ที่พักตากอากาศ
รถตำรวจสองคันจอดอยู่ที่บริเวณรอบนอก และตำรวจกลุ่มใหญ่พร้อมปืนและกระสุนจริงพุ่งออกมาจากรถ
เซี่ยเมิ่งจื้อเดินนำหน้าลูกน้องเดินเข้าไปด้านใน ขณะที่พูดว่า “ทุกคนออกมารวมตัวกันที่ห้องนั่งเล่นเดียวนี้!”
ไม่นานทุกคนก็มายืนเป็นแถวในห้องนั่งเล่น
ในตอนแรกจูหยุนเฉียงคิดว่าเซี่ยเมิ่งจื้อมาเพื่อคดีฆ่าตัวตายของเหยียนไคเหวินอีกครั้ง แต่ดูจากท่าทางนี้แล้วเหมือนจะมีบางอย่างผิดปกติไป
เขาถามด้วยความสงสัยว่า “หัวหน้าเซี่ย นี่มันเกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?”
เซี่ยเมิ่งจื้อมองเขาด้วยสายตาเย็นชา “คุณไม่รู้จริงหรือว่ามันเกิดอะไรขึ้น? ”
จูหยุนเฉียงส่ายหัว “ผมจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้น? ผมคิดว่าคุณมาที่นี่เพื่อการตายของเหยียนไคเหวิน”
“จนถึงตอนนี้แล้วคุณยังจะมาแกล้งโง่อีกเหรอ”
“หา? หัวหน้าเซี่ยคุณหมายความว่ายังไง?”
“คนที่เสียชีวิตไม่ใช่เหยียนไคเหวิน!”
คำพูดเดียวทำให้ทุกคนในห้องตกตะลึง คนที่เสียชีวิตไม่ใช่เหยียนไคเหวินแล้วคือใครล่ะ?
จูหยุนเฉียงยิ้มอย่างงุ่มง่ามและถามว่า “คุณไม่ได้ล้อเล่นกับผมใช่ไหม? ตอนนั้นเหยียนไคเหวินอยู่ในห้องเพียงลำพังเท่านั้น อีกอย่างผู้ตายยังสวมเสื้อผ้าของเหยียนไคเหวินด้วย ไม่ใช่เขาแล้วจะเป็นใครไปได้ล่ะ?”
เซี่ยเมิ่งจื้อกล่าวว่า “จากที่ตำรวจผ่าศพผู้ตายพบว่าเป็นชายชราคนหนึ่ง !ทำไม เหยียนไคเหวินแก่มากแล้วเหรอ?”
ชายชรางั้นหรือ?
ทุกคนต่างมองหน้ากัน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
” ที่สำคัญคือ ผู้ตายเสียชีวิตก่อนที่จะถูกไฟเผา เขาเสียชีวิตเพราะถูกโจมตีที่ศีรษะด้วยอาวุธทื่อ!”
คำพูดดังกล่าวเกินความคาดหมายของจูหยุนเฉียงมากยิ่งขึ้น
“หัวหน้าเซี่ย สิ่งที่คุณพูดเป็นความจริงเหรอ?”
” มันจะเป็นเรื่องปลอมได้อย่างไรกัน?” เซี่ยเมิ่งจื้อเหลือบมองไปรอบๆ และถามว่า “นอกจากเหยียนไคเหวินแล้ว ยังมีใครไม่อยู่ที่นี่อีกไหม?”
“ยังขาดใครอีกเหรอ? ก็ไม่มีใครแล้วนี่”
“ลองคิดดูให้ดี มีชายชราหายตัวไปไหม?”
