บทที่ 106 เสียงระฆังแห่งกาลเวลาดังขึ้น
บทที่ 106 เสียงระฆังแห่งกาลเวลาดังขึ้น
นางถือกำเนิดบนดวงจันทร์ก่อนจะลงมาจุติยังโลก
เพราะอย่างนั้น นางจึงเป็นทั้งเทพธิดาแห่งจันทราและมารดรแห่งผืนพิภพ
ให้กำเนิดสรรพสิ่งและมีความเมตตาต่อแผ่นดินทั้งปวง
นางเป็นเทพธิดาผู้งดงามที่สุด และยังเป็นถึงเจ้าแห่งอนธการ
ความงามของนางเป็นนิรันดร์ ทั้งยังศักดิ์สิทธิ์และสูงส่ง
ความอุดมสมบูรณ์และความรักล้วนแล้วแต่มีนางเป็นผู้ดูแล
…
เคเซอร์ปิดหนังสือและหลับตาลง
การ์ดดอกไม้ที่จารึกความทรงจำถูกวางอยู่มุมขวาบนของโต๊ะ มันปล่อยแสงสีเขียวออกมา ก่อนจะถักทอกลายเป็นดอกกุหลาบสีเขียว
…
บนหอนาฬิกา ใจกลางปราสาทเซนต์แมเรียน
ศาสตราจารย์ดีดี้ แม็กซ์เวลกระพือปีกที่เหมือนกับผีเสื้อ ลอยอยู่ในอากาศ
รอยย่นบนหน้าผากของเธอลึกราวกับถูกมีดแกะสลัก และเวลานี้ ดวงจันทร์สองดวงที่ไม่สมบูรณ์ก็สะท้อนอยู่ในดวงตาของเธอ
“เหลือเวลาอีกสามนาที”
เธอก้มหน้ามองไปรอบ ๆ บริเวณปราสาท
เมื่อเสียงระฆังดังขึ้นในยามเที่ยงคืน ผีทั้งหมดก็จะหายไป
และแพนดอร่าที่กระตุ้นบอสเบฮีมอธตัวสุดท้าย ก็เหลือเวลาเพียงสามนาทีในการฆ่ามัน
…
อาจารย์ใหญ่อาร์เต้และคนอื่น ๆ ได้มารวมตัวกันที่โถงห้องจัดเลี้ยงชั้นหนึ่งแล้ว พวกเขากำลังรอให้เสียงระฆังเวลาเที่ยงคืนดังขึ้น ขณะที่นักเรียนเริ่มหลั่งไหลเข้ามาในห้องโถงทีละคน เพื่อรอเวลางานเลี้ยงสวมหน้ากากในครึ่งหลัง
เจ้าหญิงพระองค์โต เอลิซา นั่งอยู่ถัดจากอาจารย์ใหญ่ไป ใบหน้าอันงดงามนั้นปรากฏรอยยิ้มเล็กน้อย ขณะสนทนากับอีกฝ่าย
ศาสตราจารย์ทอมป์สันกับศาสตราจารย์โจนส์กำลังคุยกัน ส่วนศาสตราจารย์ลิลลี่นอนแผ่อยู่บนโต๊ะราวกับปลาเค็มถูกดอง
…
ภายในวิหารลับ
ดาร์กที่กำลังมองเข้าไปในวิหาร พลันถูกรูปปั้นของเทพธิดาดึงดูดอย่างไม่อาจควบคุมได้
เขาเบิกตาโตในบัดดล เมื่อเห็นว่ารูปปั้นเทพธิดามีการเปลี่ยนแปลงไป จากแต่เดิมที่ดวงตาของนางปิดสนิทกลายเป็นดวงตาเปิดกว้าง
สายตาของทั้งสองฝ่ายพลันสบมองกัน
และเวลานั้นเอง
ม่านหมอกที่ปกคลุมดวงตาของนางก็หายไปในทันใด เผยให้เห็นนัยน์ตาที่นุ่มนวลราวกับสายน้ำ แต่เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น ก่อนที่พวกมันจะกลับกลายเป็นชั่วร้ายและดุดัน!
ใบหน้าอันบอบบางราวสลักหยก กลายเป็นน่าสะพรึงกลัวและน่าสยดสยองราวกับผีร้ายในทันที!
ดาร์กรู้สึกหวาดกลัวจับใจ จากนั้นเขาจึงรีบหันเหสายตาหนีไปทันควัน
และเมื่อตั้งตัวได้ เขาก็หันกลับไปมองนางอีกครั้ง ทว่าคราวนี้ทั้งดวงตาและใบหน้าของเทพธิดาราวกับไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลย มันยังคงศักดิ์สิทธิ์และสง่างามเช่นเคย หาใช่เช่นเมื่อครู่นี้!
