หยางซ่าวหานมองเห็นคนไม่น้อยออกมาจากโรงแรมหนานโจว ในปากยังพูดพึมพำไม่เลิก
“คุณนายใหญ่ตระกูลถังคนนี้เผด็จการจริงๆ เข้าไปแล้วไล่พวกเราออกมาไม่ว่า ยังพาผู้ชายคนหนึ่งเข้าไปแบบโจ่งแจ้งขนาดนั้นด้วย เหมาหมด! นี่ถ้าลอยไปถึงหูของตระกูลถังเข้า กลัวว่าต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่”
“นายอย่าพูดไป ในหนานหลิงนี้มีผู้ชายสักกี่คนที่สามารถนัดคุณนายใหญ่คนนี้ได้ ฉันยังไม่เคยเห็นเลย! นี่อธิบายอะไร อธิบายได้ว่าสถานะกับตำแหน่งของคนนี้ไม่อยู่ใต้ตระกูลถังน่ะสิ!”
“ไร้สาระ! นายอย่าลืมว่าที่หนานหลิงนี้ ครึ่งหนึ่งล้วนเป็นของตระกูลถัง ฉันว่านั่นเป็นเด็กเลี้ยงของคุณนายใหญ่ถังมากกว่า”
“ไม่ว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็นใคร ฉันแม่งอิจฉาผู้ชายคนนั้นชะมัด นึกไม่ถึงจะได้กินอาหารรสเลิศระดับนี้”
“อิจฉาไปมีประโยชน์อะไร กลับบ้านไปนอนเถอะ!”
หยางซ่าวหานกลอกลูกตาไปมา ทำเสียงฮึดฮัด ล้วงมือถือออกมาต่อสายโทรศัพท์
“คุณชายหม่าครับ ทางนี้ผมเจอเรื่องใหญ่เข้าแล้ว คุณนายใหญ่ถังนัดเจอกับผู้ชายคนหนึ่งครับ เหมาทั้งโรงแรมหนานโจวเอาไว้ ดูท่าทางสองคนนั้นน่าจะไม่ใช่มีแบบนี้กันเป็นครั้งแรกด้วยครับ!”
“เชี้ย!” ในสายโทรศัพท์นั้นด่าหยาบคายมาคำหนึ่ง จากนั้นวางสายโทรศัพท์ลงทันที
หยางซ่าวหานหัวเราะแบบได้ใจขึ้นมา มองโรงแรมหนานโจวอยู่พลางพูดว่า “ฉันจะรอดูว่าแกจะตายยังไง!”
เวลาไม่ถึงสิบนาที รถปอร์เช่สีแดงคันหนึ่งจอดอยู่ที่หน้าประตูของโรงแรมหนานโจว
ผู้ชายอายุน้อยที่แต่งตัวทันสมัยคนหนึ่งเดินออกมาจากบนรถอย่างโมโหเดือดดาล ผิวพรรณของชายหนุ่มเข้มพอสมควร บนร่างกายใส่ของมียี่ห้อทั้งตัว บุคลิกทั้งหมดของเขาดีมาก ความรู้สึกที่คนมองไปคือดูแข็งแรง ล่ำสัน พอหยางซ่าวหานเห็นคนคนนี้ รีบเดินเข้าไปหาทันที จากนั้นพูดกับหม่าซวี่ซง “คุณชายหม่า คนอยู่ด้านในครับ ทั้งพื้นที่ถูกพวกเขาเหมาแล้วครับ”
“เชี้ย! นายดูชัดเจนดีแล้วใช่ไหม เป็นหลินถงกับผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่งจริงเหรอ?” หม่าซวี่ซงถามอย่างเดือดดาล
หยางซ่าวหานรีบพยักหน้าตอบ “ใช่ครับ คุณชายหม่า ผมดูจนแม่นยำแน่นอน ผู้ชายคนนั้นยังมาจากต่างถิ่นอีกด้วยครับ เมื่อกี้อยู่บนรถก็ต่อยลูกน้องของผม ต่อมาคุณนายถังออกหน้าช่วยเขา แล้วยังเชิญชวนเขามาด้านในโรงแรม คุณชายหม่า ผมหยางซ่าวหานถึงแม้ไม่ใช่คนดีอะไร แต่ถ้าเอาเรื่องนี้มาหลอกคุณ ผมต้องไม่ได้ตายดีจริงๆ ครับ!”
“เชี้ย!” เขาถีบประตูรถปอร์เช่ไปอย่างหนักหน่วง จากนั้นถลึงตาใส่หยางซ่าวหานทีหนึ่งพลันพูดว่า “ต่อไปตอนพูดจาระวังให้ฉันด้วย เธอไม่ใช่คุณนายถังอะไร เรียกเธอว่าพี่สะใภ้!”
หยางซ่าวหานรีบพยักหน้าตอบ “ครับๆๆ! ขอโทษครับคุณชายหม่า ผมปากพล่อยเอง!”
