บทที่ 37 เวอร์เธอร์ กาวด์ก้าวสู่ห้วงลึก
เมื่อคาบเรียนดาราศาสตร์สิ้นสุดลง ค่ำคืนก็มืดมิดแล้ว
มีพระจันทร์เด่นสง่าเพียงดวงเดียวอยู่บนฟากฟ้า และแสงจันทร์ก็สว่างไสวดูสดใส
นักเรียนต่างตระหนักได้ในทันทีว่าคืนนี้พระจันทร์เต็มดวง
…
ดาร์ก เดม่อนเดินอยู่บนทางแคบ หลีกเลี่ยงฝูงชน เขาต้องหามุมที่ไม่มีใครอยู่ เพื่อทำให้ตัวเองสงบลง
ปราสาทเซนต์แมเรียนมีทางเชื่อมถึงกันมากมาย และมีโกเลมลาดตระเวนทุกคืน
เด็กชายพยายามเลี่ยงที่จะเจอกับโกเลม และหาที่ที่สามารถเปิดหน้าต่างได้ เขานั่งอยู่บนขอบหน้าต่างและเงยหน้าขึ้นมองพระจันทร์เต็มดวงบนท้องฟ้ายามค่ำคืน
ตอนเห็นพระจันทร์เต็มดวงอย่างใกล้ชิดที่หอนาฬิกา มันทำให้อารมณ์ของดาร์กผันผวนอย่างควบคุมไม่ได้ และร่างกายของเขาก็ร้อนขึ้นเล็กน้อย
เหตุผลก็เพราะ [ราคะ] ทำให้เกิดปัญหา!
[ราคะ +1] ค่อย ๆ ลอยเข้ามาในวิสัยทัศน์ของเขา ทำให้เขารู้ว่าดวงจันทร์เป็นสัญลักษณ์ของ [ราคะ]!
ก่อนหน้านี้ ดาร์กไม่เคยคาดคิดว่าความเชื่อมโยงระหว่างบาปทั้งเจ็ดกับดวงดาวจะใกล้ชิดกันมากขนาดนี้
มหาบาปเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นที่มาของความชั่วร้าย
และดวงดาวก็ได้ชื่อว่าเป็นจุดเริ่มต้นของเหล่าทวยเทพ
ทำไมพวกมันถึงเชื่อมโยงกันได้?
อะไรคือแก่นแท้ของสิ่งที่เรียกว่ามหาบาป?
…
ความคิดของมนุษย์ก็เหมือนรถไฟ
เมื่อเริ่มแล้วก็ยากที่จะหยุด
สายตาของดาร์กกวาดออกไป และทันใดนั้น เขาก็สังเกตเห็นร่างหนึ่งแวบผ่านที่สะพานภายนอกด้านล่าง
ดูเหมือนจะมีใครบางคนไม่สามารถยับยั้งความเหงาในตอนกลางคืนได้
…
เวอร์เธอร์ กาวด์รู้สึกว่าเขาได้มาถึงทางแยกในชีวิตของตัวเองแล้ว
เขาโอนคะแนนให้โรเบิร์ตไป และในตัวก็เหลือเพียงสามสิบคะแนน
โรเบิร์ตเมื่อได้หนึ่งร้อยคะแนนแล้ว ในที่สุดก็สามารถไปหาศาสตราจารย์เคเซอร์เพื่อซื้อชุดวัตถุดิบ [สัตว์อสูรมายา] ราคาหนึ่งร้อยคะแนนได้
เขาได้ยินมาว่าชุดวัตถุดิบของ [สัตว์อสูรมายา] นั้นค่อนข้างแพง และเวลาที่นักเรียนสามารถซื้อได้ด้วยร้อยคะแนนก็มีเฉพาะตอนเริ่มเรียนเท่านั้น
เหลือเวลาเพียงหนึ่งคืนก่อนคาบเรียนวิชาเวทมนตร์ครั้งต่อไป และคืนนี้ก็เป็นโอกาสสุดท้ายของโรเบิร์ต
เดิมทีนี่เป็นช่วงเวลาที่สำคัญ
จริง ๆ แล้วเวอร์เธอร์ควรอยู่ช่วยโรเบิร์ตทำการบ้าน
แต่เขาปลีกตัวออกมาในขณะที่โรเบิร์ตไปหาศาสตราจารย์เคเซอร์
และมันเป็นครั้งแรกที่เวอร์เธอร์ออกมาคนเดียวในตอนกลางคืน
