ตอนที่ 28 สะท้านสะเทือน
“สองพันแปดร้อยเจ็ดสิบเก้าแต้ม!”
การทำลายสถิติในครั้งนี้ได้สร้างความตกตะลึงเกินกว่าที่เคยมีบันทึกเอาไว้อีก! ใบหน้าที่เย็นชาของฉินเฟิงค่อยๆเผยให้เห็นรอยยิ้มจางๆ
ฉินซานเทียนเดินมาวางมือบนไหล่ของฉินเฟิง มันพยักหน้าและกล่าวว่า “ทำได้ดี”
ศิษย์ตระกูลฉินคนอื่นๆต่างรู้สึกอิจฉา การได้กลายเป็นที่จดจำของประมุขตระกูลนับว่าเป็นเกียรติสูงสุดของคนผู้นั้นแล้ว!
ทั้งหมดต่างรู้สึกอิจฉา ยกเว้นแต่เพียงฉินเทียน
มองเห็นสีหน้าที่พึงพอใจของฉินเฟิงแล้ว ฉินเทียนก็เกาศีรษะ เขาถอนหายใจแผ่วเบาก่อนจะหันไปถามอวิ๋นม่าน “สองพันแปดร้อยเจ็ดสิบเก้านับว่ามากหรือ?”
อวิ๋นม่านชำเลืองมองฉินเทียนและหัวเราะแผ่วเบา “มันได้ทำลายสถิตเดิมของตระกูลฉินไป กระทั่งท่านประมุขเองก็ยังทำได้ไม่ถึงสองพันแต้มยามที่ท่านเข้าร่วมเทศกาลล่าสัตว์”
จากนั้นนางจึงหรี่ตามองไปที่ฉินเทียนและถามออกมา “เทียบกับมันแล้ว เจ้ามีแต้มมากกว่ามันเท่าใด?”
มองดูนัยน์ตาที่หยีจนเป็นจันทร์เสี้ยวของอวิ๋นม่านแล้ว ฉินเทียนก็ยิ้มออกมา “เดี๋ยวก็รู้”
ทุกคนต่างคิดว่าผู้ชนะเลิศในเทศกาลล่าสัตว์ครั้งนี้ล้วนเป็นผู้ใดไปไม่ได้นอกจากฉินเฟิง ในระยะเวลาเพียงสามวัน มันได้สังหารสัตว์ปีศาจไปเกือบหนึ่งพันตัว และในจำนวนนั้นยังมีสัตว์ปีศาจขั้นที่สี่อีกด้วย! ด้วยผลลัพธ์ดังกล่าวไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันจะสร้างความสนใจให้กับผู้คนได้มากเพียงใด กระทั่งประมุขของตระกูลก็ยังมากล่าวชมมันด้วยตนเอง! นอกจากฉินเฟิงแล้วยังจะมีผู้ใดควรคู่กับเกียรติอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้อีก?
หลังจากนั้นศิษย์คนอื่นๆก็ทยอยนำศีรษะสัตว์ปีศาจออกมาจากป้ายไม้ กระนั้นก็ไม่มีผู้ใดมีแต้มเกินหนึ่งพันแต้มอีก ด้วยแต้มที่มากที่สุดในปัจจุบันแล้วก็ยากที่จะหาคนทำได้ใกล้เคียงกัน เช่นนั้นแล้วยังจะมีผู้ใดเป็นคู่ต่อสู้ของมันได้อีก?
“อวิ๋นม่าน”
ศิษย์ผู้ทำหน้าที่ตรวจนับคะแนนพลันขานชื่อออกมา
อวิ๋นม่านคล้ายกับหญิงสาวผู้อ่อนแอ นางค่อยๆก้าวเดินไปยังแท่นเวทีนั้น นางชำเลืองมองกลับไปที่ฉินเทียนและเม้มปาก อวิ๋นม่านพลันหยุดยืนนิ่งอยู่กึ่งกลางลาน
ฉินเทียนถอนหายใจและเดินออกไป “ให้ข้าช่วยนางได้หรือไม่?”