แต่ถึงอย่างนั้น พิธีกรรมที่เงียบสงัดและสวยงามภายใต้แสงจันทร์ก็ได้สูญเสียอะไรบางอย่างไปแล้ว ไม่ต่างกับเวลาในนาฬิกาทรายที่เริ่มไหลย้อนกลับ…
ดาร์กใช้สายตาจ้องมองผ่านเพดานโปร่งใส จนเห็นท้องฟ้ายามค่ำคืนนอกปราสาท
แม้ว่ามันจะดูเหมือนกับกระจก แต่เมื่อแสงจันทร์ที่ส่องผ่านกระจกนี้ไปยังวิหารที่ซ่อนอยู่ในทางเดินลับของปราสาท
มันกลับหักเหและควบแน่น สะท้อนกับรูปปั้นของเทพธิดา จนปรากฏแสงพิสุทธิ์เป็นประกายใสออกมา
ในบางครั้งที่ดาร์กเงยหน้าขึ้น เขาเหมือนจะมองเห็นมังกรขาวเต้นระบำอยู่บนฟากฟ้า
ขณะเดียวกัน ยังมีสัตว์ประหลาดในตำนานอย่าง ‘เบฮีมอธ’ เจ้าแห่งสัตว์ร้ายอยู่ด้วย!
เหลืออีกแค่สองนาที
ดาร์กเดินออกมาจากหลังกำแพง
การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เขาตัดสินใจได้
รุกกี้เดวิมอนกำลังบินอยู่ข้าง ๆ เขา
ระหว่างสองนิ้วของดาร์ก มีการ์ดเวทมนตร์สีชมพูอ่อนปรากฏอยู่
[ราคะ: 92 หน่วย]
มันยังพอมีที่ว่างเหลืออยู่บ้าง
…
หมอกสีชมพูกำลังพัวพันกัน และผูกมัดสมาชิกภาคีอาหารทะเลทั้งสิบหกคนไว้ จนเหมือนกับใยแมงมุม
สามสิบสี่คนที่ถูกจับเป็นเครื่องสังเวยทั้งหมดถูกสะกดด้วยน้ำพรากวิญญาณ
พวกเขาหมดสติไปในเวลาอันสั้น และขณะเดียวกัน พันธะระหว่างวิญญาณกับร่างกายก็คลายออก สสารแห่งความคิดของพวกเขาสามารถลอยออกมาได้ และพวกมันก็จะหลุดออกจากสมองได้ง่ายขึ้น
มนุษย์ที่สัมผัสกับน้ำพรากวิญญาณ สุดท้ายแล้ว พวกเขาจะกลายเป็นโฮสต์อันสมบูรณ์แบบสำหรับปีศาจ
ในยุคสมัยที่ปีศาจยังมีชีวิตอยู่ น้ำพรากวิญญาณเป็นยาที่ปีศาจใช้กันมากที่สุดสำหรับการทดลองทางชีววิทยา
ทว่าเมื่อเริ่มต้นยุคใหม่ ยาชนิดนี้ก็ถูกจัดเป็นของต้องห้ามอย่างสมบูรณ์
…
น่าแปลกที่มีแค่ดาร์กเท่านั้นที่ยังคงเคลื่อนไหวได้ในบริเวณนี้
เขาเดินเข้าไปในวิหาร และขยับฝีเท้าเข้าไปใกล้รูปปั้นเทพธิดา
ในอากาศ เขาสามารถเห็นลูกบอลเจ็ดลูกที่เกิดจากของเหลวสั่นไหวอย่างรุนแรงได้
ยิ่งเข้าใกล้ เขาก็ยิ่งมองเห็นความทรงจำต่าง ๆ ในลูกบอลของเหลวใสได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
นี่คือความทรงจำทั้งหมดของคู่รักทั้งเจ็ด ตั้งแต่ตอนที่พวกเขายังเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน เมื่อพวกเขากลายเป็นเพื่อนกัน และเมื่อพวกเขาตกหลุมรักกัน
หากใครได้พบรักแท้ในชีวิต ความทรงจำของความรักนั้นจะมีค่ามาก ดังนั้นพวกมันทั้งหมดจึงเป็นสมบัติหายาก
ดาร์กอยากจะลองสัมผัสพวกมัน แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ลงมือทำเช่นนั้น
“มันจะอยู่ได้นานแค่ไหน? มันควรจะจบลงเร็ว ๆ นี้ใช่ไหม?”
