่ต้องประหม่า นี่ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลยไม่ใช่รึไง?” ฟางเหยียนเดินไปด้านข้างของเถ้าแก่ ตบบนไหล่ของเขาเบาๆ ตบนี้ เล่นเอาเถ้าแก่เกือบคุกเข่าลงไปบนพื้น นี่แม่งยังพูดว่าไม่มีอะไร ครั้งก่อนที่เฮียเตาก็ถูกตบจนหน้าบวมเปล่งเป็นหัวหมู
“นั่นอะไร? หินก้อนนี้นายขายยังไง?” ฟางเหยียนหยิบหินที่เถ้าแก่ต่างถิ่นคนนั้นอยากได้ขึ้นมา ถามนิ่งๆ
เถ้าแก่ตะลึงพักหนึ่ง มองเถ้าแก่หัวล้านคนนั้นอย่างชั่วร้ายมาก พูดว่า “หนึ่งแสน!”
เขาไม่กล้าพูดราคามั่วซั่วอีก พูดแบบละเอียดยิบ
“เถ้าแก่ นี่คือราคาที่ก่อนหน้านี้พวกคุณตกลงกันไว้เหรอ?” ฟางเหยียนมองทางเถ้าแก่หัวล้านที่ตกใจกลัวจนตอนนี้ยังไม่ทันได้สติกลับมาคนนั้นแล้วถามไป
เขามองฟางเหยียนด้วยความตกใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังพูดอะไรอยู่บ้าง เมื่อสักครู่ชายกำยำคนนั้นยังพาคนมามากมายขนาดนั้น ทั้งยังหวาดกลัวจนหนีกระเซอะกระเซิงไป นี่สรุปเป็นใครกัน? เป็นคนดีหรือเลว? เป็นศัตรูหรือเป็นมิตร?
พึ่งโดนข่มขวัญไป หวาดกลัวจนถูกหลอกเอาเงินไปมาก นี่แม่งเห็นได้ชัดว่าเป็นร้านปลดทรัพย์
ฟางเหยียนขี้เกียจสนใจเขา พูดว่า “หนึ่งแสน รีบเอาไปเถอะ!”