ฟางเหยียนยิ้มบอก “ผมเคยเรียนวิชาฮวงจุ้ยแบบง่ายๆ บางส่วนครับ รู้ว่าที่รีสอร์ตหยูฉวนเป็นสถานที่ฮวงจุ้ยดีที่สุดทั่วทั้งหนานหลิง เปิดกิจการที่นี่ คงต้องบุญวาสนาดีมาก เถ้าแก่เหอ ท่านกิริยาท่าทีไม่ธรรมดา หน้าตาดูเมตตา โดยเฉพาะยังมาพูดคุยกันที่นี่ พอดูก็รู้แล้วว่าจะต้องเป็นเถ้าแก่ของรีสอร์ตหยูฉวนแน่ครับ”
เหอวี่เฉวียนยกนิ้วโป้งขึ้นพูดว่า “พ่อหนุ่มเป็นคนยอดเยี่ยมจริง! สามารถวิเคราะห์ได้ละเอียดลึกซึ้ง”
“ชมเกินไปแล้วครับ เถ้าแก่เหอ!” ฟางเหยียนเอามือทาบหน้าอกตอบรับ
ผู้อาวุโสหนวดขาวด้านข้างคนนั้นมองฟางเหยียนมาโดยตลอด ยิ้มเข้าสู้ตามไปด้วย และไม่ได้พูดอะไร
หลังจากที่ฟางเหยียนและเถ้าแก่เหอพูดคุยสองสามประโยค จึงถามว่า “เถ้าแก่เหอครับ ขอโทษนะครับผู้อาวุโสท่านนี้คือ?”
เหอวี่เฉวียนรีบพูดว่า “คืออาจารย์ สิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดด้านฮวงจุ้ยของฉันที่นี่ล้วนเป็นอาจารย์กำหนด สำหรับชื่อเรียกของอาจารย์ หึๆ อาจจะไม่ค่อยสะดวกบอกพ่อหนุ่มนะ หวังว่าพ่อหนุ่มจะเข้าใจ”
อายุของผู้อาวุโสเทียบกับเถ้าแก่เหอดูจะมากว่าจริงๆ โดยรวมมากกว่าเท่าไร ไม่มีใครรู้
ฟางเหยียนยิ้มตอบ “ผู้มีความรู้ความสามารถสูงตั้งแต่สมัยก่อนล้วนเป็นแบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้นผู้อาวุโสท่านนี้ยังเป็นอาจารย์ของท่านด้วย ผมเองควรรู้สึกอับอายที่ไม่มีความสามารถ”
ทันใดนั้นผู้อาวุโสหนวดขาวเอ่ยปากถาม “พ่อหนุ่มท่านนี้ เกรงว่าไม่ใช่คนธรรมดาสินะ?”
เป็นไปอย่างที่คาด แวบเดียวก็ถูกผู้อาวุโสมองออกแล้ว หลังจากที่เจอกับอาจารย์ของตนเอง ฟางเหยียนก็ไม่กล้าดูถูกคนที่อายุมากกว่า และพฤติกรรมแปลกๆ คนใดอีก ดังนั้นจึงยิ้มตอบ “ผมเป็นเพียงนายทหารคนหนึ่งเท่านั้นครับ!”
“ไม่ใช่ เกรงว่าคุณไม่ใช่นายทหาร คงเป็นจอมพลสินะ? จอมพลโผ้จวินฆ่าศัตรู รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง โบราณมีไป๋ฉี่ ปัจจุบันมีจอมพลโผ้จวิน!” ผู้อาวุโสพูดถูกตรงเป๊ะ ยังพูดชื่อเรียกของฟางเหยียนออกตรงๆ ด้วย
ชั่วขณะนั้นฟางเหยียนขมวดคิ้วแน่น คาดไม่ถึงคนนี้วิเศษถึงขั้นนี้ แต่เอาเขาไปเปรียบเทียบกับไป๋ฉี่นายพลลึกลับ ที่จริงเขาไม่มีทางแบกรับได้
พอเหอวี่เฉวียนได้ยินคำนี้ รีบลุกขึ้นมาทันที พูดอย่างตกใจ “ที่แท้เป็นจอมพลมาเยือน ผมมีตาหามีแววไม่จริงๆ เลย!”
ฟางเหยียนรีบปัดมือบอก “เถ้าแก่เหอ ไม่ต้องเกรงใจ”
“ฮ่าๆๆ!” ผู้อาวุโสที่แขวนน้ำเต้าบนตัวลูบหนวดไปพลางลุกยืนขึ้นมายิ้มพูด “เมื่อโอกาสมาถึงคนมีฝีมือย่อมเฉิดฉาย! พ่อหนุ่ม ไม่ใช่ไม่บรรลุถึง เพียงแค่ยังไม่ใช่เวลา คนแก่อย่างฉันขอตัวไปก่อน!”
