บทที่ 140 ไดแอนนาไม่มีเสน่ห์อีกต่อไป
บทที่ 140 ไดแอนนาไม่มีเสน่ห์อีกต่อไป
ในเย็นวันพุธ ดาร์กนั่งอยู่ในห้องสมุดและกำลังจมอยู่ในห้วงความคิด
ตั้งแต่ต้นเดือนจนถึงปัจจุบัน จำนวนครั้งที่เขาดึงมหาบาปออกมาคือแปดครั้ง
เขาใช้เวลาสองครั้งในการดึง [อัตตา] ซึ่งสุดท้ายจะรวมเป็นสามหน่วย
ดึง [ราคะ] หกครั้ง รวมทั้งหมดได้เก้าหน่วย
ทว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมา ดาร์กมัวแต่ก็ยุ่งกับการบ้านและการทดลองจนไม่มีเวลาดูแลอย่างอื่น
มหาบาป [ราคะ] จึงไม่เติบโตเลย!
เดิมที [ราคะ] มีเพียงหนึ่งร้อยสิบหน่วย แต่เมื่อดึงออกไปเก้าหน่วย ก็เหลือเพียงหนึ่งร้อยหนึ่งหน่วยเท่านั้น
และจากหนึ่งร้อยหนึ่งหน่วยนี้ ก็สามารถดึงออกไปได้เพียงหนึ่งหน่วยด้วยการใช้ ‘วิธีแมลงปอสัมผัสน้ำ’
เว้นเสียแต่ว่าเขาจะเสี่ยงใช้วิธีใส่หยดสมองวิเศษเข้าไปในสมองของเขาเองโดยตรง
ไม่อย่างนั้น เขาจะไม่ได้รับค่ามหาบาปเพิ่มเลยแม้แต่ค่าเดียว
หรือบางที เขาควรเพิ่ม [ราคะ] โดยเจตนาดีนะ?
…
“อีกสองวัน ถ้าฉันยังอยากจะดึงค่ามหาบาปได้อีกสองครั้ง ให้รวมเป็นสามหน่วย ฉันก็ต้องเพิ่ม [ราคะ] ให้เป็นหนึ่งร้อยสี่หน่วยเพื่อให้เท่ากับความต้องการให้ได้”
“หรือทิ้ง [ราคะ] แล้วไปเพิ่ม [อัตตา] แทนดี? [อัตตา] มีเหลืออยู่หนึ่งร้อยสองหน่วย แต่ก็สามารถดึงออกมาได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น”
“ฉันคิดว่าฉันควรหาวิธีเพิ่มค่า [ราคะ] จะดีกว่า”
“[ราคะ] ก็มีการ์ดดอกไม้ไว้ป้องกันอุบัติเหตุแล้ว ต่อให้ล้นเกินเล็กน้อยก็ไม่เป็นปัญหา นี่เป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยที่สุด”
“แล้วยังมีหลายวิธีที่สามารถเพิ่ม [ราคะ] ได้ด้วย”
“ถ้างั้นก็เอาตามนี้!”
หลังจากตัดสินใจแล้ว ดาร์กก็เงยหน้าขึ้นไปมองไดแอนนา ผู้ซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามเขาด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก
มีการบ้านมากมายจากวิชาคณิตศาสตร์ในวันอังคาร เมื่อเห็นว่าคาบแรกในวันพฤหัสบดีเป็นเวลาส่งการบ้าน นักเรียนชั้นปีที่หนึ่งหลายคนที่ทำการบ้านวิชาคณิตศาสตร์ไม่เสร็จ จึงมาที่ห้องสมุดเพื่อทำการบ้านให้ทัน
ไดแอนนาและโรสก็เป็นส่วนหนึ่งของคนกลุ่มนี้เช่นกัน
ทุกครั้งที่พวกเธอมาที่ห้องสมุด พวกเธอมักจะนั่งตรงข้ามดาร์ก ราวกับว่าที่นั่งตรงข้ามกับเด็กชายจะกลายเป็นที่นั่งพิเศษเฉพาะของพวกเธอไปแล้ว
เนื่องจากดาร์กสนับสนุนให้พวกเธอคิดด้วยตนเองเสมอ และพึ่งพาความสามารถของตนเองในการแก้โจทย์ยาก ๆ ก่อน ทั้งคู่จึงพยายามอย่างหนักและไม่ถามดาร์กเมื่อพบปัญหา
นี่เป็นสัญญาณที่ดีอย่างแน่นอน
แม้ว่าไดแอนนาจะไม่ฉลาดนัก แต่วิชาคณิตศาสตร์ปีหนึ่งก็ไม่ได้ยากมากเช่นกัน
และหากพวกเธอพยายามอย่างหนัก ทั้งสองคนก็จะสามารถสร้างรากฐานที่มั่นคงได้
