ผู้ดูแลยิ้มหยัน
“เฮอะ ยังมีหน้ามาให้เวลาอีก 10 วิงั้นเหรอ? ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างแก ดูจะสำคัญตัวเองผิดไปหน่อยมั้ยวะ?”
“อัดมันให้ยับ!”
หลังสิ้นคำสั่ง เหล่าชายฉกรรจ์กลุ่มนั้นก็วิ่งกรูเข้ามาพร้อมกัน
เดิมที การใช้ชายฉกรรจ์ตัวใหญ่ยักษ์สี่ห้าคนมาจัดการคนคนหนึ่ง คิดว่าก็เป็นอะไรที่มากเกินพอแล้ว แต่ใครจะไปคาดคิดล่ะว่า ผลลัพธ์กลับแตกต่างไปจากที่คิดอย่างสิ้นเชิง
เจียงชื่อยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่ขยับเขยื้อน แทบจะมองไม่เห็นด้วยซ้ำว่าเขาออกหมัดอย่างไร ได้ยินแค่เสียงกระแทกหนักๆ ในอากาศ กับทันเห็นแค่เงาที่เคลื่อนไหวรวดเร็ววูบวาบเป็นภาพติดตาจำนวนนับไม่ถ้วนกลางอากาศเท่านั้น
ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง!
กำปั้นถูกชกออกไปต่อเนื่องติดๆ กัน
ภาพเงาติดตาทุกภาพ ต่างกระแทกเข้าใส่กลางหน้าของพวกชายฉกรรจ์ เพียงชั่วพริบตา ชายฉกรรจ์ทั้งหมดก็ล้มลงไปกับพื้นเกือบจะพร้อมกัน หลับค้างกลางอากาศตามๆ กันไป
“นี่……”
ผู้ดูแลตกตะลึงจนตาค้าง แค่พริบตาเดียวก็สอยกลุ่มชายฉกรรจ์จนร่วงลงไปกองได้ นี่มันเป็นเรื่องที่คนธรรมดาทำได้จริงๆ เหรอวะเนี่ย?
แม้แต่นักฆ่ามืออาชีพก็ยังทำไม่ได้เลยมั้ง?
ไม่ทันรอให้เขามีปฏิกิริยาโต้ตอบ เจียงชื่อก็ยื่นมือข้างหนึ่งออกไป แล้วคว้าหมับเข้าที่ลำคอของผู้ดูแลร้าน ออกแรงบีบเล็กน้อย สีหน้าของผู้ดูแลก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เขาหายใจไม่ออก พยายามตบที่แขนของเจียงชื่ออย่างสุดชีวิต
“ปล่อย ปล่อยฉัน… ฉัน …หายใจไม่ออก … จะตายอยู่แล้ว”
ผู้ดูแลมีสภาพไม่ต่างจากเด็กน้อยคนหนึ่ง จนใจไร้เรี่ยวแรง ไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้
“หยุดนะ!”
เสียงทรงอำนาจเสียงหนึ่งดังขึ้น
เจียงชื่อเงยหน้าขึ้นมอง พี่ไห่เจ้านายของร้านนี้ยืนอยู่ที่ส่วนท้ายของชั้นสอง
“ในที่สุดก็ยอมออกมาได้ซะที”
เขาสะบัดมือด้วยท่าทางไม่ยี่หระ โยนผู้ดูแลร้านออกไปตรงๆ ร่างเขาลอยไปกระแทกลงบนโต๊ะตัวหนึ่งอย่างจัง ทำให้คนที่กำลังเล่นไพ่หลายคนตกใจ จนต้องรีบหาที่หลบกันจ้าละหวั่น
เจียงชื่อเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าพี่ไห่ ทั้งสองยืนประจันหน้า ดวงตาสองคู่สี่ข้างจ้องมองกันเขม็ง
ผ่านไปครู่ใหญ่
พี่ไห่เป็นฝ่ายถามขึ้นว่า: “เจียงชื่อ ระหว่างเราเหมือนจะไม่ได้มีบุญคุณความแค้นอะไรต่อกันสินะ? แกมาก่อความวุ่นวายที่ร้านฉัน กะคิดไม่ซื่อจะหาเรื่องกันใช่มั้ยวะ”
เจียงชื่อตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ : “เป็นเพราะคนของฝ่ายแกลงมือก่อนเองนะ”
พี่ไห่แค่นยิ้มเย็นชา “OK เราไม่พูดถึงเรื่องนี้ก็ได้ บอกมาเหอะว่าแกมาหาฉันทำไม?”
