สีหน้าของหยวนหยาเหว่ยไม่ค่อยดีนัก รับมาม่ามาอย่างลำบากใจ มองไปทางซ้ายและมองไปทางขวา ไม่มีใครออกมาปกป้องเขาเลย
สำหรับ ฉีเจิ้น มองเขาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม เพียงรอให้เขาเริ่มการแสดง
ในความเป็นจริง ฉีเจิ้นรู้สึกผิดต่อเจียงชื่ออย่างมาก ดังนั้นเพื่อให้เจียงชื่อ มีความสุข เขาก็เลยไม่คิดที่จะช่วยหยวนหยาเหว่ย ให้เจียงชื่อ ระบายอารมณ์ของเขา
หยวนหยาเหว่ยผู้น่าสงสาร ตกอยู่ในสถานการณ์ที่โดดเดี่ยวและหมดหนทาง
ในขณะนี้ หลินชิงหยู่ยกมือขึ้นแล้วพูดว่า “ทำแบบนี้จะดีเหรอคะ?”
หยวนหยาเหว่ยดีใจอย่างมาก ในที่สุดก็มีคนออกมาปกป้องเขา
แต่หลินชิงหยู่ก็พูดต่ออีกว่า: “กินแห้งแบบนี้ไม่ดีหรอกค่ะ ฉันคิดว่าเอาน้ำอุ่นมาอุ่นให้ร้อนก่อนจึงจะกินได้อร่อยค่ะ”
เจียงชื่อหัวเราะอย่างเสียงดัง “นี่เป็นคำแนะนำที่ดีจริงๆ ไปเอาน้ำอุ่นมาอุ่นร้อนให้ผู้จัดการหยวนถ้าไม่อุ่นให้ร้อนก่อน จะเรียกว่ามาม่าได้อย่างไร?”
หลังจากนั้น ไม่ถึงห้านาที มาม่าที่อุ่นก็ได้นำมาเสิร์ฟ
หยวนหยาเหว่ยเดินไปที่ข้างกำแพงด้วยสีหน้าที่ไม่ดีสักเท่าไหร่โดยที่ศีรษะของเขาอยู่ล่างพื้น เท้าอยู่บนกำแพง มือของเขานั้นรับน้ำหนักอยู่บนพื้น ขาทั้งสองของเขาแนบชิดกับกำแพง และยืนกลับหัว
นี่ สมรรถภาพทางกายก็ค่อนข้างดีนะ
หลินชิงหยู่วางมาม่าไว้ข้างปากของหยวนหยาเหว่ย แล้วเอาตะเกียบหนีบหนึ่งชินเข้าปากของเขาหยวนหยาเหว่ยเคี้ยวอย่างอับอาย
ฉากนี้ก็มีในถ่ายทอดสอดให้ผู้คนเห็นด้วย ผู้จัดการของบริษัทใหญ่ที่มีชื่อเสียง ได้แสดง กินมาม่ากลับหัวในที่สาธารณะ ดึงดูดผู้คนจำนวนมากเข้ามาชม ทุกคนต่างชื่นชมสมรรถภาพร่างกายของ หยวนหยาเหว่ย
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า หยาเหว่ย ทำได้ค่อนข้างดีนะ!” ฉีเจิ้นพูดไปด้วยหัวเราะไปด้วย
“พอแล้วๆ ทุกคนอย่ามาดูแล้ว แยกย้ายกันซะ”
ฉีเจิ้นให้ทุกคนแยกย้ายออกไป จากนั้นก็พาเจียงชื่อจากไป ทิ้งหยวนหยาเหว่ยในห่อประชุมใหญ่นี้ไว้คนเดียว
เขาพลิกตัวกลับมา และนั่งลงกับพื้นคนเดียว ความแค้นในใจของเขาเกินคำบรรยาย
เป็นถึงผู้จัดการในบริษัทที่ต้องมาถูกคนเหยียดหยามในที่สาธารณะ แค้นนี้จะเอาคืนยังไงดีล่ะ?
จะฆ่าจะทำอะไรก็ได้ แต่มาทำให้ขายหน้าแบบนี้ มันไม่โอเค!
เขาโทรหาเหวยซือก่อน และด่าอย่างโกรธเคืองว่า “นายทำบ้าไรของนายห้ะ?ไหนบอกให้แบ่งเบาความกดดันซึ่งกันและกันไง ไหนบอกว่าสินค้าของนายเป็นสินค้าทั้งหมดที่มีคุณภาพต่ำไง สุดท้ายเป็นไงล่ะ?”
“สุดท้ายก็คือ แต่ละก้อนมีคุณภาพที่สูงๆ ทั้งนั้น!”