เมื่อไม่มีใครอยู่รอบ ๆ ปราสาทขนาดใหญ่ก็เต็มไปด้วยร่องรอยของความรกร้างและความเศร้าโศกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เวอร์เธอร์ไม่ใช่คนขี้กลัว แต่เขาอดไม่ได้ที่จะจับแขนและตัวสั่นเทา
กระทั่งมาถึงสะพานด้านนอก จึงเพ่งความสนใจไปที่หนังสือสีดำความหนาสองนิ้วในมือ ความเย็นเยียบค่อย ๆ คลายตัวลง
หลังจากที่เด็กชายเช็กแล้วว่าแสงจันทร์ส่องตรงมาที่หนังสือ เขาก็เปิดปกหนังสือใต้แสงจันทร์ และประโยคสั้น ๆ พลันดึงดูดสายตาเขา
[จ้องมองลงไปในก้นเหว]
ภายใต้แสงจันทร์ ข้อความนั้นสั่นไหวได้ในสายตาของเขาก่อนที่มันจะเปลี่ยนเป็นข้อความอื่น ซึ่งไม่เคยเห็นมาก่อนแต่สามารถเข้าใจได้
[สลายม่านหมอก เสาะหาความแท้จริง คราจันทร์เต็มดวงจะนำพาเจ้าไป]
…
ตอนที่เวอร์เธอร์ได้หนังสือ ‘สู่ห้วงลึก’ เล่มนี้มา คือตอนที่เขาเข้าห้องสมุดในวันที่สองของสถาบัน
เพื่อทำการบ้านของวิชาอัญเชิญให้เสร็จ เขาจึงมองหาข้อมูลเกี่ยวกับ ‘มิโนทอร์’
จากนั้นก็ได้พบ ‘สู่ห้วงลึก’ ที่ซ่อนอยู่ตรงมุมห้อง
หลังจากยืนยันกับโรเบิร์ตแล้วว่ามีเพียงเขาเท่านั้นที่มองเห็นการเปลี่ยนแปลงของข้อความ เวอร์เธอร์ก็รู้สึกว่าตนเป็นผู้ถูกเลือก
นามสกุลของเขาคือกาวด์ และยังเป็นทายาทโดยสายเลือดของ ‘วีรบุรุษ’ ในตำนาน ทว่าในความเป็นจริง นอกจากได้รับการต้อนรับ และเสียงชื่นชมจากนักเรียนในตอนแรกแล้ว เขาก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองจะพิเศษอะไรในฐานะ ‘บุตรแห่งวีรบุรุษ’
กระทั่งมาเจอหนังสือเล่มนี้!
…
‘จันทร์เต็มดวง!’
ช่างเป็นคำที่ดึงดูดผู้คนเสียจริง
หลังจากเล่นสนุกมานานกว่าหนึ่งเดือน เขาก็เกือบจะลืมหนังสือที่ซ่อนอยู่ในลิ้นชักนี้ไปแล้ว
มาจำหนังสือเล่มนี้ได้ก็ตอนที่มองพระจันทร์เต็มดวงในคาบเรียนดาราศาสตร์
เวอร์เธอร์อดตื่นเต้นไม่ได้ และมาที่นี่พร้อมกับหนังสือในมือ
เมื่อแสงจันทร์ส่องลงบนกระดาษได้ประมาณสิบห้าวินาที ข้อความที่แสดงก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง
หมอกสีชมพูลอยขึ้น และบรรจบกันเป็นรูปลูกศร บ่งบอกอะไรบางอย่างแก่เขา
เวอร์เธอร์ดีใจมากและรีบวิ่งตามที่ลูกศรชี้ไปทันที
…
ชั้นบน ดาร์กซึ่งนั่งอยู่ริมหน้าต่าง บังเอิญเห็นทุกสิ่งอย่าง และเห็นกระทั่งลูกศรสีชมพูที่มีเพียงคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้นที่สามารถมองเห็นได้ นัยน์ตาของเด็กชายค่อย ๆ แปลกขึ้น
“ฉันควรหยุดเขาหรือปล่อยไปดีนะ?”
