บทที่ 21 ดาร์ก เดม่อนไร้ที่ติ
เมื่อดาร์กตื่นขึ้น เสียง ‘ฝน’ ก็ดังต้อนรับเช้าวันอาทิตย์มาจากนอกหน้าต่าง
เขาหรี่ตาขณะลุกขึ้นทำกิจวัตรล้างหน้าและแปรงฟัน โดยไม่ให้โอกาส [เกียจคร้าน] ได้ทำคะแนน
วันนี้ดาร์กไม่ได้ไปที่ห้องนั่งเล่น แต่อยู่เงียบ ๆ ภายในห้องนอนพักใหญ่
ค่ามหาบาปบางครั้งก็ควบคุมได้ยาก
เช่นตอนนี้ที่เขาไม่ได้ทำอะไรเลย เพียงแค่มองดูสายฝนตกที่ริมหน้าต่าง จิตใจอยู่ในช่วงสงบผ่อนคลาย จึงไม่มีอะไรถูกกระตุ้น
ทว่าสภาพจิตใจเช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรักษาไว้
พอประมาณเจ็ดนาฬิกา ดาร์กก็ไปที่โรงอาหารเพื่อทานมื้อเช้าซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่หาได้ยากมาก จากนั้นจึงออกไปยืม [ขวดแห่งความคิด] จากศาสตราจารย์เคเซอร์
ดูเหมือนศาสตราจารย์เคเซอร์จะเชื่อว่าเขากำลังศึกษาเรื่องของอารมณ์อยู่ ดังนั้นเขาจึงมอบมันให้กับดาร์กโดยไม่ถามอะไรมาก
และ [ขวดแห่งความคิด] ตามชื่อของมันก็คือภาชนะที่ใช้เก็บ ‘สสารแห่งความคิด’ เช่น ความทรงจำ อารมณ์ ความรู้ และความคิด
แน่นอนว่าไม่ว่าจะเป็นความทรงจำ อารมณ์ ความรู้ หรือความคิด มันก็มักจะจางหายไปตามกาลเวลา
การใช้ [ขวดแห่งความคิด] เพียงอย่างเดียวซึ่งมีราคาสองสามร้อยคะแนน ไม่เพียงพอต่อการป้องกันการเจือจางของสสารแห่งความคิดได้อย่างสมบูรณ์
มันเป็นเพียงกำแพงที่ปิดกั้นให้สสารแห่งความคิดเจือจางช้าลงเท่านั้น
ระยะเวลาในการเก็บสสารแห่งความคิดสูงสุดคือเจ็ดสิบสองชั่วโมง หลังจากนั้นความเร็วของการเจือจางจะเพิ่มขึ้น
ดาร์กจึงตั้งเวลาทดลองถัดไปในบ่ายวันอังคารหรือเย็นของวันที่สาม
เมื่อถึงเวลานั้น เขาจะได้รับค่า [อัตตา] สามหน่วยสำหรับการทดลอง
…
อาจเป็นเพราะว่าฝนเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ พวกนักเรียนใหม่จึงได้แต่หมกตัวอยู่ในห้องนั่งเล่นด้วยความหงุดหงิด
บางคนกำลังอ่านหนังสือ บางคนกำลังเล่นหมากรุก และบางคนก็พยายามหนักเพื่อทำการบ้านให้เสร็จ
ไดแอนนาเป็นคนประเภทสุดท้าย
เธอพาโรสไปหาที่ตรงมุมห้องนั่งเล่น และรีบทำการบ้านให้เสร็จพร้อมกัดปากกาของเธอ
ไดแอนนาไม่ได้ฉลาดมาก สิ่งที่คนอื่นมักจำได้หลังจากอ่านเพียงครั้งเดียว เธอมักจะต้องอ่านมากกว่าสองครั้ง
พรสวรรค์ของเธอเน้นไปที่พลังเวทมนตร์และความแข็งแกร่งทางกายภาพเสียมากกว่า
หากยังเป็นยุคก่อนหน้าซึ่งเป็นยุคที่ปีศาจมีอยู่จริง เธอคงเป็นพาลาดินที่เก่งด้านเวทมนตร์และศิลปะอย่างแน่นอน เด็กหญิงอาจจะสามารถต่อสู้ในสนามรบ และสุดท้ายเรื่องราวของเธอก็จะขจรไกลไปตลอดยุคสมัย
ทว่าในยุคของเซนต์แมเรียนที่ความรู้เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
การจะเป็นจอมเวทที่มีคุณสมบัติเหมาะสม พวกเขาต้องเรียนรู้ที่จะใช้สมองของตนเอง
ส่วนเหตุผลที่ไดแอนนายังคงสามารถตามนักเรียนคนอื่นได้ทันก็ต้องขอบคุณความช่วยเหลือจากโรสครึ่งหนึ่ง และอีกครึ่งหนึ่งมาจากการสอนของดาร์ก!
