จอมยุทธ์ระบบเลเวล ตอนที่ 101
จ้าวอู่ตี้ตายแล้ว
ตายไปอย่างไม่ยินยอมพร้อมใจ ระดับเจ็ดช่วงปลายขั้นกลั่นวิญญาณคนหนึ่งกลับตกตาย ภายใต้เงื้อมมือของฉันเทียนโดยไม่อาจแม้แต่จะตอบโต้ กระทั่งสมบัติอมตะระดับต่ำก็ยังไม่ทันได้สําแดงเดช แววตาสุดท้ายของจ้าวอู่ตี้ยังเต็มไปด้วยความคั่งแค้น
ฉินเทียนหัวเราะอย่างประหลาดใจ ‘อีกสองแก่น ดูเหมือนหยางฮงจะล่ำซำไม่เบา’
ตั้งแต่ฉินเซี่ยงเทียนมาจนถึงจ้าวอู่ตี้ ทุกคนล้วนแต่มีแก่นสัตว์อสูรพกไว้กับตัว ดังนั้นจึงเดาได้ไม่ยากว่านี่คงเป็นหยางฮงหยิบยื่นให้ แสดงให้เห็นว่าตระกูลหยางมีทรัพยากรบริบูรณ์เพียงใด
แก่นสัตว์อสูรเป็นสิ่งของล้ำค่าสําหรับผู้เชี่ยวชาญทั้งมวล การที่หยางฮงใจกว้างต่อสี่ตระกูลใหญ่เช่นนี้ ไม่แปลกที่สี่ตระกูลใหญ่จะหันมาอ่อนน้อม
เมื่อจ้าวอู่ตี้ตกตาย จางไท่ซานก็หน้าซีดเผือด หลิวปาที่บาดเจ็บหนักยิ่งตกใจจนนี่แทบราด หลิวปาสะกดกลั้นต่อความเจ็บปวดและพยายามจะหลบหนี
เห็นผลการต่อสู้ที่ตรงหน้า ทหารเกราะทองหลายนายกลับไม่ได้หลบหนีในทันที
ฉินเทียนยืนตั้งตะหง่านราวภูเขาสูงใหญ่ขณะกวาดมองทหารเกราะทองเหล่านั้น เงาโลหิตหลายร่างขยับเคลื่อนไหวก่อนจะพุ่งเข้าไปในร่างของกลุ่มทหารเกราะทองทุกนาย “ระเบิด!”
ตูม ตูม ตูม!
กลิ่นคาวเลือดลอยคละคลุ้งเต็มอากาศ ทหารเกราะทองที่เหลือต่างแข้งขาอ่อนเมื่อฉุนเทียนกวาดมองมา
“ไปบอกประมุขตระกูลของพวกเจ้า อีกสามวันให้หลัง ข้าจะไปรับศีรษะของมัน” ฉุนเทียนมอย่างชั่วร้ายก่อนจะใช้พลังของปีศาจสวรรค์สร้างเงาโลหิตออกมายัดใส่ร่างของจางไท่ซาน
ตูม!
ได้ฟังคํากล่าวที่เสมือนนิรโทษ พวกทหารเกราะทองที่ยังเหลือก็รีบตาลีตาเหลือกหลบหนีไป เพราะกลัวฉินเทียนจะเปลี่ยนใจขึ้นมากระทันหัน เงาโลหิตและปีศาจสวรรค์สองสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ พวกเขาไม่ต้องการพบเจออีกตลอดชีวิต
ฉินเทียนเก็บรั้งพลังปราณกลับเข้าร่างอย่างใจเย็น ฉินเหลียนมองดูฉินเทียนที่ให้ความรู้สึกราวกับเป็นคนแปลกหน้าพลางคิดขึ้นในใจ “นี่ยังเป็นเทียนน้อยที่ดื้อรั้นคนนั้นอยู่หรือไม่? ยังเป็นเทียนน้อยที่เอาแต่ร่ำร้องว่า “ข้าจะปกป้องท่านน้าตลอดไป” อยู่หรือไม่?”