ถ้าเป็นเมื่อวาน ดาร์กคงจะเมินมันไปอย่างแน่นอน
แต่คืนนี้เขาไม่สามารถปล่อยไปได้
ดาร์กดึงการ์ดคัดสรรออกมา อัดเสี้ยวพลังเวทมนตร์เข้าไป และอัญเชิญรุกกี้เดวิมอนออกมา
“ตามไป”
“รับทราบ!”
รุกกี้เดวิมอนกางปีกบินลงมาทันที
ดาร์กก็กระโดดลงจากชั้นที่อยู่ เดินไปที่สะพานด้านล่างอย่างรวดเร็ว
ด้วยการ์ดคัดสรรที่อยู่ในมือ เขาจึงสามารถรับรู้ได้ว่ารุกกี้เดวิมอนอยู่ที่ใด
หลังจากข้ามสะพานไปแล้ว เขาก็ไม่รีบร้อน
ดาร์กรักษาระยะห่างไว้ และมีแค่ในตอนที่เขามองไม่เห็นเวอร์เธอร์เท่านั้นถึงจะเร่งความเร็วขึ้นโดยไม่รีบร้อน
เวลาผ่านไปถึงสามทุ่มครึ่ง นอกจากโกเลมใบ้ในปราสาทแล้วก็ไม่มีใครเห็นอีกเลย
เขาเดินตามตลอดสิบนาที
เวอร์เธอร์ยังคงเดินไปข้างหน้า แต่จู่ ๆ ดาร์กก็ได้ยินเสียงฝีเท้าข้างหลังเขา!
เมื่อครุ่นคิดแล้วจึงรีบซ่อนตัวหลังรูปปั้นของนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่รู้จัก
เสื้อคลุมขนาดใหญ่ของจอมเวทปกปิดทั้งร่างกายของเขาอย่างมิดชิด
ฝีเท้าที่รวดเร็วเล็กน้อยเดินผ่านดาร์กไปโดยไม่แม้แต่จะสังเกตเห็น
เด็กชายถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเสียงหายไปอย่างสมบูรณ์ ก่อนจะเดินออกมาช้า ๆ จากด้านหลังรูปปั้น
ในขณะนั้น การ์ดคัดสรรก็สั่นสะท้านในทันใด
หลังจากนั้นไม่นานรุกกี้เดวิมอนก็บินกลับมา
มันคลาดกับเขาไปแล้ว!
…
“ดูเหมือนว่าเขาจะรู้ตัวจึงเร่งฝีเท้าขึ้น หลังจากเดินเลี้ยวไปแล้ว เขาก็หายตัวไปทันที!”
รุกกี้เดวิมอนอธิบายด้วยเสียงต่ำ ความรู้สึกผิดปรากฏบนใบหน้าเจ้าตัวน้อย
ดาร์กพยักหน้า “เขาไม่เห็นนายใช่ไหม?”
ไม่แปลกใจเลยที่รุกกี้เดวิมอนจะคลาดกับเวอร์เธอร์ไป
ท้ายที่สุด เด็กคนนั้นก็เป็นถึงบุตรชายของวีรบุรุษ และมีความสามารถพิเศษที่ไม่อาจล่วงรู้ได้อยู่เสมอ บางทีเขาอาจมี ‘สัมผัสที่หก’ และ ‘สัมผัสที่เจ็ด’ ในตำนาน?
คำถามหลักคือ มีคนเห็นรูปร่างหน้าตาของรุกกี้เดวิมอนหรือไม่
รุกกี้เดวิมอนส่ายหัวอย่างเร่งรีบ “ไม่มี!”
“งั้นก็ไม่เป็นไร”
ดาร์กกำลังเดินกลับ
‘เดิมที ก็ไม่จำเป็นต้องตามเขาไปอยู่แล้ว’
เขาไม่ได้กังวลเรื่องนี้มากนัก
มีความไม่แน่นอนมากมายในปราสาทเซนต์แมเรียน
ประวัติของปราสาทนั้นเก่าแก่มาก ทั้งยังมีความลับมากมายที่ซ่อนไว้อยู่
ใครจะรู้ว่าจะมีเกิดอะไรขึ้น?