เขารีบตบปากของตนเองเหมือนหมาตัวหนึ่ง
คุณชายหม่าทำเสียงฮึดฮัด จากนั้นก้าวใหญ่ๆ เดินเข้าไปแล้ว
เหตุการณ์ฉากนี้ทำเอาผู้คนปวดใจไม่น้อย รถปอร์เช่คันนั้นราคาสองล้านกว่า คนมากมายแค่ไหนที่ชาตินี้ก็ซื้อไม่ได้ โดนเขาถีบไปรุนแรงขนาดนั้น ค่าซ่อมบำรุงคงหลายแสน
มองเห็นคุณชายหม่าเดินเข้าโรงแรมหนานโจวอย่างโมโห คนที่ยังไม่ได้ออกไปจากโรงแรมกลุ่มนั้นและคนที่ผ่านมาล้วนรู้ว่าต้องเกิดเรื่องใหญ่ที่สั่นสะท้านหนานหลิงขึ้นแน่ พวกยุ่งเรื่องชาวบ้านไม่เคยกลัวเรื่องใหญ่ ดังนั้นต่างล้อมอยู่ที่หน้าประตูของโรงแรม รอคอยว่าจะเรื่องราวเกิดขึ้น แม้กระทั่งมีบางคนตัดสินใจเฉียบขาด
“พวกนายว่าครั้งนี้ผู้ชายคนนั้นจะทนได้นานเท่าไร?”
“มากสุดหนึ่งนาที ผู้ชายคนนั้นคงโดนฟันขาสองข้างทิ้งออกมา เรื่องแบบนี้ยังต้องถามอีกเหรอ?”
“ฉันพนันสามสิบวินาที หนึ่งร้อย! ใครกล้ารับ”
นิสัยเสียอารมณ์ร้อนของหม่าซวี่ซงขึ้นชื่อที่หนานหลิง คุณชายดุร้าย ที่มาของชื่อเรียกนี้มาจากบนตัวของเขาเอง เขาเคยประกาศต่อสาธารณะที่หนานหลิงว่าตามจีบหลินถงสาวงามอันดับหนึ่ง เรื่องนี้วุ่นวายจนเป็นที่วิจารณ์กันทั่วบ้านทั่วเมือง
ต่อมามีคนไม่รู้จักที่ตายสองสามคนไปติดต่อหลินถง ต่อมาหายตัวไปแบบไร้สาเหตุ ตามท้องถนนมีข่าวลือว่าโดนหม่าซวี่ซงฆ่าทิ้ง จากนั้นทำลายศพ
ตั้งแต่นั้นมา น้อยคนมากที่ไปติดต่อกับหลินถง มีคนต่างถิ่นที่ไม่รู้ประเมินค่าหลินถงอย่างสะเพร่า พอลอยไปถึงหูของหม่าซวี่ซง ไม่เกินสองวัน คนผู้นั้นก็กลายเป็นคนหายสาบสูญ
หม่าซวี่ซงไม่ต้องพึ่งกำลังของลูกน้องยังสามารถจัดการคนได้ เพราะตั้งแต่เด็กเขาเคยเรียนกังฟูมา ว่ากันว่ายังมีระดับการฝึกลึกซึ้งไม่น้อย ก่อนหน้านี้ที่หนานหลิงจัดการแข่งขันการต่อสู้ทั้งประเทศ เขาคว้ารางวัลชนะเลิศการต่อสู้ของหนานหลิงมา แถมยังเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศทั้งประเทศด้วย
ถึงแม้ว่าสุดท้ายพ่ายแพ้ แต่คนทั้งหนานหลิงรู้ดีว่าหม่าซวี่ซงเป็นคนที่มีฝีมือจริง
ในโลกใต้ดินของหนานหลิง ถึงแม้พูดว่าทางใต้มีเสือดาวดำ ทางเหนือมีแมวป่า แต่คนที่รู้ภาษาล้วนรู้กันทั้งนั้น ที่ตัดสินใจหลักคือเขาหม่าซวี่ซง ไม่ว่าเป็นเสือดาวดำหรือแมวป่า ต่างเป็นลูกน้องของเขาแค่นั้นเอง
เดิมคิดว่าหลินถงจะกลายมาเป็นภรรยาของหม่าซวี่ซง ต่อมาไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงไปแต่งงานกับถังเจิ้งเหาคุณชายตระกูลถังแล้ว ทุกคนคิดว่าเรื่องวุ่นวายของหม่าซวี่ซงหยุดลงได้ ใครจะไปรู้พึ่งแต่งงานได้สามวัน ถังเจิ้งเหาก็เสียชีวิตลง
เป็นเพราะแบบนี้ หม่าซวี่ซงถึงตามจีบหลินถงขึ้นมาอย่างโจ่งแจ้ง
สำหรับการตายของถังเจิ้งเหา โลกภายนอกมีข่าวลือสามอย่าง
