“เสือดาวดำ ยังไม่ต้องไปสังหารที่โรงแรมหนานโจวชั่วคราว ปล่อยให้มันกระโดดโลดเต้นไปสองสามวัน ติดต่อแมวป่า ค้นหาสถานะของคนคนนั้นให้ฉันหน่อย อีกสองวัน ฉันต้องการข้อมูลทั้งหมดของมัน”
พูดจบเขาก็รีบไปที่บ้านเลย
อีกด้านหนึ่ง ฟางเหยียนและหลินถงที่โรงแรมหนานโจว
หลินถงนึกไม่ถึงว่าฟางเหยียนยังมีฝีมือระดับนี้ พอเขาลงมือ ทำเอาเธอตกใจจริงๆ
มองหน้าที่ถูกทำให้ตกใจจนซีดเซียวใบนั้น ฟางเหยียนถามว่า “คุณนายถัง ไม่เป็นไรนะครับ?”
“หา!” หลินถงได้สติกลับมาช้าๆ กะพริบตามองฟางเหยียนแล้วตอบว่า “ไม่เป็นไร ฉันไม่เป็นไรค่ะ”
เธอสงบลงมาสักพัก ก่อนจะถามขึ้น “เมื่อสักครู่ คุณฟางเรียกฉันว่าอะไรนะคะ?”
“คุณนายถัง!”
หลินถงส่ายหน้าบอก “ต่อไปคุณฟางเรียกฉันว่าเสี่ยวถงดีกว่าค่ะ คุณเรียกฉันแบบนี้ ทำให้ฉันรู้สึกแปลกๆ”
ฟางเหยียนตะลึง เสี่ยวถง มีความจำเป็นต้องเรียกใกล้ชิดแบบนี้เหรอ? เขากับหลินถงไม่ใช่เป็นแค่เพื่อนที่รู้จักทั่วไปเท่านั้นเหรอ
“ใช่แล้วค่ะ คุณฟาง เมื่อสักครู่คุณทำกับหม่าซวี่ซงขนาดนั้น เขาคงไม่ปล่อยคุณไปแน่ คนคนนี้เจ้าคิดเจ้าแค้น แถมอยู่ที่หนานหลิงมีโลกใต้ดินของตนเองอีกด้วย เกรงว่าจะไม่เป็นผลดีต่อคุณ คุณไปพักที่บ้านฉันดีกว่าค่ะ ที่ตระกูลถัง เขาคงไม่กล้าทำอะไรมั่วซั่ว” หลินถงเชื้อเชิญด้วยความหวังดี
ฟางเหยียนปัดมือตอบ “ไม่เป็นไร!”
หลินถงมองเห็นลักษณะที่มั่นใจขนาดนั้นของฟางเหยียน จึงพูดว่า “คุณฟาง คุณอาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจหนานหลิงแห่งนี้ ตอนนี้บางทีคุณอาจเป็นต่อกว่า แต่ว่าคุณ…”
“ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ!” ฟางเหยียนตัดสินใจขัดจังหวะคำพูดของหลินถงแล้ว “ผมไม่มีความจำเป็นต้องไปกลัวใคร”
จอมพลโผ้จวินของประเทศหวา จะไปหวาดกลัวและหวั่นเกรงใครคนใดได้อย่างไรกัน
ตระกูลหม่าที่เล็กๆ อยากจะกำจัดเรียบก็เป็นแค่เรื่องที่เขาพูดคำเดียวเท่านั้น
หลินถงมองเห็นท่าทางฟางเหยียนแบบนี้ จึงไม่พูดอะไรอีก บางทีเขาอาจมีวิธีการของตนเองกระมัง
หลังจากส่งหลินถงไปแล้ว ฟางเหยียนและเทียนขุยมาถึงสถานที่พักผ่อนที่ชื่อว่ารีสอร์ตหยูฉวนที่ชานเมืองทางเหนือของหนานหลิง
หลินถงจัดเตรียมที่โรงแรมหนานโจวให้ฟางเหยียนไว้แล้ว แต่กลับถูกฟางเหยียนปฏิเสธ ตอนนี้ฟางเหยียนเลือกสถานที่ ไม่ใช่ดูจากที่ราคาถูกแพง แต่เลือกว่าฮวงจุ้ยดีหรือไม่
สถานที่ฮวงจุ้ยดีสามารถทำให้ฟางเหยียนบำรุงร่างกายได้ดีมาก ขับเลือดคั่งภายในร่างกายออก ดังนั้นเขาจึงเลือกสถานที่ฮวงจุ้ยดีที่สุดทั่วทั้งหนานหลิง รีสอร์ตหยูฉวน
ที่นี่ไม่ถือว่าสูงส่งมากเท่าไร แต่สามารถพูดได้ว่าฮวงจุ้ยเป็นเลิศแน่นอน เทียบกับตึกว่านฉงที่เมืองจินโจวยังดีกว่าด้วยซ้ำ
เทียนขุยยืนอยู่ด้านหน้าของฟางเหยียน พูดว่า “จอมพลโผ้จวินครับ เรื่องที่ท่านสั่งไว้ทำเรียบร้อยแล้วครับ บอกกล่าวกับหม่าจงหัวมาแล้วครับ”