“เหวยซือนี่นายเป็นคนดีจริงๆ เลยนะเนี่ย สินค้าคุณภาพสูงแบบนี้ ก็ขายให้เจียงชื่อไปหมด นายนี้มันเก่งจริงๆ ”
เสียงเย้ยหยันของเหวยซือมาจากปลายสายอีกฝั่งของโทรศัพท์ “ต้องขอโทษจริงๆ ด้วยนะ ฉันไม่คิดว่าวิสัยทัศน์ของ เจียงชื่อเจ๋งขนาดนี้ ที่เขาสามารถเลือกสินค้าทั้งหมดที่มีคุณภาพสูงแบบนี้ได้ ครั้งนี้ฉันคาดเดาผิดพลาดเอง ทำให้นายต้องมาลำบากแบบนี้ แต่นายก็อย่าพึ่งท้อแท้ เมื่อกี้ที่นายแสดงกินมาม่า ทำให้ได้แฟนคลับอย่างนับไม่ถ้วน ชื่อเสียงพุ่งกระฉูดเลยทีเดียว…”
“ใสหัวไปซะ!” หยวนหยาเหว่ยได้ด่าสาปแช่งไปและวางสาย
เขานั่งอยู่บนพื้นสงบอารมณ์
“บ้าจริง เหวยซือไอ้เวรนี่ ทำฉันโมโหมากเลยจริงๆ ไอ้หมาตัวนี้ได้ร่วมมือกับเจียงชื่อ เพื่อมาเล่นงานฉันรึเปล่าเนี่ย?”
“อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้ เจียงชื่อทำให้ฉันอับอายขนาดนี้ ฉันจะไม่ให้อภัยอย่างเด็ดขาด!
ไฟแห่งการแก้แค้น ได้เพิ่มไปยันหัวใจของฉีเจิ้น
“เจียงชื่อ อย่าให้ฉันได้มีโอกาส ตราบใดที่มีโอกาส ฉันจะทำนายให้ตายแน่!”
อีกฝั่งหนึ่ง
ฉีเจิ้นได้พาเจียงชื่อออกถึงหน้าตึกบริษัท และกล่าวขอโทษอย่างกวนๆ ว่า: “หมอเทวดาเจียง ผมขอโทษคุณจริงๆ ด้วยนะครับ ผมไม่ควรสงสัยในตัวคุณในตอนแรกเลยครับ ผมไม่เชื่อใจคุณเลยครับ”
เจียงชื่อส่ายมือไปมา “คุณไม่จำเป็นต้องขอโทษผมเลยครับ คนปกติจะไม่เลือกที่จะเชื่อเรื่องแบบนี้หรอกครับ คุณไม่ผิดเลยนะครับ อีกอย่าง คุณได้ออกตัวปกป้องผมอีกด้วย แค่นี้ผมก็รู้สึกซึ้งใจมากแล้วครับ”
ฉีเจิ้นถอนหายใจ “จะใช้คนก็อย่าระแวง หากระแวงใครก็อย่าไปใช้เขา เป็นความผิดของฉันเอง และฉันจะคอยประคองนายด้านหลังอย่างไม่ลังเล!”
“งั้น ผมก็ขอบคุณล่วงหน้าไว้ก่อนละกันครับ”
ทั้งสองยิ้มให้กัน
หลังจากเหตุการณ์นี้ ตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของ เจียงชื่อก็ไม่สั่นคลอนอีกต่อไป
ครั้งนี้ สุนัขรับใช้เหล่านั้นของหยวนหยาเหว่ยในบริษัทก็อยู่ไม่สุข ผลประโยชน์ของพวกเขาทั้งหมดก็ขาดทุนมหาศาล
แม้ว่าแผนครั้งนี้จะถูกเจียงชื่อทำลายได้ แต่พื้นผิวทะเลที่ดูสงบยังคงพล่านอยู่ในส่วนลึก ถ้าเจียงชื่อไม่ระวังให้ดีๆ จะมีอะไรเข้ามาเล่นงานเขาอีกแน่นอน และก็จะไม่มีใครช่วยเขาได้!
หลังจากจัดการเรื่องเสร็จ เจียงชื่อไม่ได้อยู่ต่อในบริษัท แต่เลือกที่จะกลับบ้าน
วันนี้อารมณ์ดีหน่อย
ถึงอย่างไรก็ได้ทำลายแผนของหยวนหยาเหว่ยได้ แถมยังช่วยให้บริษัททำก้อนเงินที่ใหญ่โตได้ ใครที่เป็นคนก็จะรู้สึกมีความสุขด้วย
กลับถึงบ้าน จอดรถเสร็จ
ขณะที่เจียงชื่อเดินเข้าบ้าน เขากำลังคิดอยู่ว่าจะบอก ติงเมิ่งเหยนภรรยาของเขาเกี่ยวกับ ‘งานใหม่’ ของเขาดีหรือไม่
ถ้าบอกติงเมิ่งเหยนว่าตอนนี้เขาเป็นผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของเครื่องประดับดาวฤกษ์ เธอน่าจะสบายใจขึ้นเยอะรึเปล่า?
ขณะที่ครุ่นคิดอยู่ เขาก็เดินไปถึงหน้าประตูบ้าน ผลปรากฏว่าเห็นชายวัยอายุประมาณสามสิบกว่าปี นั่งอยู่บนโซฟาที่บ้าน ทรงผมสลิปแบล็ก หลังอันใหญ่โตและสูทซิงเกิลแบล็ก
ติงเมิ่งเหยนกำลังนั่งอยู่บนโซฟาทางซ้ายของเขา
ชายที่หัวล้าน อมยิ้มและใช้ไม้จิ้มฟันจิ้มไปแอปเปิลชิ้นเล็กๆ แล้วยื่นให้ติงเมิ่งเหยน “อา~~ อ้าปาก”