ตอนที่ 124
ฉุนเทียนชื่นชอบการเดิมพัน
โดยเฉพาะการเดิมพันในสนามต่อสู้
แต่ว่าเขาจะไม่วางเดิมพันไว้บนตัวคนอื่น มีเพียงวางเดิมพันไว้บนตัวเขาเท่านั้นที่เขาสามารถวางใจ
มีเพียงการวางเดิมพันข้างตัวเองเท่านั้นที่จะไม่มีผู้ใดมาจัดการได้
และรายได้จากการชนะก็จะสูงอย่างมาก มองในแง่ดี สถานที่แห่งนี้ก็คือสถานที่แลกเปลี่ยนแต้มผลงานชั้นดีในแง่ร้ายแล้ว นี่ก็คือสนามพนันที่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับชัยชนะ
การที่สํานักเทียนขี่ตั้งสถานที่แบบนี้ขึ้นมาสร้างความฉงนให้กับฉุนเทียนไม่น้อย
หลินหยานเอ่ยตอบทันที่ที่ถูกถาม “ใครๆก็เข้าร่วมได้ แต่ต้องดูแลความเป็นความตายกันเอาเองหอคุมกฏจะไม่รับผิดชอบ ผู้เข้าร่วมจะต้องรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ หากเจ้ามีเรื่องบาดหมางกับใครอยู่ล่ะก็ ไม่เข้าร่วมจะเป็นการดีกว่า ที่นี่คือสนามต่อสู้ เป็นไปได้ว่าคนที่บาดหมางกับเจ้าจะจ้างคนให้สังหารบนลานประลอง
“แต่ในเมื่อเจ้าเพิ่งร่วมกับสํานัก ยังจะมีเรื่องบาดหมางกับผู้ใดได้?” หลินหยานส่าย หน้าหัวเราะแต่ต่อมาก็กังวล ”เจ้าต้องการเข้าร่วมรึ?”
“ใช่แล้ว” ฉุนเทียนไม่ได้ปิดบังความตั้งใจที่จะเข้าร่วม
หลินหยานชะงัก เขาคิดไม่ถึงว่าฉันเทียนจะมีความคิดนี้ เหล่าศิษย์ที่เข้าร่วมการประลองล้วนแต่มีฝีมือที่แข็งแกร่ง บางครั้งกระทั่งมีศิษย์สายในมาเข้าร่วม เมื่อปีก่อน ฉุนเทียนยังอยู่ที่ระดับเก้า ขั้นรวบรวมวิญญาณ ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งขนาดไหน เขาก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของศิษย์ที่เข้าร่วม
คิดถึงตรงนี้ หลินหยานก็พลันเบิกตากว้าง เขามองดูฉินเทียนขณะที่รู้สึกตกตะลึงอยู่ภายใน”ทําไมข้าไม่อาจสัมผัสระดับความแข็งแกร่งของเขาได้??
“นี่เป็นไปได้อย่างไร?
หลินหยานอยู่ระดับสองขั้นกลั่นวิญญาณ กระนั้นก็ยังไม่อาจมองทะลุระดับชั้นของฉุนเทียนหากไม่ใช่ว่าฉันเทียนฝึกฝนทักษะที่สามารถปิดซ่อนระดับ เช่นนั้นแล้วระดับการบ่มเพาะของฉันเทียนก็ต้องเหนือกว่าเขาอยุ่สองระดับ!
เหนือกว่าระดับสองขั้นกลั่นวิญญาณอยู่สองระดับ?
และนี่ใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งปี?
หลินหยานอ้าปากค้าง ฟางขุยและคนอื่นๆเองก็หันมาให้ความสนใจต่อฉุนเทียน จากนั้นก็ต้องตกตะลึง
” ตอนนี้ระดับการบ่มเพาะของเจ้าอยู่ระดับใดแล้ว?” หลินหยานถามขึ้น
“ระดับห้าขั้นกลั่นวิญญาณ” ฉุนเทียนเอ่ยตอบ
ได้ยินคําตอบ หลินหลานและกลุ่มของเขาก็ตกตะลึง เพียงหนึ่งปีก็สามารถทะลวงผ่านจากระดับเก้าขั้นรวบรวมวิญญาณมาระดับห้าขั้นกลั่นวิญญาณ นี่เป็นความเร็วที่ท้าทายสวรรค์มาก
เมื่อยี่เชียนหานได้ยินระดับบ่มเพาะของฉุนเทียน ความปรารถนาในแววตาของนางก็ยิ่งมายิ่ง รุนแรง……
“ระดับห้าขั้นกลั่นวิญญาณระดับห้าขั้นกลั่นวิญญาณ…อา” หลินหยานพลันตื่นเต้นยินดี เขาหัวเราะก่อนจะกล่าวว่า ”มากับข้า”
เดิมที่เขาคิดว่าฉันเทียนกําลังจะมุ่งหน้าสู่ความตาย แต่หลังจากได้ทราบถึงระดับบ่มเพาะและรวมกับที่เขายังมีทักษะทรงพลังต่างๆแล้ว การจะชนะสักสนามสองสนามก็คงไม่มีปัญหาขณะที่คิดว่าตัวเองถึงกับรู้จักกับผู้ที่สามารถยืนอยู่บนสนามแล้ว เขาก็ตื่นเต้นขึ้นมา
เมื่อมาถึงมุมรับสมัคร หลินหยานก็ยื่นป้ายไม้สีดําผ่านหน้าต่างเข้าไป เจ้าหน้าที่รับสมัครชะงักครู่หนึ่งก่อนจะพึมพําอย่างเหยียดหยาม “ศิษย์ประตูหวงก็กล้ามาสมัคร รนหาที่ตายซะจริงๆ”
แม้จะรู้สึกดูถูก กระนั้นก็ยังรับข้อมูลของฉันเทียนเอาไว้ รอคอยการจัดคู่ต่อสู้
แม้จะรู้สึกโกรธที่ถูกหยามเหยียด เขาตัดสินใจจะตบหน้าอีกฝ่ายด้วยการชนะบนสนาม
ประลอง
หลังจากลงทะเบียเรียบร้อย ฉุนเทียนก็ได้รับแผ่นหินขนาดเล็กที่สลักไว้ด้วยหมายเลขประจําตัวของเขา ” ข้าจะลงเดิมพันได้ที่ไหน?”