เจียงชื่อถามว่า: “ฉันได้ยินมาว่า ติงเฟิงเฉิงยังเป็นหนี้แกอยู่ 5 ล้าน ยังไม่ใช้คืนสินะ?”
“ใช่”
“ฉัน จะใช้คืนแทนเขาเอง”
พี่ไห่ตกใจจนผงะ “ไม่มั้ง? เจียงชื่อ นี่สมองแกมีปัญหาอะไรป่ะเนี่ย? ถ้าฉันจำไม่ผิด แกกับติงเฟิงเฉิงควรเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันไม่ใช่เหรอ? แล้วอยู่ดีๆ ไม่ได้มีเหตุผลอะไร แกจะช่วยใช้หนี้แทนมันไปทำไมวะเนี่ย?”
“ต่อให้พวกเราเป็นศัตรูคู่อาฆาตอีกสักแค่ไหน นั่นก็เป็นเรื่องภายในของตระกูลติง พอต้องรับมือกับคนนอก พวกเราก็ยังพอจะเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันได้อยู่บ้างแหละ”
“เฮอะ!” พี่ไห่ยักไหล่ “ก็แล้วแต่แกเหอะ ยังไงซะมีคนใช้หนี้มา ฉันก็โอเคหมดแหละ”
เขาดีดนิ้วครั้งหนึ่ง ก็มีคนที่รับผิดชอบเรื่องนี้เดินเข้ามาทันที
เจียงชื่อยื่นการ์ดไปให้
ผู้รับผิดชอบรูดเงินจำนวน 5 ล้านออกจากการ์ดต่อหน้าเจียงชื่อ ปรากฏเสียงดัง “ติ๊ง” ขึ้นมาเสียงหนึ่ง เป็นการแสดงว่าการ์ดใบนี้รูดเงินได้สำเร็จ
ส่งคืนการ์ด
เจียงชื่อเก็บการ์ดกลับไป พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า : ” หนี้ 5 ล้านใช้คืนครบหมดแล้ว นับจากนี้ ติงเฟิงเฉิงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเมืองเล่นของแกอีกต่อไป”
พูดจบ ก็หันหลังเตรียมจะเดินจากไป
“เดี๋ยวก่อน!” พี่ไห่เรียกเขาให้หยุด
“มีอะไรอีกเหรอ?”
พี่ไห่ยิ้มหยัน “แกคิดว่าใช้หนี้เสร็จแล้วก็จบเรื่องได้แล้วงั้นเหรอ?”
“ถ้าไม่ยังงั้นล่ะ?”
“ดูเหมือนว่าติงเฟิงเฉิงจะยังไม่ได้ถอนตัวจากตระกูลติงสินะ?”
ในดวงตาของเจียงชื่อปรากฏแสงเย็นเยียบสว่างวาบ “ติงเฟิงเฉิงจะถอนหรือไม่ถอนตัว ก็ไม่จำเป็นต้องให้แกเป็นคนตัดสินใจหรอก”
พี่ไห่พูดอย่างดูถูก: “โทษทีเหอะ เรื่องนี้ยังไงก็ต้องเป็นฉันที่ตัดสินใจว่ะ แกคิดว่าติดหนี้ฉัน แค่ใช้คืนหมดก็จบเรื่องแล้วงั้นเหรอ ? แกจะไม่จ่ายดอกเบี้ยหน่อยเลยรึไง ? เรื่องถอนตัวจากตระกูลติง นี่ก็คือดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายโว้ย!”
“ถ้าฉันไม่ตกลงล่ะ?”
“ไม่ตกลง? แกจะลองดูมั้ยล่ะ?”
ระหว่างที่พูด คนกลุ่มหนึ่งก็วิ่งกรูกันขึ้นบันไดมา แม้ว่าคนเหล่านี้จะไม่ได้มีรูปร่างสูงใหญ่เหมือนชุดก่อน แต่ทุกคนก็มีกล้ามเนื้อที่ผ่านการฝึกหนักมาทั้งสิ้น
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ คนเหล่านี้ล้วนพกปืนกันทุกคน
พี่ไห่พูดอย่างเย็นชาว่า : “นี่มันศตวรรษที่ 21 แล้วนะเว้ย มีฝีมือต่อยตีจะมีประโยชน์อะไร? ลองสู้กับปืนดูหน่อยเป็นไงวะ?!”