อย่างแรกคือเสียชีวิตจากโรคภัยไข้เจ็บ เดิมทีถังเจิ้งเหาร่างกายค่อนข้างอ่อนแอ บวกกับแต่งภรรยาที่สวยหยาดเยิ้มแบบนี้ไปด้วย ต้องใช้งานเกินขนาดจนทำให้เสียชีวิตลง นี่คือเนื้อหาที่ทุกคนพูดกันไปทั่ว
อย่างที่สองเหมือนกับที่ภายนอกพูดมา หลินถงมีดวงกินผัว แต่งงานกับใครคนนั้นมักมีอันเป็นไปทั้งหมด ถังเจิ้งเหาถูกหลินถงทำให้มีอันเป็นไป คนที่พูดลือออกไปแบบนี้มีค่อนข้างมาก
อย่างที่สามมีความเกี่ยวข้องกับหม่าซวี่ซง มีคนบอกว่าหม่าซวี่ซงส่งคนมาจัดการ แต่ว่าข่าวลืออันนี้ไม่มีใครกล้าลือมั่วซั่ว โดยเฉพาะนั่นคือตระกูลถัง ถึงแม้ว่าตระกูลหม่าไม่ได้ด้อย แต่เมื่อเทียบกับตระกูลถังยังจะแย่กว่านิดหนึ่งระดับนั้น
ตอนนี้มองเห็นหม่าซวี่ชงขึ้นไปแล้ว ทุกคนแอบคาดเดากันในใจ แม้แต่ถังเจิ้งเหายังสู้เขาไม่ได้ ไม่รู้ว่าเจ้าหนุ่มคนนี้จะต้องตายแบบไหนกัน ดังนั้นทุกคนอดส่ายหน้าไม่ได้ รู้สึกเสียใจแทนผู้ชายคนนี้
ชีวิตมีเพียงครั้งเดียว คนผู้นี้ยังอายุน้อยขนาดนั้นกลับต้องมาตายเสียแล้ว ควรค่าแก่ความเห็นอกเห็นใจ
หม่าซวี่เดินเข้าโรงแรมไป ผู้จัดการโรงแรมสีหน้าตกใจ รีบเข้ามาพูดจาด้วย “คุณ…คุณ…คุณชายหม่า! ท่านมาได้อย่างไรครับ? วันนี้ไม่สะดวกจริงๆ โรงแรมพวกเราถูกเหมาเอาไว้หมดแล้ว เกรงว่ายังต้องรบกวนคุณชายหม่าท่าน…”
หม่าซวี่ซงจ้องโรงแรมที่ว่างเปล่า ตะคอกใส่ “คนล่ะ?”
เสียงตวาดขัดจังหวะผู้จัดการไม่ทันได้พูดจนจบ
ผู้จัดการตะลึง กลอกลูกตาวนรอบหนึ่ง ถามว่า “คุณชายหม่า นี่ท่านหมายความว่าอะไรครับ? ใครกัน?”
หม่าซวี่ซงคว้าตัวผู้จัดการขึ้นมาด้วยความแค้นเคือง จ้องเข้าด้วยดวงตาโกรธจัดถามเขาแบบเน้นไปทีละคำ “ฉันพูดหมายความว่าอะไร แกน่าจะรู้ดียิ่งกว่าฉันมั้ง? คำพูดเดิม ฉันไม่อยากถามเป็นรอบที่สามอีก คนล่ะ?”
ผู้จัดการตกใจจนสั่นแทบไม่ไหว เขารีบชี้ไปด้านบนตึกตอบว่า “อยู่ด้านบนครับ! ห้องวีไอพี”
หม่าซวี่ซงทำเสียงฮึดฮัด ก้าวเท้าเดินขึ้นไปด้านบนตึกแล้ว ท่วงท่านั้นราวกับอยากฆ่าคน
แต่ว่าบอดี้การ์ดหลายคนนั้นของหลินถงรีบล้อมรอบเข้ามาทันที ขวางหม่าซวี่ซงไว้ พูดว่า “คุณชายหม่า คุณนายสั่งไว้ ไม่อนุญาตให้ใครขึ้นไปรบกวน!”
หม่าซวี่ซงกัดฟัน ไม่พูดอะไรสักนิด กุมหมัดไว้ปล่อยออกไปทีละหมัด ไม่นานนักก็ต่อยหลายคนนั้นจนพลิกคว่ำอยู่บนพื้น
เขาถุยน้ำลายออกมาอย่างเดือดดาล ด่าทอ “แม่งเอ๊ย สวะอะไรกัน กล้ามาขวางทางฉัน!”
เขาพูดพลางเดินไปด้านหน้าต่ออีก แต่ทว่าเพิ่งเดินมาไม่ถึงสองก้าว เขาหยุดชะงักฝีเท้าลง ตรงกลางบันไดมีชายล่ำสันที่สูงใหญ่คนหนึ่งนั่งอยู่ ชายล่ำสันหลับตาสนิท กุมหมัดไว้ที่คาง ขายาวทั้งสองอ้าออก ขวางทั้งบันไดเอาไว้แล้ว