หลินหยานพาฉุนเทียนไปที่มุมรับเดิมพัน และเดิมพันลงข้างฉินเทียนด้วยแต้มผลงานหนึ่งพันแต้ม “เจ้าจะลงเดิมพันเท่าไร? ใช้แต้มของข้าได้”
“ไม่เป็นไร ข้าจะใช้แต้มตัวเอง” ฉุนเทียนหัวเราะก่อนจะเดินไปยังหน้าต่างรับเดิมพัน “เจ็ดพันห้าร้อยแต้มกับผู้แข่งขันหมายเลขศูนย์สองสามหนึ่ง”
พนักงานรับป้ายไม้สีดําไปหักแต้มก่อนจะส่งกลับคืน
ผลกําไรของสงครามชิงอํานาจนั้นจะคํานวณโดยอัตราต่อรองในการชนะ ในขณะที่ชื่อของคู่ต่อสู้ของฉันเทียนยังไม่ปรากฏขึ้น อัตราต่อรองจึงยังไม่ขึ้นแสดง แต่แต้มผลงานจํานวนเจ็ดพันห้า ร้อยแต้มก็นับเป็นแต้มเดิมพันก้อนใหญ่ เห็นจํานวนนี้แล้วหลินหยานก็สะดุ้งโหยง
เจ็ดพันห้าร้อยแต้มเรียกได้ว่าเป็นทรัพย์สินก้อนโต ฉุนเทียนมาถึงสํานักเทียนจีได้ไม่ทันไรก็มีแต้มเยอะขนาดนี้แล้ว หลินหยานมองฉันเทียนอย่างมีนงงก่อนจะถามขึ้นว่า “เจ้าทําภารกิจสําเร็จไปแล้วกี่ภารกิจ?”
“สอง?” หลินหยานตื่นเต้นก่อนจะถามขึ้นอีกว่า ”จิ๋วโยวลี่กุ้ยกับปีศาจหิมะพันปีล้วนเป็นฝีมือเจ้า?”
หลินหยานและกลุ่มของเขาเข้าออกหอภารกิจอยู่บ่อยครั้ง จึงย่อมได้ยินเรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อคิดว่าฉันเทียนสามารถรวบรวมแต้มผลงานได้ถึงเจ็ดพันห้าร้อยแต้มด้วยการทําภารกิจเพียงสองภารกิจแล้ว ในใจก็พลันนึกเชื่อมโยงไปยังภารกิจสุดหินเหล่านั้น
อาจกล่าวได้ว่าหลินหยานนั้นเป็นผู้เจนจัดในสนามภารกิจ ดังนั้นเขาย่อมรู้ซึ้งถึงความอันตรายของภารกิจทั้งสอง
เมื่อรวมกับที่ว่าฉันเทียนสามารถกระทําได้โดยลําพังด้วยแล้ว ความประหลาดใจนี้ก็แทบจะพลิกภูมิความรู้ของเขาไปทั้งหมด
สายตาของเขาจ้องมองถิ่นเทียนอย่างตื่นเต้น แต่เมื่อคิดว่าตนเองกําลังคิดหาทางตอบแทนฉินเทียนแล้ว เขาก็ยิ้มอย่างขมขื่น ดูเหมือนชีวิตนี้ข้าจะไม่มีโอกาสตอบแทนเขาแล้ว”
ระดับห้าขั้นกลั่นวิญญาณยังจะต้องการความช่วยเหลือจากเขาอีกหรือ?
