ตู้เฉียนและตู้คุนไม่เพียงแต่ได้รับการรักษา แต่ยังได้รับ ‘กองทุนสนับสนุนความฝัน’ จำนวนเงิน 5 แสน ซึ่งเป็นน้ำใจที่ยิ่งใหญ่และพวกเขาไม่อาจชดใช้ได้ในชีวินนี้
ตู้เฉียนพูดด้วยความซาบซึ้ง “หมอเจียงครับ หมอซินครับ พวกคุณช่วยผมมากมายขนาดนี้ ผมไม่รู้จะตอบแทนบุญคุณยังไงแล้วครับ ได้โปรดให้ผมช่วยงานในคลินิกของพวกคุณเพื่อเป็นการชดเชยนะครับ”
เจียงชื่อยิ้มตอบ “ที่นี่คือหอการแพทย์ ไม่ใช่ร้านอาหารนะ คนที่ไม่มีความรู้ทางการแพทย์ไม่สามารถช่วยอะไรที่นี่ได้หรอก มีแต่จะเพิ่มภาระให้”
ตู้เฉียนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
ดูเหมือนว่าเขาไร้ประโยชน์จริงๆ
แต่ในเวลานี้ ซินยุ่นพูดขึ้นว่า “อ้อ……จริงด้วยสิ ช่วงนี้หลัวเฟิงกำลังจะพักรักษาตัวที่หอการแพทย์ของเรา เขาต้องการคนช่วยพอดีเลย งั้นพวกคุณสองพี่น้องช่วยเป็นพี่เลี้ยงดูแลหลัวเฟิงก็แล้วกันนะ”
“ได้ครับ!” ตู้เฉียนรับปากทันที
ขอแค่ได้ช่วยงานเขาก็ดีใจแล้ว
ซึ่งเจียงชื่อก็เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้มาก เพราะหลัวเฟิงต้องการคนช่วยเหลือจริงๆ ถ้าปล่อยให้หยางจุนหรูผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้ดูแลคนเดียว เธอคงต้องเหนื่อยมากอย่างแน่นอน
แล้วถ้าหากมีตู้เฉียนกับตู้คุนสองพี่น้องคอยช่วยเหลือ เชื่อว่าจะแบ่งเบาภาระของหยางจุนหรูได้มากเลย
นอกจากนี้……
เจียงชื่อกระซิบพูดเบาๆ ว่า “ที่จริงแล้วหลัวเฟิงเป็นถึงโค้ชฟุตบอลมืออาชีพเลยนะ พวกคุณอยากซ้อมฟุตบอลไม่ใช่เหรอ? ลองปรึกษาเขาเกี่ยวกับเรื่องราวของคนในวงการได้ จะได้เพิ่มความรู้ไปด้วยไงล่ะ”
“จริงเหรอครับ?”
เมื่อรู้อย่างนี้ ตู้เฉียนก็ยิ่งดีใจใหญ่
การที่ได้รู้จักกับโค้ชทีมฟุตบอลมืออาชีพในระยะยาวนั้น เชื่อว่าต้องเป็นผลดีต่อพี่น้องทั้งสองอย่างแน่นอน
หลังจากมอบหมายงานเสร็จเรียบร้อย เจียงชื่อก็พาติงเมิ่งเหยนออกจากคลินิกเหรินจื้อ
ระหว่างทางกลับบ้าน
ติงเมิ่งเหยนที่นั่งอยู่ข้างที่นี่คนขับก็รู้สึกอึดอัดใจมาก
เจียงชื่อก็สังเกตถึงความผิดปกติของเธอและยิ้มถามว่า “คุณไม่สบายใจเหรอ?”
“เหอะ!”
ติงเมิ่งเหยนทำปากมุ่ยแล้วหันหน้าหนี
เห็นได้ชัดว่าความรู้สึกของเธอยังอยู่ในการเปรียบเทียบก่อนหน้านี้ เพราะเมื่อกี้ซินยุ่นกับเจียงชื่อพูดคุยอย่างมีความสุขและเข้ากันได้ดีมาก ซึ่งดูแล้วพวกเขาต่างหากที่เกิดมาเป็นคู่กัน
และนี่ก็เป็นเหตุที่ทำให้ติงเมิ่งเหยนรู้สึกไม่สบายใจมาก
เธอกระทั่งน้อยใจจนน้ำตาตกใน
เมื่อรถหยุดลง
เจียงชื่อจอดรถไว้ข้างถนนแล้วเปิดหน้าต่างออก สายลมก็พัดเข้ามาพร้อมกับกลิ่นหอมของดอกไม้ และเขามองไปที่ติงเมิ่งเหยนอย่างเงียบๆ
จากนั้น เป็นครั้งแรกที่เจียงชื่อเรียกเธอด้วยเสียงที่อ่อนโยนที่สุด
“ที่รัก”
แสงแดดเจิดจรัส
บุปผาบานยามวสันต์
ทุกสรรพสิ่งกำลังจะเริ่มเติบโตและมีชีวิตใหม่
ความหึงหวงในใจของติงเมิ่งเหยนหายไปในทันที เป็นครั้งแรกที่เจียงชื่อเรียกเธอว่า ‘ที่รัก’ อย่างเป็นทางการขนาดนี้!
พวกเขาทั้งคู่ค่อนข้างจะเป็นคนขี้อายและไม่ค่อยเรียกกันแบบนี้
แม้จะรักกันมากก็ตาม
แต่ในวันนี้ เจียงชื่อได้เปิดอกของเขา แสดงให้ภรรยาได้เห็นมุมที่อ่อนโยนที่สุดของผู้ชาย
ติงเมิ่งเหยนได้แต่เขินจนก้มหน้าและใบหน้าของเธอก็แดงก่ำ
ทั้ง ๆ ที่เป็นสามีภรรยากัน แต่เพียงแค่คำเดียวก็ทำให้ทั้งคู่เขินจนทำตัวไม่ถูก คิดว่าไม่มีคู่ไหนในโลกนี้อีกแล้วที่เหมือนพวกเขา
เจียงชื่อกุมมือทั้งคู่ของติงเมิ่งเหยนไว้ด้วยรอยยิ้ม
แต่ไม่ได้พูดอะไร
จากนั้นเขาค่อยๆ เอนกายไปหาติงเมิ่งเหยน และวางจูบที่นุ่มนวลที่สุดไว้บนริมฝีปากของเธอ
ความรัก
ได้ละลายในเวลานี้
แสงอาทิตย์อัสดงอันแสนอบอุ่นส่องผ่านใบหน้าของหนุ่มสาวทั้งสอง เทวดาและนางฟ้าคู่หนึ่งกำลังบรรเลงเพลงรัก!
เมื่อยามราตรีกำลังใกล้เข้ามา ทั้งสองก็ได้กลับไปถึงบ้านแล้ว
ติงฉี่ซานพ่อตาได้เตรียมอาหารไว้เต็มโต๊ะ “พวกเธอกลับมาพอดีเลยนะ กับฉันวเสร็จเรียบร้อยแล้ว วันนี้พ่อของพวกเธอเป็นคนลงมือทำอาหารเองเลยนะ อาหารทุกอย่างเป็นจานโปรดของพวกเธอด้วย!”