พูดจบเขาท่องกลอนโบราณแล้วเดินออกไปอย่างสง่างาม
แสงจันทร์ส่องบนตัวผู้อาวุโส บวกกับภาพเงาด้านหลังที่โดดเดี่ยว ภายในความมืดยามค่ำนี้ เป็นภาพมีอารมณ์ศิลปะที่น่าเศร้าภาพหนึ่ง
เมื่อโอกาสมาถึงคนมีฝีมือย่อมเฉิดฉาย ไม่ใช่ไม่บรรลุถึง เพียงแค่ยังไม่ใช่เวลา คำพูดประโยคนี้หมายความว่าอะไร?
ฟางเหยียนมองภาพเงาด้านหลังของผู้อาวุโส ในใจผุดคำถามข้อสงสัยมาไม่น้อย ทำไมคำพูดของเขาถึงได้เหมือนกับผู้เฒ่าตาบอดคนนั้นเช่นนี้ หรือว่าสองคนนี้รู้จักกัน?
“อาจารย์ นี่ท่านกำลังจะไปที่ไหน?” เหอวี่เฉวียนส่งเสียงถามไป
ผู้อาวุโสยกมือขึ้นมาโบกให้สักหน่อย เปิดน้ำเต้าดื่มเหล้าไปอึกหนึ่ง พูดว่า “ฉันมาจากดิน มุ่งไปยังฟ้า!”
รอหลังจากผู้อาวุโสหายลับไปถึงที่สุด เหอวี่เฉวียนจึงพูดกับฟางเหยียนว่า “อาจารย์ก็เป็นแบบนี้ แต่ไหนแต่ไรนิสัยแปลกประหลาด ทำอะไรไม่ยึดรูปแบบเดียวตายตัว หวังว่าผู้นำจะไม่ถือสา”
ฟางเหยียนปัดมือตอบ “ไม่หรอกครับ คนแบบนี้ถึงเป็นผู้มีความรู้ความสามารถที่แท้จริงของพวกเราประเทศหวา!”
ร้านของเก่าต่งซื่อ
ต่งยู่นั่งอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์ ในมือเล่นตุ๊กตาดินปั้นอยู่ เห็นได้ชัดว่าท่าทางไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“ต่งยู่ ช่วงนี้แกเป็นอะไรกัน? ทำไมทำอะไรจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย ดูๆ แกเก็บข้าวของอย่างนั้นสิ มันคืออะไรกัน นี่ถ้าลือออกไป คนอื่นที่ไม่รู้จะว่าฉันต่งโป๋เหวินยังไงล่ะ” ต่งโป๋เหวินทำหน้าตึง ตำหนิต่งยู่ที่นั่งอยู่หน้าเคาน์เตอร์และหน้าตาดูเหม่อลอย
สีหน้าต่งยู่เปลี่ยนเล็กน้อย พูดแบบอารมณ์เสีย “ค่ะๆๆ หนูรู้แล้ว จะไปไหนพ่อก็รีบไปเถอะ!”
ต่งโป๋เหวินขมวดคิ้ว พูดว่า “อย่ารับของมั่วๆ มาให้ฉันเด็ดขาด ถ้าตัดสินใจไม่ได้ล่ะก็ จำไว้ว่าโทรศัพท์หาฉัน เข้าใจรึเปล่า?”
ต่งยู่ยกมือขึ้นมาทำท่าทางบ๊ายบายให้แล้ว จากนั้นต่งโป๋เหวินส่ายหน้าพลางเดินออกนอกร้าน
นั่งอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์ ต่งยู่อดล้วงมือหยิบมือถือออกมาดูหน่อยไม่ได้ พอมองเห็นบนหน้าจอมือถือไม่มีข้อความสักอัน ไม่มีสายที่ไม่ได้รับ บนหน้าเผยท่าทางที่ผิดหวังออกมาแล้ว
ตอนนี้เธอยิ่งเสียใจที่ตอนแรกไม่ได้ทิ้งqqหรือว่าวีแชทวิธีติดต่ออะไรพวกนี้ไว้ให้ฟางเหยียนไป ถ้าทิ้งไว้ให้ เธอคงไม่ต้องมาทำอะไรแบบจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวขนาดนี้
และไม่รู้ว่าฟางเหยียนคนนั้นมีเสน่ห์อะไรกันนักหนา ทำให้หลังจากเธอกลับมาก็อาลัยอาวรณ์ เอาแต่คิดถึงเขาอยู่ได้
วันนั้น เขาดึงมือของตนเองเดินออกมาจากวังเซ่าเซียน เป็นผู้ชายที่ดีจริง นั่นคือครั้งแรกที่ต่งยู่ถูกผู้ชายกระทำอย่างเผด็จการเช่นนี้ด้วย ความรู้สึกแบบนั้นทำให้เธออธิบายไม่ถูก