นี่จะช่วยให้พวกเธอผ่านหลักสูตรชั้นปีที่สองไปได้มาก
เพราะคณิตศาสตร์เป็นพื้นฐานของทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการอัญเชิญ ปรุงยา คาถาเวทมนตร์ หรือแม้แต่การประลอง และการรวบรวมภาษาเวทมนตร์ มักมีการคำนวณเข้ามาเกี่ยวข้องเสมอ
ความจริงหลังจากนักเรียนก้าวเข้าสู่ชั้นปีที่สอง มีคนหลายคนต้องเริ่มเรียนพิเศษอย่างไม่รู้จบ เพียงเพราะว่าพื้นฐานของพวกเขาแย่เกินกว่าจะสนับสนุนพวกเขาให้เรียนต่อไปได้
ดาร์กไม่ต้องการเห็นเพื่อนทั้งสองคนในชั้นปีเดียวกัน ตกอยู่ในขุมนรกของการเรียนพิเศษ
แต่หลังจากอยู่กับพวกเธอมาอย่างยาวนานด้วยท่าทีแบบ ‘พี่เลี้ยง’ ทุกอย่างก็ไม่ใช่ว่าจะดีไปซะหมด
ดาร์กอดไม่ได้ที่จะหรี่ตาลง เป็นเวลานานแล้วตั้งแต่เขามองดูไดแอนนาและโรสอย่างตั้งใจครั้งล่าสุด
ไดแอนนามีผมสีเงิน
ในอาณาจักร ผมสีเงินและสีบลอนด์เป็นสัญลักษณ์ของสายเลือดขุนนาง
แม่ของไดแอนนาเป็นญาติใกล้ชิดกับเชื้อพระวงศ์ และเธอเองก็มีสายเลือดของราชวงศ์ด้วย
ดังนั้นเธอจึงสืบทอดผมสีเงินของผู้เป็นมารดา ซึ่งแตกต่างจากผมสีน้ำตาลอันเป็นสัญลักษณ์ของตระกูลเกรท เบเยอร์เล็กน้อย
ส่วนโรสมีผมสีบลอนด์
แต่มันเป็นสีบลอนด์ที่ซีดมาก เกือบจะโปร่งแสงเล็กน้อยด้วยซ้ำ สรุปแล้วมันคือสีทองซีด
ตระกูลรอธร็อคที่เธออยู่ เดิมเป็นขุนนางผู้ยิ่งใหญ่ แต่ค่อย ๆ ถดถอยลงในช่วงสงคราม และตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่ลุงของเธอเท่านั้น
ต่างจากไดแอนนาที่มีใบหน้ากลมเกลี้ยง โรสมีความสวยแบบเด็กอยู่แล้ว ใบหน้าของเด็กหญิงเป็นรูปไข่ และบุคลิกของเธอก็มักทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเธอนั้นดูอ่อนแอและน่าสงสาร ชวนให้ผู้คนรู้สึกว่าต้องดูแลเธอ
ก่อนหน้านี้ดาร์กไม่ได้สนใจเธอมากนัก แต่ตอนนี้เขาตระหนักได้แล้วว่ามีเด็กหญิงผู้งดงามอยู่ใกล้ตัวเขา
และแม้ว่าดาร์กจะมองโรสอย่างตั้งใจจนเธอหน้าแดง แต่ค่าราคะของเขาไม่เพิ่มขึ้นเลย
‘แบบนี้ไม่ได้การแล้ว…’
ด้วยความสิ้นหวัง ดาร์กจึงหันความสนใจไปที่ไดแอนนาอีกครั้ง
แก้มที่กลมและอ่อนโยนของไดแอนนา ทำให้เขาอยากเอื้อมมือออกไปบีบอยู่เสมอ
แรงกระตุ้นนี้ยังคงมีอยู่จนถึงทุกวันนี้
แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ราคะในตัวเขากลับนิ่งเงียบราวกับทะเลสาบอันเงียบสงบ
ดูเหมือนว่าไดแอนนาจะไม่ดึงดูดใจเขาอีกต่อไป
หรือบางทีฉันแค่เบื่อหน้าพวกเธอ?
‘นี่คือการเติบโตของตัวละครเหรอ?’
ดาร์กครุ่นคิด
‘หรือแค่การมองด้วยตา ไม่เพียงพอที่จะทำให้จิตใจของฉันผันผวนอีกต่อไปแล้ว?’
ดาร์กเก็บข้าวของของตัวเอง หยิบบันทึกการศึกษา ‘ภาษาเวทมนตร์’ ด้วยตนเองออกจากกระเป๋านักเรียน ก่อนจะเปิดมันแล้วลุกขึ้นยืน
ไดแอนนาถามด้วยความสงสัย “ดาร์ก นายจะไปไหน?”