โดยเฉพาะวิชาคณิตศาสตร์ที่ยากที่สุด ดาร์กช่วยเธอเอาไว้มาก
เขาจะพยายามหลีกเลี่ยงการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมอยู่เสมอ เพราะตอนแรกเขากลัวว่าจะระงับอารมณ์ชั่ววูบของตัวเองไว้ไม่ไหว และหากได้เจอพวกงี่เง่าบางคนเข้าค่าโทสะของเขาอาจถูกกระตุ้นขึ้นมาทันที
มาตอนนี้ดาร์กกังวลว่าจะควบคุมค่าอัตตาไม่ได้และกลายเป็นคนเย่อหยิ่งในท้ายที่สุด เด็กพวกนั้นเป็นแค่กลุ่มนักเรียนจอมเวทฝึกหัดปีหนึ่งซึ่งไม่คู่ควรกับเขาเลย!
หัวข้อของสถาบันเซนต์แมเรียนใน ‘เดลี่เสจ’ กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง ส่วนใหญ่เป็นเพราะลูกหลานของ ‘ดาบคู่แห่งอาณาจักร’ ที่ได้เข้าศึกษาในสถาบันเซนต์แมเรียนด้วย
ความคิดเห็นบางส่วนจากอาจารย์และนักเรียนของสถาบันโฮลี มิสเทอรีนั้นเต็มไปด้วยความอิจฉาอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาได้แต่หวังว่าหากหนึ่งในนักเรียนใหม่สองคนนี้ถูกจับได้ว่าทำอะไรไม่ดีและถูกรายงาน ความเย่อหยิ่งของสถาบันเซนต์แมเรียนจะถูกกดข่มไว้อย่างแน่นอน!
ที่สำคัญคือ พวกเขามุ่งเป้าไปที่ดาร์ก เดม่อน ผู้ซึ่งมีชื่อเสียงที่ย่ำแย่มาก ว่ากันว่าดยุกน้อยผู้นี้เป็นพวกโลภในความสุขทางราคะทุกรูปแบบตั้งแต่อายุยังเล็ก ชื่อเสียงที่ว่าเขานั้นเย่อหยิ่ง เกียจคร้าน โง่เขลาและเอาแต่ใจ ทำให้เหมาะกับเป็นกระสอบทรายอย่างมาก
และการพุ่งเป้าไปที่ดาร์ก เดม่อนอาจเป็นไปได้ว่าจะสามารถส่งผลกระทบที่ร้ายแรงยิ่งขึ้นต่อพรรคนกพิราบที่มีดัชเชสอัลเวตต์เป็นผู้นำ!
ทุกอย่างมักมีการขัดแย้งกันไปมาอยู่เสมอ
วัลคีรีที่ครั้งหนึ่งเคยต่อสู้อย่างกล้าหาญในสนามรบและสังหารศัตรูโดยไม่กะพริบตา ในที่สุดนางก็จะได้เข้าใจถึงคำว่า ‘พัก’ และผันตัวกลายเป็นพรรคนกพิราบผู้สนับสนุนสันติภาพแทนบ้าง
กองทัพคริสตจักรที่เคยสนับสนุนการอยู่ร่วมกันอย่างสันติเพื่อลดการสังหารในสงครามได้กลายเป็นพรรคเหยี่ยวที่มุ่งมั่นขยายกองทัพเมื่อการพัฒนาของพวกเขาถูกขัดขวาง!
อย่างที่สุภาษิตโบราณว่าไว้ ‘หากไร้ซึ่งสงครามแล้วจะมีศรัทธาได้อย่างไร?’
แน่นอนว่าพระสันตะปาปาแห่งคริสตจักรจะต้องออกมาด้วยตัวเอง แต่หัวหน้าอาร์คบิชอป หนึ่งในสมาชิกวุฒิสภา 36 คน มักพูดในวุฒิสภาและสนับสนุนให้กษัตริย์ส่งกองทหารออกไปและพิชิตอาณาจักรเล็ก ๆ โดยรอบ ในขณะที่พวกเขากำลังอ่อนแอ
กษัตริย์ทรงชราภาพและสูญเสียจิตวิญญาณการต่อสู้ไปแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงสนับสนุนให้เจ้าชายขึ้นครองบัลลังก์และพิชิตโลกแทน
เจ้าชายองค์แรกมีความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่และใกล้เคียงกับเป้าหมายของโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์
ส่งผลให้พรรคนกพิราบหันไปสนับสนุนเจ้าหญิงผู้อ่อนโยน ซึ่งพอเหมาะพอดีกับที่ช่วงนี้เพิ่งมีกระแสสนับสนุนให้สตรีมีสิทธิ์มีเสียงมากขึ้น ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกให้เจ้าหญิงขึ้นครองบัลลังก์!
แน่นอน ทุกคนรู้ดีว่าทำไมในเกมจีบสาวถึงมีฉากแบบนี้
อย่างไรก็ตาม แมลงวันจะไม่กัดไข่ที่ไม่มีรอยร้าว ซึ่งหมายความว่าไข่จะคงอยู่ยงคงกระพันหากพวกมันไม่มีรอยร้าว!