บางทีความรู้สึกอันไม่คุ้นเคยนี้อาจจะเกิดขึ้นเนื่องเพราะกาลเวลา
แต่ไม่ว่าฉินเทียนจะโตขึ้นมาเป็นอย่างไร ในสายตาของนางแล้วฉินเทียนก็ยังคงเป็นเทียนน้อย ผู้นั้นไม่แปรเปลี่ยนและนางจะปกป้องเขาด้วยชีวิตของนาง
” ท่านน้า ข้า…” ฉินเทียนยกมือขึ้นเกาศีรษะอย่างกระอักกระอ่วน ในใจขบคิดหาถ้อยคําอธิบาย
ฉินเหลียนหัวเราะก่อนจะยื่นมือไปลูบศีรษะของฉินเทียน ” เทียนน้อย ไม่ว่าเจ้าจะเป็นอย่างไร ในใจข้ายังมองเจ้าเป็นเทียนน้อยเสมอ ตราบที่ข้ายังอยู่ ข้าจะไม่ปล่อยให้ผู้ใดมารังแกเจ้าได้อีก”
กลิ่นกายหอมจรุงและผิวกายอันขาวเนียนช่างเย้ายวนใจนัก ฉินเทียนรู้สึกได้ว่ากระบี่น้อยของ เขากําลังจะผงาดขึ้นมา ตอนที่ฉินเหลียนลูบหัวเขา ร่างกายของเขาก็สั่นขึ้นมา
ฉินเทียนเบี่ยงหน้าหนีพลางสูดหายใจเข้าลึกๆ มือของเขาสั่นอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะสงบลง ในใจ ท่องวนซ้ำๆ “อามิตตาพุทธ อามิตตาพุทธ”
เห็นประกายเสน่ห์หาในแววตาและท่าทางของฉินเทียนแล้ว ฉินเหลียนก็ชะงักก็จะหน้าแดงก่ำ นางรีบชักมือกลับไม่กล้าสบสายตากับฉินเทียนอีก จู่ๆนางก็นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นสมัยเด็กพลางยิ้มออกมา
” ท่านน้า กลับไปที่ถ้ําก่อนเถอะ รอข้าสักสองสามวัน”
ฉินเทียนสงบใจลงพลางคิดถึงความแข็งแกร่งอันน่าหวาดหวั่นของหยางฮง ความปรารถนาที่จะทะลวงผ่านไปยังระดับห้ายิ่งมายิ่งแรงกล้า
ครั้งก่อนตอนที่สู้กับหยางฮงในเมืองขอบนภา ชัดเจนว่าหยางฮงไม่ได้ลงมืออย่างเต็มที่ ส่วนที่ว่าหยางฮงจะเก็บซ่อนความแข็งแกร่งอีกไว้เท่าใดนั้น ฉินเทียนเองก็หาทราบไม่ ตอนนี้สิ่งที่เขาทําได้มีเพียงการเพิ่มความแข็งแกร่งของตน และทําให้ร่างเทพดุร้ายโบราณที่สร้างขึ้นเมื่อเข้าสู่ ขั้นกลั่นวิญญาณอยู่ในสภาวะที่มั่นคงเสียก่อน
ฉินเหลียนรีบถามขึ้น “เจ้าจะไปที่ไหน?”
ฉินเหลียนเป็นกังวล ตระกูลหยางหยัดยืนอย่างมั่นคงมาหลายร้อยปี มีอํานาจอิทธิพลสุดประมาณ พวกเขาปกปิดซ่อนเร้นพลางเพิ่มพูนความแข็งแกร่งอยู่ในเงามืด ความเข้มแข็งของตระกูลหยางในเวลานี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าสํานักระดับสามเลย
และความสามารถส่วนบุคคลของหยางฮงยังน่ากลัวยิ่งกว่า พวกเขาถึงกับมีสมบัติระดับอมตะ โดยไม่ต้องพึ่งพาการหยิบยืมจากนิกายเสียด้วยซ้ำ แน่นอนว่าเขาคงได้ประสบโชควาสนาใดเข้าม เช่นนั้นการทะลวงผ่านไประดับสุดยอดของขั้นกลั่นวิญญาณก็เป็นเรื่องที่ยากอย่างมาก หากเขาสามารถตัดผ่านไปยังขั้นสู่สวรรค์และครอบครองพลังลึกลับที่ได้จากการเข้าสู่ขั้นสู่สวรรค์ได้ล่ะก็ น่ากลัวว่าดินแดนแถบนี้คงยากจะหาคนที่ต่อสู้กับเขาได้ในอนาคต ราชวงศ์ขอบนภาจะสามารถยืนอย่างเชิดหน้าชูตาในทวีปเทียนหยวน
ฉินเหลียนไม่ทราบว่าฉันเทียนใช้วิชาบ่มเพาะอะไร แต่พิจาราณาจากความเร็วอันสุดสะพรึงในการไต่ระดับแล้ว นางก็เชื่อว่าฉันเทียนจะเหนือล้ำนําหน้าหยางฮงในเวลาไม่ถึงห้าปี ถึงตอนนั้นหยางฮงย่อมต้องตาย ฉินเทียนในตอนนี้ควรหาสถานที่อันสงบเพื่อเพิ่มพูนพลังฝีมือ เร่งตัดผ่านไปยังเขตขั้นสู่สวรรค์ให้เร็วที่สุด ถึงตอนนั้นค่อยกลับไปชําระแค้นก็ยังไม่สาย
เมื่อคิดถึงคําพูดของฉันเทียน นางก็วิตกขึ้นมา “เจ้าคิดจะบุกไปจัดการตระกูลหยางในสามวันถัดจากนี้หรือ?”
