บทที่ 145 ดาร์ก เดม่อนนอนกับสัตว์อสูร
บทที่ 145 ดาร์ก เดม่อนนอนกับสัตว์อสูร
เนื่องจากดาร์กขาดความรู้เชิงลึกในด้านนี้ เขาจึงไม่สามารถออกความเห็นของตนเองเกี่ยวกับการศึกษาภาพจิตรกรรมฝาผนังได้
แต่งานวิจัยของเอ็มม่าได้ฟื้นความสนใจในจิตรกรรมฝาผนังของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
อย่างไรก็ตาม ดาร์กไม่สามารถวางเกวียนไว้ข้างหน้าม้าได้
ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน การศึกษา ‘ภาษาเวทมนตร์’ ควรมีความสำคัญสูงสุด และการศึกษาภาพจิตรกรรมฝาผนังอาจเป็นงานอดิเรกได้
เมื่อได้ยินดาร์กเอ่ยถึงเรื่องนี้ เอ็มมาก็พูดอย่างเคร่งขรึมว่า “แน่นอน การเรียนควรเป็นประเด็นหลักของเรา และการวิจัยควรเป็นเพียงงานอดิเรก ฉันจะไม่ลืมเรื่องนี้”
แล้วเธอก็กลับไปนั่งอย่างมีความสุข
…
ดาร์กมองไปที่หนังสือ ‘ราชาทองคำและสมบัติลับ’ ที่เอ็มม่าทิ้งไว้ให้ แล้วเขาก็รู้สึกปวดหัวเล็กน้อย
อันที่จริง เขายังมี ‘ชีวประวัติของเมอร์ลิน’ ที่เพิ่งอ่านไปได้แค่สองสามหน้าแรกเท่านั้น
ยิ่งดาร์กอยากอ่านหนังสือมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งมีเวลาอ่านน้อยลงเท่านั้น
เด็กชายออกจากห้องสมุดพร้อมกับหนังสือในมือ และเลือก ‘ราชาทองคำและสมบัติลับ’ เป็นนิทานก่อนนอนในคืนนี้
ห้องส่วนกลางของบ้านขุนนางยังคงคึกคัก
แม้ว่าวันจันทร์จะมีคาบเรียน แต่นักเรียนยังคงชอบอยู่ดึกในคืนวันอาทิตย์อยู่ดี
ดาร์กนั่งข้างไดแอนนาและโรสอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นหยิบทอฟฟี่ฟรีแล้วเดินขึ้นชั้นบน เพื่อกลับไปยังห้องของเขา
ทว่าในตอนที่กำลังจะปลดล็อกประตู ดาร์กก็หยุดมือทันที เพราะดูเหมือนว่า…เขาจะได้ยินเสียงมาจากภายในห้องพักของตน
หอพักของเซนต์แมเรียนกันเสียง และเสียงการเคลื่อนไหวปกติมักไม่เคยเล็ดลอดออกมาให้คนภายนอกได้ยิน
กล่าวอีกนัยหนึ่ง หากได้ยินเสียงจากนอกห้อง มันคงเป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่ปกติ!
ดาร์กขมวดคิ้วและสอดนิ้วเข้าไปในซองการ์ดโดยไม่รู้ตัว
แต่หลังจากครุ่นคิดอีกครั้ง เขาแค่หนีบการ์ดเวทมนตร์ระหว่างสองนิ้วของเขา แต่ไม่ได้อัญเชิญมันออกมา
แกร๊ก!