ฟางเหยียนพยักหน้า ลุกขึ้นมาจากเตียง ตอบว่า “ดี ฉันกับตระกูลหม่าไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ และไม่อยากก่อเรื่องวุ่นอะไรขึ้น นี่คือการเตือนสติให้เขาตระกูลหม่าครั้งหนึ่ง ถ้ามีครั้งที่สองอีก ฆ่าหม่าซวี่ซงได้ทันที”
“ครับ!” เทียนขุยตอบรับ
ครุ่นคิดสักพักหนึ่ง เทียนขุยคิดอะไรขึ้นได้อีก พูดว่า “ใช่แล้วครับ หวงหยวนฉาวรู้ว่าท่านมาถึงแล้ว อยากนัดท่านไปทานข้าวที่บ้านเขาวันพรุ่งนี้ครับ”
ฟางเหยียนเช็ดเหงื่อบนหน้าสักหน่อย ส่ายหน้าบอก “ช่างเถอะ ตามหาต่งโป๋เหวินก่อน”
“ครับ ที่อยู่ของต่งโป๋เหวินค้นหามาเรียบร้อย อยู่ด้านในซอยเก่าเส้นหนึ่งที่ชานเมืองทิศเหนือด้านนี้ครับ นี่คือที่อยู่ทั้งหมดครับ”
ฟางเหยียนรับแผนที่ที่เทียนขุยวาดให้มา พยักหน้าบอก “ดี ลำบากนายแล้ว พักผ่อนเร็วหน่อยเถอะ!”
“ครับ!” เทียนขุยทำความเคารพถอยออกไป
เพิ่งเดินมาถึงหน้าประตู ฟางเหยียนก็เรียกไว้ “เทียนขุย!”
เทียนขุยหยุดยืนที่เดิม โค้งตัวถาม “จอมพลโผ้จวินยังมีเรื่องอะไรสั่งการครับ?”
“ขอบใจ!” ฟางเหยียนพูดสองคำที่พิเศษนี้ออกมาแล้ว
ทันใดนั้นเทียนขุยคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น พูดแบบหน้าตาตื่นตกใจ “จอมพลโผ้จวิน เทียนขุยทำผิดอะไรแล้วเหรอครับ? ขอให้จอมพลโผ้จวินลงโทษได้เลย”
ฟางเหยียนรีบบอกทันที “ไม่ๆๆ นายไม่ได้ทำอะไรผิด เพียงแค่รู้สึกว่านายตามอยู่ข้างกายฉันขนาดนี้ ดูไม่เป็นธรรมเลย”
เทียนขุยเงยหน้าทันใด บอกว่า “จอมพลโผ้จวิน ถ้าตอนแรกไม่มีท่าน จะมีผมเทียนขุยในวันนี้ได้ที่ไหน อย่าว่าแต่ผมเทียนขุยในวันนี้เลย แม้แต่ชีวิตนี้ของผม ล้วนเป็นจอมพลโผ้จวินช่วยออกมาจากในฝูงคนตาย”
“ผมเทียนขุย มีชีวิตติดตามจอมพลโผ้จวิน ตายก็ขอคุ้มครองจอมพลโผ้จวิน!”
“พอแล้ว นายลุกขึ้นเถอะ!” ฟางเหยียนส่ายหน้าอย่างขมขื่น
หลังจากเทียนขุยลุกขึ้น ฟางเหยียนเหมือนนึกถึงอะไรได้ พูดว่า “พรุ่งนี้หาเวลาว่างไปตรวจสอบหลินถงคนนี้สักหน่อย”
เทียนขุยลังเลสักหน่อย พยักหน้าอืม จากนั้นหมุนตัวออกไปจากห้องพัก
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมจอมพลโผ้จวินต้องไปตรวจสอบผู้หญิงคนหนึ่งด้วย แต่หลินถงผู้หญิงคนนี้สวยงามมากจริงๆ
มาถึงในสวนที่ด้านล่างตึก พนักงานสองสามคนต่างทักทายฟางเหยียนกัน ฟางเหยียนเดินวนรอบหนึ่ง สุดท้ายถูกผู้อาวุโสที่เล่นหมากรุกใต้ศาลาดึงดูดเข้าแล้ว
ที่ดึงดูดเข้าไม่ใช่หมากรุก แต่เป็นบทสนทนาของผู้อาวุโสสองคนนั้น
ดาวนอกศาลาแห่งนี้ล้วนมีดวงดาวเต็มท้องฟ้า สามารถชมดวงดาวได้พอดี ผู้อาวุโสสองคนนั่งตรงข้ามกัน คนหนึ่งสวมชุดสมัยราชวงศ์ถัง ดูเหมือนเป็นคนร่ำรวยมีชาติตระกูล ส่วนอีกคนหนึ่งเรียบง่ายมีความรู้ แต่งกายธรรมดา ระหว่างเอวแขวนน้ำเต้าไว้ ทว่ากลับวางตัวอยู่เหนือสิ่งใดๆ
“ว่ากันว่าหากห้าดาวนี้ปรากฏตัวพร้อมกัน น่าจะเป็นนักปราชญ์ถือกำเนิด ลางสังหรณ์ความวุ่นวายใหญ่ของโลกมนุษย์! หรือว่านักปราชญ์คนนี้ถือกำเนิดขึ้นแล้วเหรอ?”