สายลับของพรรคเหยี่ยวได้แทรกซึมเข้าไปในสถาบันเซนต์แมเรียนแต่กลับไม่พบเรื่องราวอะไรของดาร์กเลย
มีแต่บอกว่าเขาประพฤติดี เกรดดี มีวินัยในตนเอง ขยันหมั่นเพียร ไม่โลภ ไม่อิจฉาริษยา สุภาพ อ่อนน้อมถ่อมตน สง่า งดงาม…
ดูเหมือนว่าคำพูดดี ๆ ทั้งหมดสามารถใช้กับเขาได้
ใช่แล้ว นี่คือดาร์ก เดม่อน!
เด็กชายผู้ยอดเยี่ยม สมบูรณ์แบบและไร้ที่ติ!
ซิสเตอร์ตัวน้อยที่ลอบมองดูเขาอยู่ลับ ๆ เกือบจะพ่ายแพ้ต่อเสน่ห์ของดาร์ก เดม่อน!
หากพวกเขาต้องขุดคุ้ยหาเรื่องที่จะทำเป็นประเด็นให้ได้ บางทีวิญญาณรับใช้ของดาร์กซึ่งเป็นปีศาจก็อาจเป็นกระแสที่ทำประชาชนวิพากษ์วิจารณ์ได้…
ในทางตรงกันข้าม ข่าวคราวทายาทอีกคนหนึ่งของดาบคู่แห่งอาณาจักรนั้นกลับไม่ค่อยดีนัก
เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นบุตรแห่งวีรบุรุษผู้สูงศักดิ์ยิ่งกว่าวัลคีรี แต่กาวด์คนนี้ใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนกับลูกชายของขุนนางบ้านนอก
เขาไม่เพียงแต่ทำการบ้านได้ไม่ดีเท่านั้น แต่บางครั้งยังมาเรียนสายอีกด้วย!
เมื่อผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ คะแนนทั้งหมดของกาวด์ถูกก็หักไปครึ่งหนึ่ง!
นับเป็นความอัปยศต่อตระกูลของวีรบุรุษอย่างยิ่ง!
นอกจากนี้ วิญญาณรับใช้ของเขาก็ยังเป็นประเภทปีศาจอีกด้วย!
ทายาทของสองวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำลายล้างปีศาจจนราพณาสูร แต่วิญญาณรับใช้ของทั้งสองกลับกลายเป็นประเภทปีศาจเสียอย่างนั้น!
แม้ว่าจะควรมองดูที่แก่นแท้ผ่านรูปลักษณ์ภายนอก ซึ่งการเกิดขึ้นของวิญญาณรับใช้ประเภทปีศาจนั้นมีปัจจัยหลายประการเข้ามาเกี่ยวข้อง มันจึงหาได้มีความหมายอะไรเลย
ทว่าในสายตาของผู้คนที่ไม่เข้าใจเวทมนตร์ นี่เป็นเหตุการณ์สำคัญที่อาจทำให้เกิดความคิดเห็นของสาธารณชนบ้าคลั่ง!
อย่างไรก็ตาม แม้แต่พรรคเหยี่ยวก็ไม่กล้าโจมตีบุตรชายทั้งสองของดาบคู่แห่งราชอาณาจักรพร้อม ๆ กัน
เพราะนี่อาจจะทำให้เกิดการสวนกลับระดับชาติ!
เมื่อผู้คนค่อย ๆ มีความรู้มากขึ้น การหลอกคนก็ยิ่งยากขึ้นเรื่อย ๆ
เดิมทีที่พวกเขาต้องการทำคือ แอบปลุกเร้าความขัดแย้งระหว่างทั้งสองฝ่าย และบางทีพวกเขาอาจใช้สิ่งนี้ดึงบุตรชายของวีรบุรุษเข้าสู่พรรคของตนเองได้
ทว่าตอนนี้ เด็กทั้งสองคนกลับไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย!
อย่างไรก็ตาม เดลี่เสจยังคงรายงานการโต้เถียงทุกประเภทที่ออกมาจากผู้เขียนของทั้งสองกลุ่ม
ในฐานะที่เป็นสำนักพิมพ์รายใหญ่ที่สุดและมีอำนาจมากที่สุด เดลี่เสจจึงมีผู้อ่านอยู่ทั่วทั้งอาณาจักร
เวลาเพียงเดือนเดียวก็ทำให้ประชาชนทุกคนรู้ว่าทายาทของดาบคู่แห่งอาณาจักรได้เลือกเรียนที่เซนต์แมเรียน และรวมไปถึงรู้เกี่ยวกับการปรากฏตัวอีกครั้งของบุตรแห่งวีรบุรุษด้วย
บางคนกังวลเป็นพิเศษว่าบุตรชายของวีรบุรุษจะสืบทอดพลังของวีรบุรุษมาหรือไม่?
หากเป็นเช่นนั้น การปรากฏตัวของเขาก็หมายความว่าคำทำนายของผู้เผยพระวจนะกำลังจะเป็นจริง และภัยพิบัติจะกลับมาถูกไหม?