ดาร์กปลดล็อกและแง้มประตูให้อ้าเล็กน้อย
เมื่อช่องว่างปรากฏขึ้น เสียงจากหลังประตูก็ดังเข้ามาในหูของเขา
ภายในห้องบังเกิดเสียงดังมาก ราวกับเสียงฝูงแมวและสุนัขที่เห่ากันอย่างเมามัน
เดิมที ดาร์กไม่ได้ขมวดคิ้วแต่ตอนนี้เขาเริ่มขมวดแล้ว
เด็กชายรีบแทรกตัวเข้าไปภายในและปิดประตู เพื่อไม่ให้เสียงดังเล็ดลอดออกไปกระทบกับนักเรียนคนอื่น
ไฟในห้องเปิดอยู่
แสงพิสุทธิ์ดุจหิมะส่องสว่างทั่วทุกมุมของห้อง
ไม่ว่าจะเป็นบนโต๊ะ เก้าอี้ ตู้ หรือบนหิ้ง มีสัตว์ทุกชนิดคลานหมอบอยู่
ดาร์กไม่แปลกใจเลย
เขาเตะสิงโตอ้วนที่ขวางทางเข้า เจ้าแมวตัวโตขยับไปด้านข้างอย่างเกียจคร้าน เปิดทางแคบ ๆ ให้เขา
มีหมียักษ์สองตัวกำลังต่อสู้กันบนทางเดินข้างหน้า และลิงสองสามตัวก็โห่ร้องพลางตบก้นของพวกมันไปด้วย
นกแก้วสีส้มปากใหญ่บินไปมาในอากาศจนขนร่วงไปทั่ว
บนราวนกเกาะเหนือหัว ยังมีนกสองตัวที่อิงแอบพิงกันอย่างเสน่หา
พังพอนกำลังต่อสู้กับงู มันกรีดร้องเสียงดังอย่างต่อเนื่อง
เสือขาวตัวหนึ่งนอนอยู่บนตู้เสื้อผ้า หลับตากรนดูสบายอกสบายใจอย่างไรอย่างนั้น
ส่วนฝั่งตรงข้ามนั้น หมาแมวก็เหมือนกับคนเขลาที่กระโดดโหยงเหยงไปมาอย่างโง่งม
…
ดาร์กอดตบหน้าผากตนเองไม่ได้
เขาไม่สามารถทำอะไรกับกลุ่มสปิริตตรงหน้านี้ได้
ถ้าจอมเวทสีชาดเป็นผู้คิดค้นการอัญเชิญพันธะวิญญาณแล้ว ‘นักปราชญ์แห่งอสูร’ เช่นแคลร์คงต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญการอัญเชิญพันธะวิญญาณร่วมสมัยด้วย
ระดับสติปัญญาของสปิริตกลุ่มนี้ต้องสูงกว่า 3.0 อย่างแน่นอน
ดังคำกล่าวที่ว่า ‘คนเขลาย่อมไม่เกรงกลัว’ และแม้ในวัยเด็กดาร์กจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่เขาก็ไม่คิดว่านั่นเป็นเรื่องที่ดี
ทว่าพอได้มาเห็นฉากนี้อีกครั้ง เขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างปวดหัว ‘นักปราชญ์แห่งอสูร’ ช่างสมกับฉายา ‘นักปราชญ์’ เสียจริง
เด็กชายเดินผ่านช่องว่างระหว่างสปิริตที่ต่อสู้กันเอง และมาที่ระเบียงห้องนอนของเขา
ในบรรดาสถานที่ทั้งหมดในห้องของเขา มีเพียงระเบียงเท่านั้นที่เงียบสงบ
แคลร์ เคทนอนเอนหลังกับเก้าอี้อันเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของดาร์ก มีหญ้าแมวที่กระฉับกระเฉงนอนขดตัวอยู่บนตัก ขณะที่ปลายเท้าของเธอมีหญ้าวัวนอนอยู่อย่างสงบด้วย
แสงจันทร์นวลผ่องลอดผ่านหน้าต่างกระจกของระเบียงมา เผยให้เห็นสีหน้าที่เหนื่อยล้าของเธอ
แม้ว่าแคลร์จะชอบเดินทางรอบโลก แต่เห็นได้ชัดว่า เธอต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ในการเดินทางมาที่เซนต์แมเรียนในเวลาอันสั้น และไม่ต้องพูดถึงช่วงการเดินทางเลยว่ามันเหน็ดเหนื่อยแค่ไหน
อันที่จริง แค่แคลร์นอนอยู่ตรงนี้เงียบ ๆ มันก็ทำให้บรรยากาศรอบ ๆ ผ่อนคลายและเงียบสงบเป็นอย่างมาก กระทั่งว่าเสียงในห้องก็ดูเหมือนจะหายไปโดยสิ้นเชิง
ดาร์กยืนอยู่ที่ประตูระเบียงครู่หนึ่ง
เขาไม่รู้ว่าแคลร์เคยผ่านอะไรมาบ้างในอดีต และไม่เข้าใจว่าทำไมคนเงียบ ๆ แบบเธอถึงชอบเหล้าแรงขนาดนี้
รากฐานของการอัญเชิญพันธะวิญญาณคือสายสัมพันธ์ระหว่างจอมเวทกับสปิริต
อีกทั้ง รูปแบบพฤติกรรมของสปิริตก็มีศูนย์รวมมาจากวิญญาณของจอมเวทเอง
ภายนอกเธอดูเป็นคนนิ่งเงียบ แต่ภายในกลับเป็นคนรุนแรง
พอลองคิดดู อัลเวตต์ก็เป็นเพื่อนคนเดียวของเธอหลังสงคราม
ดาร์กทบทวนความทรงจำจากสมองของเขาอย่างเงียบ ๆ
ความทรงจำที่เขามีเกี่ยวกับแคลร์ มักจะเป็นภาพที่เธอนั่งอยู่ข้างเตียงในตอนกลางคืน ทำความสะอาดภาพเก่าที่ดูเหมือนมีฝุ่นเกาะมากเสมอ
ในรูปนั้นมีกี่คน?