ฉินเทียนที่ยิ้มอย่างเข้าใจก่อนจะวางมือลงบนบ่าของหลินหยาน “พี่หลิน ยังมีสถานที่หลายแห่งที่ข้ายังไม่คุ้นเคยในสํานักเทียนจี้ ในอนาคตคงต้องรบกวนท่านแล้ว”
หลินหยานหัวเราะ “ไม่มีปัญหา”
ผู้คนนั่งอยู่บนอัฒจรรย์รอคอยการประลองที่กําลังจะมาถึง
ครึ่งชั่วโมงต่อมาผู้คนก็เงียบเสียงลง ผู้บ่มเพาะสูงวัยท่าหนึ่งเดินขึ้นไปบนเวทีก่อนจะกวาดสายตามองโดยรอบ ทั้งสนามต่อสู้เงียบเชียบอย่างยิ่ง เงียบจนกระทั่งหากมีเข็มตกลงกระทบพื้นก็ยังได้ยิน
ชายชราท่านนี้คือผู้ตัดสิน ความแข็งแกร่งของเขาลึกล้ําสุดหยั่ง
ว่ากันว่าเขาบรรลุระดับขั้นสวรรค์แล้ว แต่ก็ไม่มีศิษย์สายนอกคนใดกล้ายืนยัน
ผู้บ่มเพาะชราประกาศข้อสําคัญและกฎกติของสนามต่อสู้ออกมาก่อนจะประกาศเริ่มงานจากนั้นกระดานสีดําขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นในอากาศ กระดานสีดํานี้ยังใหญ่กว่าศิลาดําที่อยู่ในหอภารกิจเสียอีก รายนามของผู้เข้าแข่งขันถูกสลับหมุนเวียนเร็วรี่ ก่อนที่สุดท้ายจะหยุดลงและเผยรอบการต่อสู้ออกมา
ครึ่งนาทีถัดมา อัตราต่อรองก็ถูกเปิดเผย
มุมรับเดิมพันเริ่มอัดแน่นไปด้วยผู้คน
” เพิ่งเซียง ระดับหนึ่งขั้นกลั่นวิญญาณ ประตูเทียน” หลินหยานกล่าวออกมาหลังจากที่ได้ทราบชื่อคู่ต่อสู้ของฉันเทียนรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาบานกว้างราวกับดอกไม้บานดอกหนึ่ง “ชนะใสๆ”
เฉิงเฟิงและคนอื่นๆต่างผงะ จากนั้นจึงมองดูฉินเทียนโดยไม่กล่าวกระไร
” พี่หลิน นี่ป้ายไม้ของข้า สนามต่อๆไปเดิมพันทั้งหมดลงข้างข้า”
ฉุนเทียนยื่นป้ายไม้ประจําตัวให้หลินหยานก่อนจะเดินตรงไปยังส่วนพักผ่อนของผู้เข้าแข่งขัน
“เอ๊ะ?” หลินหยาน ฉางเฟิงและคนอื่นๆต่างตกตะลึง มองดูแผ่นหลังฉินเทียนที่ไกลออกไปมือของหลินหยานที่ถือป้ายไม้ไว้ก็สั่นเทาเล็กน้อย “เขาคิดจะสู้ไปถึงรอบสุดท้ายเลย?”
สู้จนถึงรอบสุดท้าย
สงครามชิงอํานาจย่อมสามารถเลือกเช่นนี้ ขอเพียงผู้เข้าแข่งขันเต็มใจ เขาก็สามารถยืนรอคู่ต่อสู้คนอื่นๆอยู่บนเวทีไม้ แต่ตลอดสิบปีที่ผ่านมาไม่เคยปรากฏเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาก่อนมีเพียงผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งถึงขีดสุดเท่านั้นที่จะเลือกกระทําเช่นนี้ แต่กระทั่งระดับเก้าขั้นกลั่นวิญญาณก็ยังกระทําไม่สําเร็จ
สิ้นเปลืองพลังปราณ สิ้นเปลืองพลังงาน เหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องปวดหัวสําหรับผู้บ่มเพาะ
ฉินเทียนแน่นอนว่าต้องทราบเรื่องนี้ แต่ขณะที่ได้ยินปัญหา เขาก็เพียงหัวเราะอยู่ในใจ
ภารกิจของสานักชั้นนอกง่ายดายเกินไป เขาลองค้นหาดูแล้วแต่ก็ไม่พบภารกิจที่จะให้เดินทางเข้าโลกมิติ เขาต้องการเข้าเป็นศิษย์สายในโดยเร็วและรับภารกิจที่จะช่วยให้เขาสามารถเพิ่มเลเวลขึ้นมาได้
ในตอนเช้าเขาวางแผนที่จะรวบรวมแต้มผลงานให้ได้หนึ่งแสนแต้มในสามเดือนเพื่อผ่านคุณสมบัติเข้าเป็นศิษย์สายใน
แต่ตอนนี้เขามีความคิดที่ดีกว่านั้น
เดิมพัน รวบรวมแต้มจากการเดิมพัน
หนึ่งแสนแต้มผลงาน เพียงหนึ่งคืนก็เพียงพอแล้ว
” พี่ลั่ว เจ้าเด็กฉินเทียนนั่นเข้าร่วมสนามต่อสู้แล้ว”
“ฮีม รนหาที่ตาย” ลั่วเชิงแค่นเสียงก่อนจะกล่าวว่า
“ไปหากรรมการและหาวิธีให้ข้าได้สู้กับมัน”
” ขอรับ”