“ชายชรา…”
จู่ ๆ จูหยุนเฉียงก็นึกขึ้นได้ ” จริงสิ พ่อบ้านไปไหนแล้ว?ไม่เห็นตัวเขาตั้งแต่เมื่อวานตอนบ่ายแล้ว”
ทุกคนพยักหน้าทีละคน
ไม่รู้เพราะเหตุใด จู่ๆ พ่อบ้านก็หายตัวไปซะแล้ว
คนสวนพูดว่า ” หลังจากที่เกิดเหตุไฟไหม้ เหมือนว่าผมจะเคยเห็นพ่อบ้านจากไปนอกบ้าน และไม่กลับมาอีกเลย”
ข้อมูลนี้สามารถระบุได้ว่าใครคือผู้ตายที่แท้จริงแล้ว
เพื่อตรวจสอบข้อมูล เซี่ยเมิ่งจื้อได้สั่งให้ลูกน้องโทรหาครอบครัวของพ่อบ้านเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมทันที
จากนั้นเขาก็ขอเปิดดูกล้องวงจรปิดที่หน้าประตู
ไม่นานต่อมา เซี่ยเมิ่งจื้อก็เห็นจากการเล่นซ้ำของวิดีโอว่า มีชายในชุดบัตเลอร์คนหจึ่งแอบหนีไปอย่างลับๆ ล่อๆหลังจากเกิดเหตุเพลิงไหม้
ในขณะที่คนอื่นๆ กำลังช่วยกันดับเพลิงอย่างเร่งรีบนั้น พ่อบ้านกลับก้มหน้าลงและเอาหมวกกับมือบางหน้าด้วย ท่าทางสำลักควันของเขาช่วยให้เขาหนีไปจากใต้ตาผู้คนได้อย่างราบรื่น
สถานการณ์ตอนนั้นยุ่งวุ่นวายมาก จึงไม่มีใครสนใจ ‘ชายชรา’ผู้ไม่โดดเด่นคนนี้
ไม่นาน ลูกน้องของเขาก็รายงานมาว่า “หัวหน้าเซี่ยครับ ผมเพิ่งคุยกับครอบครัวของพ่อบ้านทางโทรศัพท์ ทางบ้านบอกว่าพ่อบ้านไม่เคยกลับไปเลย และโทรศัพท์ของพ่อบ้านก็ไม่สามารถติดต่อได้ด้วย”
ในเวลานี้ เกือบจะมั่นใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว
เซี่ยเมิ่งจื้อกล่าวว่า “ส่งคนไปตรวจสอบข้อมูลที่บ้านของพ่อบ้านเดี๋ยวนี้ จากนั้นก็ส่งข้อมูลกลับไปยังสถานีตำรวจ และพิสูจน์ตัวตนด้วยผลตรวจDNAของผู้ตาย ”
“รับทราบครับ!”
ลูกน้องของเขาไปปฏิบัติตามคำสั่งทันที
ส่วนทางจูหยุนเฉียงยืนดูด้วยใบหน้างงเป็นไก่ตาแตก และถามอย่างโง่เขลา “หัวหน้าเซี่ย นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ผู้ตายไม่ใช่เหยียนไคเหวินหรือ? ทำไมจู่ๆ ก็กลายเป็นพ่อบ้านไปได้ล่ะ? ผมงงไปหมดแล้ว”
เซี่ยเมิ่งจื้อเยาะเย้ย “นี่เป็นเล่ห์เหลี่ยมที่เหยียนไคเหวินใช้ในการตบตาทุกคน เพื่อที่จะให้คนอื่นเข้าใจว่าเขาฆ่าตัวตายเพราะกลัวบาป แต่จริงๆ แล้วเขาฆ่าพ่อบ้านเพื่อปลอมเป็นตัวเขาเอง ส่วนเขาก็หนีไปอย่างง่ายดายและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จูหยุนเฉียงก็ตระหนักได้ในภายหลัง
เขาด่าอย่างระอุว่า ” ไอ้บัดซบเหยียนไคเหวินนี่ บังอาจใช้ไม้นี้ลับหลังกู ไอ้หมาตัวนี้ ถ้าลากตัวมันมาได้กูจะไม่ปล่อยมันไว้แน่ ”
เซี่ยเมิ่งจื้อทำเสียงฮึดฮัด “ไม่ต้องกังวล ทางตำรวจจะไม่ปล่อยมันไว้หรอก กลับกันเถอะ!”
เขาพาคนของเขากลับไปที่สถานีตำรวจ
ส่วนจูหยุนเฉียงก็ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาและหอบอย่างรุนแรง
เขาคิดเสมอว่าเหยียนไคเหวินเก็นคนซื่อสัตย์และภักดี ใครจะรู้ว่าไอ้หมอนี้จะไม่น่าเชื่อถือถึงขนาดฆ่าพ่อบ้านเพื่อเอาชีวิตรอดแบบนี้
อันที่จริง สิ่งที่จูหยุนเฉียงโกรธที่สุดคือ เหยียนไคเหวินเลือกที่จะเอาชีวิตรอดคนเดียวลับหลังเขา แต่ไม่ยอมพาเขาไปด้วย
วิธีนี้ยอดเยี่ยมมาก ถ้าจูหยุนเฉียงใช้วิธีนี้ บางทีเขาอาจจะหนีไปได้ตั้งนานแล้วก็ได้
เมื่อเจียงชื่อรู้ตัวอีกที พวกเขาอาจจะหนีไปอยู่ต่างประเทศแล้ว
ดูตอนนี้สิ เหยียนไคเหวินหนีไปแล้ว แต่ตัวเขาเองยังอยู่ภายใต้การควบคุมของเจียงชื่อดั่งเช่นเคย ทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้เขาก็โมโหจนตัวสั่นไปทั้งตัว
“เหยียนไคเหวิน ไอ้หมาทรยศเนรคุณเอ๊ย”
“กูขอสาปแช่งมึงนั่งเครื่องบินก็ตกเครื่องตาย นั่งเรือก็จมน้ำตาย นั่งรถก็โดนรถชนตาย! ขอสาปแช่งมึงไม่ตายดี”
ยิ่งพูดก็ยิ่งโกรธ จูหยุนเฉียงหยิบแก้วน้ำบนโต๊ะขึ้นมาเขวี้ยงลงกับพื้น เพื่อระบายความไม่พอใจของเขา