หนึ่งสองสาม…
หรือมีห้าหกคนกันนะ?
…
ตอนดึก
แคลร์ดูรับรู้ได้ถึงความหนาวเย็น ก่อนจะสูดมันเข้าไปเล็กน้อย
หน้าอกของเธอกระเพื่อมเป็นลูกคลื่น
ดาร์กถอนหายใจ เขาหันไปเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วดึงผ้าห่มหนา ๆ ออกมา
เดือนพฤศจิกายนกำลังใกล้เข้าสู่ช่วงฤดูหนาว อากาศจึงเริ่มเย็นลงเรื่อย ๆ
และถ้าเธอนอนแบบนี้ไปถึงเช้า คงไม่พ้นได้เป็นหวัดแน่ ๆ
เด็กชายเปิดประตูระเบียง เดินฝีเท้าเบาเข้าไปอุ้มหญ้าแมวขึ้นมา ก่อนจะคลุมผ้าห่มให้เธออย่างระมัดระวัง
“เมี้ยว~”
หญ้าแมวร้องเบา ๆ
ดาร์กลูบหัวของมันแล้ววางลงบนผ้าห่ม
…
เมื่อกลับเข้ามาในห้องนอน ดาร์กก็มองไปยังกลุ่มสปิริตที่ส่งเสียงดังไม่หยุด ก่อนจะอัญเชิญรุกกี้เดวิมอนออกมา
หลังจากใช้ [อัตตา II] แล้ว รุกกี้เดวิมอนก็มีสกิลที่สอง
[ท่าไม้ตาย: การสะกดจิตของปีศาจ]
[การสะกดจิตของปีศาจ: ยิงคลื่นสะกดจิตที่สะกดจิตศัตรูได้จากดวงตาของมัน]
และในที่สุดห้องนอนก็เงียบลง
ดาร์กเข้าไปในห้องน้ำและคว้าเอาสัตว์ตัวเล็ก ๆ ที่ชอบหลบซ่อนอยู่ในนั้นออกมา ก่อนที่จะเริ่มแช่ตัวในอ่างอาบน้ำและเพลิดเพลินไปกับการอาบน้ำสักพัก
หลังเดินออกมาจากห้องน้ำ รุกกี้เดวิมอนก็อุ่นเตียงให้เขาเรียบร้อยแล้ว
เด็กชายขึ้นไปบนเตียง หยิบหนังสือ ‘ราชาทองคำและสมบัติลับ’ ออกมาอ่าน
นวนิยายในยุคนี้ยังคงตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ลงในนิตยสาร และหากผลตอบรับดีก็จะตีพิมพ์เป็นฉบับเดี่ยว
แต่เนื่องจากข้อจำกัดของรูปแบบธุรกิจ นวนิยายขนาดยาวจึงไม่ได้รับความนิยม โดยทั่วไปจึงมีแต่นวนิยายสั้นและยาวปานกลางมากกว่า
‘ราชาทองคำและสมบัติลับ’ เป็นนวนิยายที่มีการจัดวางโครงเรื่องแน่นมาก
ตัวเอกโจชัวและผู้ขุดทองที่รอดตายได้ออกสำรวจเพื่อค้นหาสมบัติของราชาทองคำ
นครทองคำทั้งหมดถูกแบ่งออกเป็นชั้นบนและชั้นล่าง เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงระดับชนชั้น
ขณะที่สุสานของราชาทองคำก็หายากเช่นกัน
แต่แล้วการเคลื่อนไหวที่เกิดจากการกระทำของพวกเขา ก็ไปปลุกผู้พิทักษ์ทองคำในนครทองคำให้ตื่นขึ้นมา ก่อนที่เหล่านักขุดทองผู้โชคร้ายหลายคนจะถูกผ่าครึ่งในเวลาถัดมา
เลือดจากซากศพถูกดูดลงไปในผืนพสุธาทันที
นครทองคำเปรียบเสมือนสัตว์ร้ายขนาดยักษ์ที่กระหายน้ำมาเป็นเวลานาน เมื่อในที่สุดได้พบกับผู้ที่มาส่งน้ำ มันก็กลืนกินชีวิตเหล่านั้นเข้าไปทันที
…
ดาร์กค่อย ๆ ผล็อยหลับไปพร้อมกับความฝันที่วุ่นวาย…