ฉินเทียนตอบอย่างหนักแน่น “อืม หากมันยังอยู่ ความโกรธในใจข้าก็ยากจะลบเลือน”
” เพื่อเด็กสาวคนนั้น?” ฉินเหลียนถาม ลมหายใจของนางพลันปั่นป่วน ความหึงหวงเริ่มปรากฏขึ้นในใจ “ไปสือชานซิ่นมีพลังท้าทายสวรรค์ หยางหลินเพียงเข้าใจทักษะลับเกี่ยวกับกลิ่นอายได้เพียงเล็กน้อย เขายังทราบเกี่ยวกับไปสือชานซิ่นไม่ถึงเศษเสี้ยวด้วยซ้ำ ความสําคัญของนางในตระกูลหยางต้องสูงมาก ต่อให้ผ่านไปเป็นสิบปี นางก็ไม่มีอันตรายใดๆ”
เมื่อพูดถึงอนม่าน ใบหน้าของหญิงสาวที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาก็ปรากฏขึ้นในใจของฉินเทียน ความโกรธที่เจือจางไปเริ่มกลับมาคุกรุ่นอีกครั้ง ” หยางฮงต้องตาย!”
เขาไม่ได้ปฏิเสธว่าที่ต้องการฆ่าหยางฮงก็เพื่อช่วยอขึ้นม่าน
ยิ่งไปกว่านั้น หยางฮงยังเป็นบอสตัวใหญ่ที่สุดที่เขาเคยพบเจอมา อีกทั้งภายในเมืองพระราชวังก็ยังเต็มไปด้วยมอนสเตอร์ประเภทมนุษย์ (มนุษย์ที่ให้ค่าประสบการณ์) ทรัพยากรที่จะเก็บเกี่ยวได้จากที่นั่นจะต้องอู้ฟูและยิ่งใหญ่กว่าที่ได้จากพวกสัตว์อสูรและพวกปีศาจเป็นแน่
นับตั้งแต่ที่เขาได้สังหารฉินเซี่ยงเทียนลง เขาก็ทราบแล้วว่าถนนที่เขาต้องก้าวเดินก็คือถนนที่เต็มไปด้วยเลือด เต๋าที่อยู่ภายในตัวเขาก็คือเต๋าแห่งการฆ่า
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ในเมื่อหยางฮงเป็นบอสมนุษย์ หยางฮงก็ต้องตาย เผชิญหน้ากับปลาตัวใหญ่เช่นนี้ ฉินเทียนก็ไม่อาจต้านทานแรงเย้ายวนของมัน
นับตั้งแต่ที่เขาสังหารฉินเซี่ยงเทียน เขาก็ได้ลิ้มรสชาติอันหอมหวานจากปลาตัวใหญ่ประเภทนี้จนยากจะถอนตัวแล้ว
เมื่อเห็นแววตาอันแน่วแน่ของฉันเทียน ฉินเหลียนก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่แววตาของนางจะเปลี่ยนไป นางตัดสินใจจะติดตามฉินเทียนไป
ซึ่งอันที่จริง เหตุผลที่ว่าทําไมนางถึงลอบหลบหนีออกมาจากนิกาย ก็เพราะว่าความคิดคนึ่งที่นางมีต่อฉุนเทียนนั้นรุนแรงเกินไป
เพื่อฉินเทียนแล้ว การที่นางลอบหลบหนีออกจากนิกายถือเป็นการละเมิดกฎของนิกายอย่างร้ายแรง เมื่อกลับไปที่นิกาย บทลงโทษย่อมหนักหนาสาหัส แต่เพื่อที่จะมาพบหน้าฉินเทียนแล้ว นางก็พร้อมอดทนอดกลั้นต่อบทลงโทษใดๆ แม้ว่านางอาจจะต้องตายก็ตาม
ถึงตอนนี้ นางไม่คิดว่านางจะมีชีวิตรอดกลับไปแล้ว
ต่อต้านกับหยางฮงที่แข็งแกร่งสุดประมาณ นางจะทําทุกอย่างเพื่อปกป้องฉุนเทียนโดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน
เรื่องเหล่านี้ฉันเทียนย่อมไม่อาจทราบ แต่เขาสัมผัสได้ว่ากลิ่นอายของฉินเหลียนดูเปลี่ยนไป
“ในสามวัน ข้าจะต้องตัดผ่านไประดับห้าขั้นกลั่นวิญญาณ” ฉินเทียนกล่าวอย่างแน่วแน่ ” หยางฮงสามวันนี้จงใช้ชีวิตให้ดีเถอะ… ”