ดาร์กยกสมุดบันทึกในมือขึ้น “ไปหาคนเพื่อถามคำถามน่ะ”
ไดแอนนา “โอ้”
…
แผนกต้อนรับของห้องสมุด
แพนดอร่า โดรากอนกำลังจดบันทึกขณะอ่านหนังสืออยู่
เธอมีความจำที่ดี โดยพื้นฐานแล้วเธออ่านสิบบรรทัดได้ในการกวาดสายตาครั้งเดียว และสมุดบันทึกของเธอก็เต็มไปด้วยประเด็นสำคัญ
ช่วงนี้มีการบ้านเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน ซึ่งทำให้เธอมีปัญหากับตารางงานที่แน่นเล็กน้อย
ทางเลือกสุดท้ายคือ เธอต้องเอาเวลาว่างในช่วงทำงานมาใช้ทำการบ้านให้เสร็จเท่านั้น
ทั้งที่เวลานี้ควรเป็นเวลาพักผ่อน
หลังจากทำการบ้านเสร็จ เธอก็วางปากกาและหยิบสำเนา ‘ความลับของมังกร’ ขึ้นมาเพื่ออ่านต่อ
‘ความลับของมังกร’ แม้แต่ในห้องสมุดของเซนต์แมเรียนก็อยู่ในรายการหนังสือต้องห้าม
แต่เธอได้รับอนุญาตจากศาสตราจารย์ให้ยืมหนังสือต้องห้ามเล่มนี้
เมื่อเธอสามารถใช้ความรู้ในหนังสือเล่มนี้ได้ เธอก็จะเชี่ยวชาญการอัญเชิญประเภทมังกรมากขึ้น
“รุ่นพี่ ขอลงทะเบียนหน่อยครับ”
แพนดอร่าเงยหน้าขึ้นมองเวอร์เธอร์และโรเบิร์ตที่เดินมาที่เคาน์เตอร์ แล้วยื่นใบลงทะเบียนเข้าใช้มา
ชื่อของบุตรแห่งวีรบุรุษยังคงโด่งดังมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการประชุมเมื่อบ่ายวันพุธที่ผ่านมา คนที่ไม่สนใจเขามากนักก็ถูกบังคับให้รู้จักเขาอีกครั้ง
“การบ้านของพวกเธอทั้งคู่เพิ่มขึ้นหรือเปล่า?” แพนดอร่าถามอย่างไม่ใส่ใจ
บุตรแห่งวีรบุรุษที่ปกติไม่ค่อยเข้าห้องสมุดบ่อยนัก กลับมาห้องสมุดทุกวันอย่างผิดปกติ ทำให้คนมองว่าเป็นเพราะแรงกดดันของการบ้าน
แต่เมื่อเธอถามอย่างไม่ใส่ใจ จู่ ๆ เวอร์เธอร์ก็เริ่มประหม่า นี่เป็นครั้งแรกที่รุ่นพี่แพนดอร่าพูดกับเขา!
จนกระทั่งโรเบิร์ตสะกิดแขน เขาจึงเกาหัวและพูดว่า “ใช่ครับ ผมไม่รู้ว่าทำไมศาสตราจารย์ถึงอยากทำแบบนี้ แค่แรงกดดันในการเรียนก็หนักหนาอยู่แล้ว”
แพนดอร่าพยักหน้าเล็กน้อย “ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะไม่ได้เกิดขึ้นแค่เฉพาะชั้นปีเดียวสินะ”
จากนั้นเธอก็รับใบทะเบียนเข้าใช้มา แล้วก็ก้มหน้าอ่านต่อไป
เวอร์เธอร์เปิดปากของเขาและต้องการจะพูด แต่จู่ ๆ ก็เห็นคนที่คุ้นเคยเดินออกมา
ดาร์กไม่คิดว่าจะได้พบกับเวอร์เธอร์และโรเบิร์ตที่นี่ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาต้องใส่ใจ
เวอร์เธอร์รู้สึกเขินอายเล็กน้อยด้วยเหตุผลบางอย่าง และท่าทางของโรเบิร์ตก็ดูผิดปกติ
ดาร์กลังเลเล็กน้อยและพยักหน้าให้ทั้งสองคนด้วยท่าทางที่สุภาพ
จากนั้นเขาก็เดินไปหลังเคาน์เตอร์อย่างเป็นธรรมชาติมาก ดาร์กขยับเก้าอี้แล้วนั่งลงข้าง ๆ รุ่นพี่แพนดอร่า แล้วถามว่า “รุ่นพี่ รุ่นพี่มีเวลาไหมครับ?”