“เสี่ยวเหอ คำแบบนี้ไม่ผิด แต่พูดให้ละเอียดยิ่งขึ้น น่าจะเป็นนักปราชญ์ตื่นตัวถึงจะถูก ในตำรากล่าวว่าห้าดาวเรียงตัวพร้อมกัน ห้าร้อยปีเกิดขึ้นครั้งเดียว ดาวนี้เกิดขึ้นเพราะพลังอันเฉียบแหลมของโลก ความสว่างเจิดจ้าไม่ธรรมดา และไม่ใช่ดาวนักปราชญ์ทั่วไป เกรงว่านักปราชญ์คนนี้เป็นท่านนั้นที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”
“อ่อ? ท่านพูดถึงคือท่านนั้นที่มาจากที่ห่างไกลเหรอ? นั่นไม่ใช่ต้องเป็นเก้าดาวเรียงตัวกันเหรอ?”
“ฮ่าๆๆ เก้าดาวปรากฏตัวพร้อมตัวกัน ห้าร้อยปีจะวนมารอบหนึ่ง นี่เป็นความลับของธรรมชาติ จะรอแอบมองอย่างงั้นเหรอ เสี่ยวเหอ ปรากฏการณ์ดวงดาวนี้เป็นสิ่งที่พวกเรามองทะลุได้เหรอ?”
หลังจากพูดจบ เขาพูดกับตนเองอีก “บางทีนักปราชญ์ที่พลิกสถานการณ์ได้ท่านนี้ตื่นรู้แล้ว”
ฟางเหยียนได้ยินแบบไม่ชัดเจน ไม่ได้เข้าใจมากนัก โดยเฉพาะเขาเป็นเพียงคนธรรมดาที่เป็นทหาร สำหรับดวงดาวมากมายบนท้องฟ้า การมองปรากฏการณ์ดวงดาวตามโหราศาสตร์ไม่มีความรู้แม้แต่น้อย เพียงแต่คนที่สามารถพูดคุยที่นี่ได้ ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่
วัฒนธรรมประเทศหวารุ่งโรจน์ สำหรับวิชาฮวงจุ้ยยิ่งโดดเด่นบนโลกนี้ ดังนั้นฟางเหยียนเชื่อมาตลอดถึงการมีอยู่ของบุคคลความรู้ความสามารถสูงที่ประเทศหวา บางทีสองท่านตรงหน้านี้ก็คือบุคคลผู้มีความรู้ความสามารถสูง
ดังนั้นฟางเหยียนจึงเดินเข้ามา ทักทายกับผู้อาวุโสทั้งสอง “ท่านทั้งสองชมปรากฏการณ์ดวงดาวตามโหราศาสตร์อยู่เหรอครับ?”
พอได้ยินเสียงของฟางเหยียน สองคนมองเข้าไปพร้อมกัน ผู้อาวุโสที่รอบเอวแขวนน้ำเต้า ไว้หนวดเคราสีเทา และสวมเสื้อผ้าธรรมดายิ้มตอบ “ไม่ได้พูดถึงปรากฏการณ์ดวงดาวตามโหราศาสตร์หรอก แค่กำลังหาความสุขเท่านั้นเอง”
ฟางเหยียนเดินมาข้างกายผู้อาวุโสทั้งสองท่าน ถามว่า “ไม่ถือสาที่ผมนั่งตรงนี้นะครับ?”
“ไม่ถือสาแน่นอน!” ผู้อาวุโสที่ชื่อเหล่าเหอคนนั้นยิ้มตอบ
หลังฟางเหยียนนั่งลงมา พินิจพิเคราะห์ผู้อาวุโสที่ชื่อเหล่าเหอคนนั้นรอบหนึ่ง เหล่าเหอท่าทางอายุเจ็ดสิบกว่าปี แต่งตัวชุดชุดสมัยราชวงศ์ถัง บนมือถือลูกประคำไว้ ดูท่าทางน่าจะเป็นคนมีเงิน ดังนั้นจึงถามว่า “เถ้าแก่เหอเป็นเถ้าแก่ของรีสอร์ตหยูฉวนแห่งนี้?”
เหล่าเหอสังเกตฟางเหยียนอยู่ ถามว่า “คุณรู้ได้อย่างไรกัน?”
เขาคือเถ้าแก่ของรีสอร์ตหยูฉวน เหอวี่เฉวียน