บทที่ 31 เวอร์เธอร์และโรเบิร์ตพยายามไปในทางที่ถูกต้อง
โรเบิร์ตรู้สึกเสียใจทันทีหลังจากที่ตะโกนออกมา อย่างไรก็ตาม มันสายไปแล้วที่จะกลับคำพูด
เขายืนโน้มตัวไปข้างหน้าและค้ำโต๊ะด้วยฝ่ามือ เมื่อเห็นสายตาของเพื่อนนักเรียนเกือบทุกคนที่จ้องมองมา สติของเขาก็กลับมาในทันใด และเข้าใจสถานการณ์ของตัวเองในทันที
…
“บร็อกไฮม์ คุณมีปัญหาอะไรกับเอ็มม่า มอร์ติสหรือเปล่า?”
เสียงของดาร์กยังคงเรียบนิ่ง
แต่โรเบิร์ตได้ยินเป็นความนัยที่ต่างออกไป บนตัวเขามีเหงื่อเย็นเยียบและขาก็เกือบจะสั่นเข้าแล้ว
เรื่องราวของเศรษฐีเจมี่คล้ายกับสถานการณ์ของเขามาก
โรเบิร์ตอารมณ์ไม่มั่นคงเพราะเขาถูกจับได้ว่าตัวเองไม่ได้ทำการบ้านมาก่อน และเพราะตัวอย่างที่ดาร์กยกมา มันทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองถูกเอ็มม่าโกงด้วยคะแนนมากกว่ายี่สิบเอ็ดล้านคะแนน นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่ได้
‘มันจบแล้ว ฉันทำมันพังหมดแล้ว!’
โรเบิร์ตรู้สึกสิ้นหวังจนไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่าเวอร์เธอร์กำลังกระตุกชายเสื้อของเขาอย่างดุเดือด
“บร็อกไฮม์ ฉันจะถามอีกครั้ง คุณมีปัญหาอะไรกับเอ็มม่า มอร์ติสไหม?”
ดาร์กยืนอยู่บนเวทีแล้วถามอีกครั้ง
โรเบิร์ตทำได้เพียงกัดฟันแล้วตอบว่า “ไม่ ไม่มี”
ดาร์กว่า “อย่างนั้น บร็อกไฮม์หักสิบคะแนน”
…
คาบเรียนคณิตศาสตร์จบลงแล้ว
ดาร์กเก็บหนังสือเรียนและมุ่งหน้าไปยังห้องทำงานของศาสตราจารย์ลิลลี่ โดยตั้งใจจะช่วยเธอจัดห้องทำงาน อย่างน้อยก็เก็บขวดไวน์ทั้งหมดไปทิ้ง
คล้อยหลังจากที่เขาเดินออกไปก็มีความโกลาหลเกิดขึ้นในหมู่นักเรียนปีหนึ่ง
นักเรียนของบ้านขุนนางนั้นตื่นเต้นที่สุด เพราะการสอนของดาร์กยอดเยี่ยมมาก!
พวกเขาถึงกับบอกว่าอยากให้ดาร์กสอนมากกว่าศาสตราจารย์ลิลลี่!
แม้แต่นักเรียนของบ้านนักปราชญ์ก็ยังยอมรับว่าการสอนของดาร์กในชั้นเรียนนี้ยอดเยี่ยมมาก
ส่วนท่าทีของนักเรียนบ้านคนเขลานั้นเรียบง่ายมาก พวกเขาเพียงแค่ชื่นชมดาร์กเท่านั้น
มีเพียงนักเรียนของบ้านอัศวินเท่านั้นที่ถูกจับจ้องจากอีกสามบ้านที่เหลือด้วยสายตาแปลก ๆ และในใจของพวกเขาก็รู้สึกซับซ้อน
คาบเรียนนี้ พวกเขาเป็นเหมือนตัวอย่างของนักเรียนที่ไม่ดี และราวกับเป็นสมาชิกคณะละครสัตว์ในสายตาของบ้านอื่น ๆ
โรเบิร์ตซึ่งเป็นตัวตลกก็แทบอยากจะซ่อนตัวอยู่ใต้โต๊ะ!
ถูกหักยี่สิบคะแนน!
ไม่เพียงแต่เขาจะเสียคะแนนพื้นฐานทั้งหมดสำหรับคาบเรียนนี้ แต่เขายังสูญเสียคะแนนพื้นฐานทั้งหมดของเวอร์เธอร์ไปด้วย!
เดิมทีทั้งสองได้รับเจ็ดสิบห้าคะแนนจากการตั้งใจเรียนอย่างหนัก และเหลือเพียงห้าคะแนนสุดท้ายก็จะสามารถชำระหนี้ทั้งหมดได้แล้ว ทว่าห้าคะแนนนี้กลับกลายเป็นกำแพงที่ข้ามไปไม่ได้แล้ว!
นี่ถือเป็นความผิดของใครกัน?