เขาเหลือบมองท้องฟ้ายามค่ำคืนเหนือกระจก
พระจันทร์คืนนี้สวยมากจริง ๆ
…
เหลือเวลาอีกแค่หนึ่งนาที
…
“ฟ่อ!”
ในบรรดาเครื่องสังเวยทั้งสามสิบสี่คน จู่ ๆ ก็มีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ
นั่นทำให้ดาร์กรู้สึกประหลาดใจ หญิงสาวผมสั้นสีอีกา และสวมชุดเคานต์แวมไพร์ลุกขึ้นยืนราวกับหุ่นเชิด ภายใต้การควบคุมของหมอกสีชมพู
ดวงตาของหญิงสาวยังคงชัดเจนราวกับมีสติอยู่ แต่ดาร์กก็ยังมองออกว่าแววตาของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
คนคนนี้ดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำพรากวิญญาณเหมือนกับคนอื่น ๆ และอาจเป็นไปได้ว่า เธอจงใจทำอย่างนั้นเพื่อรอคอยโอกาสที่จะกระทำบางสิ่ง
ทว่าการ์ดเวทมนตร์ที่เธอมองว่าเป็นสมบัติ กลับทรยศต่อเธอในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด
หมอกสีชมพูที่ปล่อยออกมาจากการ์ดเวทมนตร์นั้น ผูกติดอยู่กับร่างกายของเธอราวกับใยแมงมุม และเวลานี้ ร่างกายของเธอก็ถูกควบคุมให้พุ่งเข้าหาชายที่ปรากฏตัวในวิหาร ผู้สวมหน้ากากอีกาสีดำและชุดเจ้าชายรัตติกาล!
“โฮก!” เธอต้องการจะเปล่งถ้อยคำ ทว่าสิ่งที่ออกมาจากลำคอกลับกลายเป็นเสียงคำรามของสัตว์ร้ายเสียอย่างนั้น
แน่นอน เธอรู้ว่าคนที่เธอกำลังลงมือโจมตีอยู่ในตอนนี้คือ คนที่น่าจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่สามารถช่วยชีวิตของเธอได้ ทว่าเธอในตอนนี้กลับทำได้เพียงเฝ้าดูตัวเองฉีกทึ้งชายคนนั้น…
“อ๊า!” แวมไพร์สาวร้องลั่น
เจ้าชายรัตติกาลทำลายจินตนาการของเธอด้วยหมัดหนักอย่างไร้ความปรานี
จากนั้นเขาก็แทงเข่าจากด้านล่าง!
ปัง!
ท้ายที่สุดแล้ว ดาร์กก็คือผู้ที่ได้รับการฝึกฝนจากวัลคีรี (ถึงจะน้อยมากก็เถอะ) แม้ว่าดาร์กจะไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ผู้หญิงซึ่งไร้กำลังจะเข้าถึงตัวเขาได้ง่าย ๆ
เขาไม่จำเป็นต้องอัญเชิญสปิริตออกมาจัดการกับเด็กสาวผู้น่าสงสาร ที่ถูกควบคุมโดยหมอกสีชมพูด้วยซ้ำ
แววตาของดาร์กเริ่มจริงจังมากยิ่งขึ้น
“ต้องใช้วิธีนี้จนได้ ดูเหมือนว่าจะใกล้ถึงเวลาแล้วสินะ”
…
จากนั้นดาร์กก็เงยหน้าขึ้น ดวงตาเห็นสัตว์ร้ายขนาดยักษ์ที่มีเขาโค้งสองเขาอยู่บนหัวของมัน บินผ่านกระจกด้านบนไป
อีกทั้งยังมีเจ้าสาวในชุดสีขาวบริสุทธิ์ กำลังขี่มังกรขาวล้อแสงจันทร์อยู่ในเวลานี้ด้วย
เหง่งหง่าง!
และแล้วเสียงระฆังก็ดังขึ้นในเวลาเที่ยงคืน
…
ชั่วพริบตาเดียว
แสงจันทร์เหนือปราสาทก็เลือนหายไปจากบริเวณกว้าง เหลือเพียงไม่กี่ที่เท่านั้นที่ยังคงมีแสงจันทร์สาดส่องอยู่
ขณะเดียวกัน พื้นที่ที่สูญเสียแสงจันทร์ไปก็ถูกกลืนหายเข้าไปในยามค่ำคืน
มีเพียงปราสาทเซนต์แมเรียนเท่านั้นที่ยังสะท้อนแสงสีขาวของมันราวกับโคมไฟขนาดยักษ์
นักเรียนรู้สึกได้ถึงแสงจันทร์ที่ควบแน่นกัน และคิดว่ามันเป็นเซอร์ไพรส์ในวันฮัลโลวีน
แสงจันทร์ที่สาดเข้ามานั้น สะท้อนและส่องผ่านไปที่รูปปั้นของเทพธิดาโดยตรง
ในเวลานี้ ดาร์กพลันรู้สึกว่ามีบางอย่างในร่างกายของเขาที่ผิดปกติไป!