จนกระทั่งตอนนี้ เธอไม่รู้ว่าตนเองพะวงห่วงใยต่อฟางเหยียนเช่นนี้ได้อย่างไร
เธออ้าแขนออกตบลงบนศีรษะ บ่นกับตนเองว่า “ต่งยู่นะต่งยู่ เธอคิดอะไรกันเนี่ย คนอื่นเขาเป็นคนที่แต่งงานไปแล้ว ทำไมเธอถึงเอาแต่คิดเรื่องพวกนี้อยู่ได้ล่ะ? หรือว่าเธอเป็นพวกมือที่สามของคนอื่นประเภทนั้นเหรอ”
เธอรีบส่ายศีรษะทันที ลบความคิดอันนี้อย่างรวดเร็ว
ในเวลานี้ มีชายดูอึมครึมระทมทุกข์สามคนเดินเบาๆ เข้าไปในที่ร้านของเก่าต่งซื่อ
ในมือของหนึ่งในนั้นเหมือนซ่อนของอะไรไว้ในอ้อมอก ท่าทางลึกลับมาก
ไม่นานคนคนนั้นมาที่หน้าเคาน์เตอร์แล้ว หลังมองรอบหนึ่งแบบลับๆ ล่อๆ พูดว่า “เถ้าแก่ เร็วๆๆ มาดูของอันนี้ให้หน่อย”
เขาพูดพลางล้วงชามหยกใบหนึ่งออกมาจากในอ้อมอก ยื่นเข้าไปให้ต่งยู่ ยิ้มบอกอย่างเจ้าเล่ห์ “นี่เป็นของล้ำค่า พวกเราสองสามคนนี้ขุดมาได้เมื่อคืน”
พอต่งยู่มองสามคนนี้ก็รู้ว่าพวกเขาเป็นโจรปล้นสุสาน ติดต่อและสัมผัสกับคนเล่นของโบราณพวกนี้มาหลายปี จากเสื้อผ้าของพวกเขาก็สามารถดูออกแล้ว ทำเกี่ยวกับของโบราณอาชีพนี้ ส่วนใหญ่ล้วนรู้จักโจรปล้นสุสานพวกนี้
พวกเขาปล้นสุสานหาของมีค่ามีความชำนาญเป็นพิเศษ สามารถค้นหาของดีได้ทุกเมื่อ
ในสายอาชีพนี้มีคำพูดหนึ่งที่พูดกันเอาไว้ สามปีไม่เปิดกิจการ เปิดกิจการกินได้สิบปี พูดถึงก็คือโจรปล้นสุสานคนประเภทนี้
ต่งยู่สังเกตสามคนนี้ตั้งแต่บนลงล่างสักหน่อย จากนั้นพูดว่า “คนที่ทำอาชีพนี้แถวนี้ฉันรู้จักหมดทั้งนั้น ทำไมถึงไม่เคยเห็นหน้าพวกนายสองสามคนนี้เลยล่ะ?”
ผู้ชายตรงกลางคนนั้นพูดจาแบบยิ้มกริ่ม “พวกเราล้วนเป็นคนชนบท เธอไม่รู้จักอยู่แล้ว รีบดูของนี้ให้หน่อยเถอะ พวกเราต้องการไม่มาก สองล้าน”
ต่งยู่พอได้ยินของที่ราคาสองล้าน รีบหยิบชามนั้นขึ้นมาสำรวจดูทันที
——
ฟางเหยียนตื่นนอนแต่เช้ารีบเข้ามาที่ต่งซื่อร้านของเก่า ที่จริงนี่เป็นถนนที่เก่าแก่มากเส้นหนึ่ง โดยรอบล้วนเป็นสิ่งก่อสร้างแบบตึกสองสามชั้น ในนั้นยังมีผู้เฒ่าไม่น้อยนั่งอยู่หน้าประตูสูบยากัน
ไม่นานฟางเหยียนก็มาถึงหน้าประตูของร้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง ประตูนั้นแขวนป้ายที่ผุพังมากแผ่นหนึ่ง ด้านบนมีตัวอักษรใหญ่ที่ไม่เป็นระเบียบ: ร้านของเก่าต่งซื่อ
ตอนแรกคิดว่าด้วยชื่อเสียงของต่งโป๋เหวินน่าจะเปิดร้านใหญ่มากแห่งหนึ่งที่หนานหลิง ใครจะไปรู้ว่าเปิดอยู่ในสถานที่แบบนี้ แม้แต่วังเซ่าเซียนของเขตเหนือเมืองจินโจวยังสู้ไม่ได้ นี่ไม่เข้ากับสถานะของเขาเลย
แต่ฟางเหยียนไม่ได้ตัดสินความสามารถของคนคนหนึ่งจากสถานที่แบบนี้ ในทางกลับกันจากจุดนี้สามารถมองออกว่าต่งโป๋เหวินคือผู้เชี่ยวชาญ ผู้เชี่ยวชาญอย่างแท้จริงคนหนึ่งจะไม่ใส่ใจของภายนอกพวกนี้
ตรงกันข้าม ยิ่งทำตามใจชอบมากเท่าไหร่ ยิ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถของเขามากขึ้นเท่านั้น