แน่นอน ว่ามันไม่ใช่ความผิดของดาร์ก
และดาร์กก็ให้อภัยมากพอแล้ว!
คงไม่มีใครบอกว่าสิ่งที่เขาทำนั้นมากเกินไป
นี่อาจเป็นความผิดของโรเบิร์ตเท่านั้น
เพราะเขาไม่ได้ทำการบ้านเอง
…
“ขอโทษ ทั้งหมดมันเป็นความผิดของฉัน”
โรเบิร์ตพูดขึ้นด้วยความรู้สึกผิด
เวอร์เธอร์พิงกำแพงพลางครุ่นคิดอะไรบางอย่าง จากนั้นจึงตอบรับเบา ๆ ว่า “ไม่เป็นไร โรเบิร์ต ไปยืมห้าคะแนนจากคนอื่นกันเถอะ”
เมื่อก่อนเป็นโรเบิร์ตที่คอยปลอบโยนเขา ทว่าตอนนี้สถานการณ์กลับกันแล้ว
เวอร์เธอร์ไม่ได้โกรธขนาดนั้น
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือโรเบิร์ตได้สติกลับมาในที่สุดและเขาไม่ได้เปิดเผยเรื่องหนี้ให้คนอื่นรู้
มิฉะนั้น เขาไม่รู้ว่าเอ็มม่าจะเดือดร้อนหรือไม่ แต่พวกเขาเดือดร้อนแน่นอน
แต่การเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีและมีชื่ออยู่บนเสาแห่งความอัปยศของเซนต์แมเรียนเป็นเวลาหกปีก็ไม่ใช่เรื่องที่จอมเวทฝึกหัดจะทนได้…
ในเรื่องนี้พวกเขาไม่ใช่แค่เหยื่อเท่านั้น
เมื่อเนื้อเรื่องถูกเปิดเผย บางทีตัวเอกในเรื่องที่ดาร์กเล่าอาจจะเปลี่ยนจากคนที่ชื่อ ‘เศรษฐีเจมี่’ เป็น ‘ลูกชายของวีรบุรุษเวอร์เธอร์และเพื่อนตัวน้อยของเขา’ แทน!
เมื่อนึกถึงตอนที่เขาโด่งดังมากในช่วงเข้าสถาบันแรก ๆ แต่ตอนนี้เขากลับต้องแบกรับภาระเอาไว้มากมาย เวอร์เธอร์ก็เริ่มหลงทาง
“ถ้าตั้งใจเรียนตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ ฉันจะได้ยืนบนโพเดียมแทนเดม่อนหรือเปล่านะ?”
…
สิ่งต่าง ๆ ไม่ได้เป็นไปอย่างที่เวอร์เธอร์คิด
พวกเขาล้มเหลวในการหายืมคะแนนเมื่อคืนนี้ แล้ววันนี้พวกเขาจะสามารถหายืมคะแนนได้อย่างไร?
ยิ่งกว่านั้น หลังจากที่ได้ฟังเรื่องสั้นที่ดาร์กบอกแล้ว นักเรียนชั้นปีหนึ่งอาจตระหนักถึงความสำคัญของคณิตศาสตร์และคะแนนในตอนนี้ ดังนั้นจึงไม่มีใครต้องการให้คะแนนแม้แต่หน่วยเดียว
เวอร์เธอร์และโรเบิร์ตไม่สามารถอธิบายเหตุผลในการยืมคะแนนได้โดยตรง ดังนั้นพวกเขาจึงต้องถามนักเรียนหลายคนไปทีละคนเท่านั้น แต่การพูดขอยืมบ่อย ๆ กลับกลายเป็นเรื่องน่ารำคาญในสายตาของนักเรียนคนอื่น
…
เมื่อเวลา 12:45 น. เวอร์เธอร์ทำการคำนวณบางอย่าง
ในอีกสิบห้านาที หนี้จะเพิ่มเป็นสองเท่า จะเปลี่ยนจากแปดสิบเป็นหนึ่งร้อยหกสิบ
และหากพวกเขามีเพียงเจ็ดสิบห้าคะแนน พวกเขาจะต้องการอีกแปดสิบห้าคะแนน!
แต่เหลือเพียงสามคาบเรียนก่อนถึงกำหนดจ่ายถัดไป
ทั้งสามคาบจะให้คะแนนพื้นฐานเพียงหกสิบคะแนนเท่านั้น หากพวกเขาต้องการได้รับคะแนนให้เพียงพอในสามคาบนี้ พวกเขาจำเป็นต้องได้เพิ่มยี่สิบห้าคะแนน!
เวอร์เธอร์พูดขึ้นเสียงเบา “โรเบิร์ต มาตั้งใจเรียนกันเถอะ!”
โรเบิร์ตพูดด้วยน้ำเสียงท้อแท้ “เวอร์เธอร์ ว่าแต่นายทำการบ้านวิชาประวัติศาสตร์เวทมนตร์เสร็จแล้วเหรอ?”