อารมณ์ของเขาเริ่มผันผวนและควบคุมไม่ได้
เหมือนกับคราวนั้น…เหมือนกับในคาบเรียนดาราศาสตร์ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เขาได้ดูพระจันทร์เต็มดวงใกล้ ๆ!
ทว่ามันรุนแรงกว่านั้นมาก!
ระหว่างนิ้วสองนิ้วของเขา การ์ด [ราคะ I] พลันสั่นเทาอย่างบ้าคลั่ง
[ราคะ III] ในซองการ์ดก็ราวกับอยากจะกระโดดออกมายิ่งกว่า!
ทันใดนั้น ดวงตาของรูปปั้นเทพธิดาก็หันมาหาเขา ใบหน้าของนางเริ่มดูน่าเกลียดและบิดเบี้ยวอีกครั้ง
แต่นี่กลับดูเหมือนนางโมโหเสียอย่างนั้น
…
เส้นเลือดสีน้ำเงินพลันปรากฏบนหน้าผากของดาร์ก ความโกรธของเขากำลังควบคุมไม่อยู่
ดาร์กเปิดใช้งาน [ราคะ I] ทันที โดยใช้เป็นสื่อกลางในการสื่อสารกับ [ราคะ] ของรูปปั้น
ตามที่คาดไว้ [ราคะ] ถูกถ่ายเทลงมาราวกับน้ำตก
ดาร์กจ้องมองสีหน้ารูปปั้นเทพธิดาอย่างใกล้ชิด และเขาก็สังเกตเห็นว่า สีหน้าของรูปปั้นเทพธิดากระตุกเล็กน้อย
“จงออกมา!”
ในขณะนี้ ดาร์กกำลังต่อต้านกระแสย้อนกลับของเอฟเฟกต์ [ราคะ] อย่างเอาเป็นเอาตาย เขาเปิดใช้งาน [ราคะ I] ด้วยคาถาอัญเชิญปกติ และพยายามส่ง [ราคะ] ที่ไหลออกมาไปยังรุกกี้เดวิมอน!
ต้องทราบว่า ตอนที่ดาร์กเผชิญกับเหตุการณ์นี้ครั้งแรก เขาตื่นตระหนกเกินไปจนตัดสินใจผิดพลาด และได้ทำลายการ์ดเวทมนตร์ทิ้งไป
แต่คราวนี้เขาพร้อมแล้ว
เขาต้องการใช้สถานการณ์นี้ให้เกิดประโยชน์
ท้ายที่สุดแล้ว รูปปั้นก็เป็นเพียงรูปปั้นเท่านั้น
[ราคะ] ไหลออกจากร่างของเขา ผ่านการ์ด [ราคะ I] ที่เป็นสื่อกลาง ก่อนจะเข้าสู่ร่างของรุกกี้เดวิมอนอย่างต่อเนื่อง!
