บทที่ 120
“เมื่อก้าวเข้าสู่แดนต้องห้ามโบราณ ยอดยุทธ์สูงสุดโบราณทั้งหมดไร้การต่อต้าน พลังของจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญช่างเกินจินตนาการของพวกเรามาก!”
“จอมจักรพรรดดที่อยู่เหนือยอดยุทธ์สูงสุดโบราณ!”
“จอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญทําให้แดนต้องห้ามสั่นสะเทือน นี่เป็นข้อพิสูจน์ให้โลกเห็นว่ามีเพียงนางเท่านั้นที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกหรือไม่?”
“ด้วยความแข็งแกร่งของจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญ เรายังต้องพิสูจน์เรื่องนี้กันอีกงั้นรึ? การเด็ดเศียรของจอมจักรพรรดิเฉียนได้ย่อมสามารถอธิบายทุกอย่างแล้ว”
“จอมจักรพรรดิผู้ไร้ที่ติ! ได้ยืนอยู่ในโลกแล้ว แต่เหตุใดประทับเจตสึกจึงไม่ปรากฏให้เห็น และหมื่นวิถียังคงเหมือนเดิม มันไม่ได้กําหนดไว้ให้กับจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญหรอก?”
บางคนสงสัยว่าทําไมสิ่งนี้ถึงเกิดขึ้น
โดยปกติแล้ว หากมีจอมยุทธ์ระดับสุดยอดดํารงอยู่ในโลก หมื่นวิถีก็จะรวมกันเป็นหนึ่งเดียว และประทับเจตสึกจะปรากฏขึ้น และมันจะถูกกําหนดไว้ให้กับจอมยุทธ์ระดับสุดยอดนี้
นี่เป็นข้อพิสูจน์หนึ่งเดียวในโลก เป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งสูงสุด
และเมื่อวิถีรวมเป็นหนึ่ง วิถีแห่งเต๋าจะไม่ปรากฏให้เห็นอีกต่อไป และสิ่งมีชีวิตใดๆ ในโลกนี้ ไม่ว่าพวกเขาจะอัศจรรย์เพียงใด ก็ไม่มีทางพิสูจน์วิถีแห่งเต๋ได้อีกต่อไป!
เว้นแต่จอมยุทธ์ระดับสุดยอดคนล่าสุดจะดับสูญ ประทับเจตสิกจะกลับคืนสู่ที่ของมัน และหมื่นวิถีก็จะกระจายออกไปอีกครั้ง คนต่อมาจึงจะพิสูจน์วิถีแห่งเต๋ได้อีกครั้ง
นี่เป็นเหตุผลว่าทําไมจอมยุทธ์ระดับสุดยอดตั้งแต่สมัยโบราณไม่สามารถดํารงอยู่ในโลกเดียวกันได้
แต่ตอนนี้ จอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญดูเหมือนจะละเมิดกฎเหล็กข้อนี้ไปเสียแล้ว
หมื่นวิถีในโลกยังคงเหมือนเดิม มันไม่เคยถูกรวมเป็นหนึ่ง และประทับเจตสิกไม่ได้ตราไว้ให้กับจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญ
แต่พลังการต่อสู้ของนางยังคงแข็งแกร่ง สามารถสังหารยอดยุทธ์สูงสุดโบราณได้ และกระทั่งสร้างความตื่นตระหนกให้กับแดนต้องห้าม กระทั่งแข็งแกร่งกว่าจอมยุทธ์ระดับสุดยอด(จอมจักรพรรดิระดับสูงสุด)ที่มีพลังยุทธ์สูงสุดอีกเล็กน้อยด้วย
เป็นไปได้หรือไม่ว่า จอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญอาจจะก้าวข้ามขอบเขตนี้ไปแล้ว และไม่จําเป็นต้องใช้ใช้หมื่นวิถีรวมพลังสูงสุดอีกต่อไป?
มีการคาดเดามากมาย แต่ความลึกลับนั้นก็หาค่าตอบได้ยาก
แม้แต่ยอดยุทธ์สูงสุดโบราณก็ไม่รู้ นับประสาอะไรกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ
และคําถามนี้ถูกกําหนดให้เป็นปริศนา
ด้วยความแข็งแกร่งของจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญ เกรงว่าจะไม่มีใครสามารถรู้ความลับเหล่านี้จากนางได้
หลังจากก้าวผ่านแดนต้องห้ามที่ละแห่งแล้ว จอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญก็เก็บเตาโอสถกลืนสวรรค์ที่อยู่เหนือศรีษะ และปรากฏตัวอีกครั้งในดินแดนของแดนร้างตะวันออก
และในครั้งนี้ ร่างของนางก็ไหววิบวับไปปรากฏตัวต่อหน้าหญิงสาวคนหนึ่ง
หญิงสาวคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น นางคือเย่หลิงเสวี่ย!
“จอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญ…”
เย่หลิงเสวี่ยมองไปที่จอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญที่จู่ๆ ก็มาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้านาง น้ําเสียงของนางสันด้วยความตื่นเต้น
ในขณะเดียวกัน ก็มีความกังวลใจที่ปกปิดเอาไว้
แม้ว่าในตอนนี้จอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญได้สะกดข่มพลังทั้งหมดบนร่างกายของตัวเองไว้แล้ว และไม่ได้แสดงท่าทางสูงส่งใดๆกับนาง
แต่เย่หลิงเสวี่ยยังคงรู้สึกกระวนกระวายเป็นอย่างมากเมื่ออยู่ต่อหน้านาง
แต่อย่างไรก็ตาม ความตื่นเต้นที่ปรากฏในดวงตาคู่สวยนั้นก็ไม่สามารถปกปิดได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
ท้ายที่สุด นางก็ได้รับมรดกของจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญ
“ตอนนี้ข้าได้เห็นจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญลงมายังโลกแล้ว และแม้กระทั่งปรากฏตัวต่อหน้าข้า ความตื่นเต้นและความตกใจในหัวใจของข้าไม่มีผู้ใดสามารถเทียบได้อีกแล้ว
จอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญยืนนิ่ง เมื่อมองไปที่เย่หลังเสวี่ย มีร่องรอยความปั่นป่วนในดวงตาของนางที่นิ่งสงบราวกับสายน้ําในฤดูใบไม้ร่วง
ม้วนคัมภีร์มหายุทธ์กลืนสวรรค์ในมือของเย่หลิงเสวี่ยดูเหมือนจะถูกเรียกโดยวิธีการบางอย่าง และลอยไปที่จอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญ กางออกเองอย่างอิสระและนําเสนอทุกอย่างต่อหน้านาง
นางดูอย่างเงียบๆเป็นเวลานาน แล้วหันมามองเย่หลิงเสวีย
แม้ว่าสายตาของนางจะไม่มีความรุนแรง แต่ในตอนนี้เย่หลิงเสวี่ยมีความรู้สึกว่าทุกสิ่งที่เกี่ยวกับตัวเองนั้นถูกจอมจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่คนนี้มองออกหมดแล้ว
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าใครที่สวมแหวนวงนี้ในอดีต?”
จอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญเอ่ยถาม ทําให้ร่างกายของเย่หลิงเสวี่ยสั่นสะท้าน
นางไม่ได้คาดคิดว่าจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญที่จ้องมองมาที่นางจะรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับนาง
“ข้าไม่รู้เจ้าค่ะ ผู้อาวุโสมนุษย์ผู้นั้นไม่เคยปรากฏตัวในโลกนี้มาก่อน”
เย่หลิงเสวี่ยตอบอย่างระมัดระวัง
ในเวลาเดียวกัน สายตาของนางก็มองไปที่นิ้วมือของจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญโดยไม่ได้ตั้งใจ และทันใดนั้นหัวใจของนางก็อดที่จะตกใจไม่ได้
นางเห็นว่าระหว่างนิ้วของจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญนั้นสวมแหวนสําริดอยู่
มันเหมือนกับแหวนสําริดที่อยู่บนมือของจอมราชันในชุดขาว!
จอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญ ไม่รู้จักจอมราชันในชุดขาวผู้นั้นงั้นรึ?
แล้วแหวนสําริดนี้มาจากที่ใดกัน?
เย่หลิงเสวี่ยสับสน
จอมราชันในชุดขาวผู้ซึ่งปรากฏตัวเพียงครั้งเดียวในโลกกลายเป็นคนที่ลึกลับมากขึ้นเรื่อยๆในสายตาของนาง
ก่อนหน้านี้ เย่ลิงเสวี่ยแค่คิดว่าจอมราชันในชุดขาวน่าจะเกี่ยวข้องกับจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญ
แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าสิ่งต่างๆ อาจจะห่างไกลจากความเรียบง่ายนั้น
แม้แต่จอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญก็ยังไม่รู้ถึงตัวตนของจอมราชันในชุดขาว
แต่แหวนสําริดที่ทั้งสองสวมบนมือนั้นมีกระแสพลังที่เหมือนกันจริงๆ และทั้งหมดเกี่ยวข้องกับจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญ!
ในหัวใจของเย่หลิงเสวี่ยเปี่ยมไปด้วยความสงสัย แต่เมื่อนางเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง นางก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญที่อยู่ตรงหน้านางได้หายไปแล้ว
และคัมภีร์มหายุทธ์กลืนสวรรค์ก็ลอยกลับมา จริงๆแล้วเนื้อหาก่อนหน้ายังคงเดิมแต่มีเนื้อหาที่เขียนเพิ่มเติม!
จอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญ เขียนคัมภีร์มหายุทธ์กลืนสวรรค์ต่อ!
เย่หลิงเสวี่ยเหลือบมองคัมภีร์อย่างเร่งรีบ และรู้อยู่แล้วว่าสิ่งที่บันทึกไว้ในม้วนคัมภีร์โบราณคือคัมภีร์มหายุทธ์กลืนสวรรค์ที่สมบูรณ์ ไม่ใช่แค่ส่วนหนึ่งในการฝึกเคล็ดวิชาเขตแดนสวรรค์นิมิตก่อนหน้านี้!
จอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญ บันทึกคัมภีร์มหายุทธ์กลืนสวรรค์จนเสร็จสิ้นและส่งมอบให้กับเย่หลิงเสวี่ย!
“จอมจักรพรรดินีผู้เหี้ยมหาญ…”
เย่หลิงเสวี่ยมองไปยังทิศทางที่จอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญจากไป และพึมพ่ากับตัวเอง ในดวงตาที่สวยงามเปี่ยมไปด้วยความตกใจและความหวัง
หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ จอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญในสายตาของเย่หลิงเสวี่ยเกือบจะกลายเป็นอนุสรณ์อมตะ ทําให้นางชื่นชมและเคารพนับถือ
นางไม่ได้คาดหวังว่านางจะสามารถก้าวไปถึงระดับสูงสุดของจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญได้ในอนาคต แต่หวังเพียงว่าจะสามารถสืบสานมรดกของจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญและก้าวไปข้างหน้าได้ตลอดทาง
ด้วยมรดกของจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญ จะปกป้องเผ่าพันธุ์มนุษย์และกระจายชื่อของจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญไปทั่วทุกมุมโลก!