เวอร์เธอร์ “…”
…
ในห้องทำงานของศาสตราจารย์ลิลลี่
“มาครับ ดื่มนี่ก่อน…”
“ไม่ ไม่! ใจเย็น ๆ เดี๋ยวมันก็หก! อึก! ขมมาก~ อี๋!”
ดาร์กวางซุปแก้เมาลงบนโต๊ะ และในที่สุดก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ศาสตราจารย์ลิลลี่เป็นมากกว่าศาสตราจารย์ของนักเรียนปีหนึ่ง
ถ้าเขาไม่ปลุกเธอตอนเที่ยง เขาอาจถูกบังคับให้ไปเป็นอาจารย์ของนักเรียนรุ่นพี่แทนด้วย!
ในเวลานั้น เขาอาจจะต้องพูดถึงแคลคูลัส คณิตศาสตร์ควอนตัม ฯลฯ
อาจเป็นความคิดที่ดีที่จะสอนความรู้เกี่ยวกับเรขาคณิตบ้าง
แต่เขากลัวว่าการสอนสิ่งเหล่านั้นจะทำให้เขามีความรู้สึกว่าเหนือกว่า จากนั้นมันก็จะเป็นเกมโอเวอร์สำหรับเขา
เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้ เขาจึงสั่งให้รุกกี้เดวิมอนไปเอาซุปแก้เมาจากเชฟลูกผสมมา แม้ว่ารสชาติของมันจะขมเฝื่อนก็ตาม
ศาสตราจารย์ลิลลี่ลุกขึ้นนั่งด้วยท่าทางเหนื่อยล้า เสื้อคลุมของเธอเลื่อนหล่น เผยให้เห็นลาดไหล่ที่อ่อนนุ่มและไหปลาร้าของเธอ
ดาร์กรีบเก็บเสื้อคลุมของเขากลับอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงหนีออกไปก่อนที่ศาสตราจารย์ลิลลี่จะมีโอกาสถามอะไรเขา “ศาสตราจารย์ครับ ผมยังมีเรียนต่อ ไม่ขอรบกวนคุณแล้ว นอกจากนี้ ผมได้อธิบายการบ้านทั้งหมดของเมื่อสัปดาห์ก่อนไปแล้วด้วยครับ”
ปัง!
…
สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นในคาบประวัติศาสตร์เวทมนตร์ในตอนบ่าย
ศาสตราจารย์ดีดี้อ่านเอกสารเตรียมบทเรียนเช่นเคย โดยเลือกนักเรียนสองคนตอบคำถามเป็นครั้งคราว
โดยทั่วไปแล้ว ตราบใดที่นักเรียนไม่ได้ผล็อยหลับไปในคาบเรียนนี้ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเสียคะแนน
เวอร์เธอร์และโรเบิร์ตมาที่ห้องเรียนก่อนเวลาและทำการบ้านให้เสร็จ แม้ว่าคำตอบจะไม่ถูก แต่ก็ไม่เสียคะแนน…
หลังเลิกเรียน ทั้งสองก็รีบไปที่ห้องสมุด
พวกเขาไม่เคยกระตือรือร้นในการเรียนขนาดนี้ตั้งแต่เริ่มเปิดภาคเรียน
สองคาบเรียนในเช้าวันพุธจะเป็นวิชาปรุงยาและวิชาอัญเชิญ มันเป็นเรื่องยากมากที่จะได้รับคะแนนพิเศษยี่สิบห้าคะแนนจากสองคาบนี้
ถ้าพวกเขาอยากได้ยี่สิบห้าคะแนนเพิ่มก็จำเป็นต้องมีผลงานที่ดีกว่าดาร์กและเอ็มม่าเสียอีก!
…
เอ็มม่าเดินเข้ามาในห้องสมุด พอดีกับที่เห็นแผ่นหลังของทั้งสองหายไปอย่างรวดเร็ว
“พวกเขาอยู่ที่นี่เหรอ?”
เด็กหญิงบ่นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แล้วเธอก็หันหลังกลับ เข้าไปในห้องอ่านหนังสือจากอีกทางหนึ่ง ตรงไปยังที่ที่เธอเคยนั่ง
เมื่อนั่งลงแล้ว เธอก็หยิบ ‘บันทึกตำนานแห่งบุคคลในประวัติศาสตร์’ เล่มหนักออกจากกระเป๋านักเรียน มือก็พลิกไปยังหน้าที่มีที่คั่นหนังสือ
ด้านซ้ายเป็นภาพบุคคล และด้านขวาเป็นตำนานของบุคคลผู้นี้
หลังจากอ่านเนื้อหานี้อีกครั้ง แล้วเอ็มม่าก็อดพึมพำกับตัวเองไม่ได้ว่า “ไม่นึกเลยว่าเรื่องที่เดม่อนเล่าในวันนี้จะคล้ายกับเรื่องนี้”