ในขณะเดียวกัน เทพธิดาที่อาบแสงจันทร์อันแรงกล้าก็ดูดซับแก่นแท้ของแสงจันทร์อย่างบ้าคลั่งเช่นกัน
จากนั้นนางก็เปิดปากอ้าออกอย่างรวดเร็ว
ลูกบอลของเหลวที่ผลิตโดยคู่รักทั้งเจ็ดนั้น ถูกนางดูดเข้าไปทันที
คืนอันศักดิ์สิทธิ์ การบูชายัญ การสังเวย
พิธีกรรมยังคงดำเนินต่อไป
พลังแห่งความปรารถนา พลังแห่งราคะ พลังแห่งแสงจันทร์
นอกจากนี้ ยังมีแหล่งพลังงานบางอย่างที่หลงเหลืออยู่ในรูปปั้นด้วย
พลังจำนวนมากเหล่านี้ยังคงหลอมรวมกัน และสะสมอยู่ในร่างกายของเทพธิดาต่อไป
มันเป็นมุมหนึ่งของม่านหมอกที่ถูกกลบฝังอยู่ในธุลีแห่งประวัติศาสตร์มาช้านาน
ผู้ปกครองในกาลก่อนค่อย ๆ ตื่นขึ้นมาทีละน้อยจากการหลับใหลชั่วนิรันดร์
ปราสาทเซนต์แมเรียนทั้งหมดพลันสั่นสะเทือน
อาจารย์ใหญ่อาร์เต้ซึ่งกำลังรออยู่ในห้องจัดเลี้ยง ถึงกับตบโต๊ะและลุกขึ้นยืนทันที
แอนนาและแองจี้ซึ่งยังคงวิ่งไปมาอยู่ที่ทางเดินของปราสาท ทันใดนั้นก็ถูกล้อมรอบด้วยแสงที่ปล่อยออกมาจากสปิริตตัวเล็ก ๆ รอบตัวพวกเธอ ก่อนจะถูกบังคับให้มาอยู่ข้างอาจารย์ใหญ่อาร์เต้
ศาสตราจารย์ซิลเวอร์ ศาสตราจารย์ทอมป์สัน ศาสตราจารย์โจนส์…
อาจารย์ของสถาบันเซนต์แมเรียนเกือบทั้งหมดแสดงท่าทีเคร่งเครียดในบัดดล
มีเพียงศาสตราจารย์ลิลลี่ที่เงยหน้ามองดูเท่านั้น จากนั้นเธอก็เม้มริมฝีปาก แล้วนอนลงไปอีกครั้ง
…
ช่วงเวลาเดียวกันกับที่แพนดอร่าฆ่าบอสเบฮีมอธตัวสุดท้ายได้สำเร็จ เธอก้มมองลงมาที่ปราสาท
มังกรขาวกำลังสื่อสารกับเธอ ในฉับพลัน มันก็ปล่อยเสียงคำรนกู่ก้องสะท้านฟ้าออกมา
…
ศาสตราจารย์เคเซอร์วางหนังสือลง ก่อนจะหยัดยืนขึ้น แล้วเดินออกจากห้องทำงานไป
…
ภายในวิหารลับ
ดาร์กถือการ์ด [ราคะ I] ไว้สูงเหนือหัว คอยชี้นำพลังของเทพธิดาไปยังรุกกี้เดวิมอนอย่างต่อเนื่อง
ภายใต้การถ่ายเทพลังมหาศาล หน้าผากของรุกกี้เดวิมอนพลันเริ่มสว่างไสวขึ้น ขณะที่สัญลักษณ์มหาบาปก็ยิ่งชัดเจนและสว่างขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา
พลังยังคงถูกดูดซับอย่างบ้าคลั่ง ผ่านการเปลี่ยนแปลงของสัญลักษณ์มหาบาป
ด้วยสัญลักษณ์ที่เป็นแกนกลาง ลำตัวทั้งหมดของมันจึงเริ่มเรืองแสง จนกระทั่งในที่สุดก็กลายเป็นลูกบอลแสงขนาดใหญ่
โครงสร้างชีวิตของมันก็ได้เริ่มเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่!
ปีศาจน้อยในรูปร่างค้างคาวค่อย ๆ กลายร่างเป็นแมวดำที่กอดเข่าและขดตัวเป็นลูกบอลเหมือนกับเด็กทารก
แววตาของดาร์กพลันปรากฏความตื่นเต้นฉายชัดออกมา
จุดประสงค์เดิมของเขาคือ การดูดซับพลังงานของรูปปั้นในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด เพื่อที่รูปปั้นจะได้ถูกขัดขวางระหว่างทำพิธีกรรม
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าสถานการณ์กำลังพัฒนาไปในทิศทางที่เขาคาดเดาไม่ได้เสียแล้ว
มันจะออกมาดีหรือไม่ดีกันนะ?
มันจะไม่ดีใช่หรือเปล่า?
เขาไม่รู้อะไรทั้งนั้น
แต่วิวัฒนาการของรุกกี้เดวิมอนไม่ได้หยุดแค่นั้น!
ในลูกบอลแสงเรืองแสงขนาดใหญ่ แมวดำขดตัวเป็นลูกบอล ก่อนจะเริ่มเหยียดแขนขาออกมาภายใต้การถ่ายเทพลังงานอย่างต่อเนื่อง และทั้งตัวของมันก็กลายเป็นปีศาจเพศหญิง
นี่คือ…นางฟ้าตกสวรรค์ผู้สูงศักดิ์และทรงพลัง
อวตารแห่งความงาม มอนสเตอร์แห่งโลกดิจิทัลซึ่งเป็นร่างสุดยอดที่น่าตื่นตาตื่นใจอย่างยิ่ง
เดอะเลดี้!