อวิ๋นม่านไม่กล้านำศีรษะเปื้อนโลหิตของสัตว์ปีศาจออกมา ศีรษะที่อยู่ภายในป้ายไม้ของนางล้วนแต่เป็นฉินเทียนจัดการให้
ในตอนแรกอวิ๋นม่านนั้นไม่ยอมรับไว้ แต่ป้ายไม้ของฉินเทียนนั้นเต็มแล้ว สุดท้ายนางก็ต้องนำป้ายไม้ออกมาใช้โดยไม่มีทางเลือก ซึ่งนี่ก็นับว่าเป็นแต้มคะแนนของนาง
ฉินซานเทียนผงกศีรษะ กลุ่มผู้นับคะแนนก็ไม่ได้มีทีท่าจะคัดค้าน
เมื่อได้ยินคำพูดที่เป็นห่วงของฉินเทียน อวิ๋นม่านก็รีบเดินถอยออกไป ผู้ชมโดยรอบต่างส่งเสียงหัวเราะออกมา เด็กหญิงอ่อนแอเช่นนี้ยังจะสามารถสังหารสัตว์ปีศาจได้หรือ?
ในบรรดาศิษย์นับพันของตระกูลตระกูลฉิน ไม่มีผู้ใดขี้ขลาดเท่ากับนาง นางกระทั่งไม่กล้าต่อสู้กับผู้อื่น แม้ว่านางจะถูกข่มเหงรังแกก็ตาม นางจะทำเพียงก้มหน้าให้ต่ำและรีบจากไปโดยไว
ฉินเทียนไม่ได้กล่าวอะไรอีก เขากวาดสายตามองฝูงชน และเยาะเย้ยอยู่ในใจขณะที่ค่อยๆนำศีรษะสัตว์ปีศาจออกจากป้ายไม้
ลานอันกว้างใหญ่ค่อยๆถูกกองสุมด้วยศีรษะสัตว์ปีศาจ เสียงหัวเราะค่อยๆเงียบหายไปจนกระทั่งไม่มีผู้ใดหัวเราะเยาะอวิ๋นม่านอีก เหล่าผู้ที่เคยหัวเราะก่อนหน้านี้ต่างรู้สึกหน้าชาขึ้นมา
“สองพันหกสิบเจ็ดแต้ม….”
“สองพันเก้าร้อยแปดสิบหกแต้ม….”
“สามพันหกสิบเอ็ดแต้ม….”
……………………………………………
“สามพันสองร้อยสิบเจ็ดแต้ม”
จำนวนสัตว์ปีศาจที่อวิ๋นม่านสังหารไปสามารถรวมกันได้ถึงสามพันสองร้อยสิบเจ็ดแต้ม
ใบหน้าของฉินเฟิงมืดครึ้ม รอยยิ้มบนใบหน้าได้จางหายไปแล้ว การแสดงออกของมันตอนนี้ราวกับมีผู้ใดติดหนี้มันแต่ไม่ยอมจ่ายออกมา มันกำหมัดทั้งสองจนแนบแน่นและพยายามระงับโทสะที่อยู่ภายในใจ
อารมณ์ของฉินเฟิงในตอนนี้ดุจร่วงหล่นจากสวรรค์ทะลุถึงอเวจี ความสุขของมันมลายหายไปจนสิ้น
สำหรับผู้อาวุโสใหญ่ทั้งแปดที่อยู่บนแท่นเวที นอกจากฉินเซี่ยงเทียนและฉินควงแล้ว ที่เหลืออีกหกคนพลันลุกขึ้นยืน พวกมันตกตะลึงอย่างหนัก พวกมันไม่อาจทำใจเชื่อได้ว่าหญิงสาวที่ท่าทางขี้ขลาดเช่นนี้จะสามารถสังหารสัตว์ปีศาจได้มากกว่าหนึ่งพันตัว สถิติได้ถูกทำลายอีกครั้ง และครั้งนี้สร้างความตื่นตะลึงอย่างแท้จริง
มองดูศีรษะสัตว์ปีศาจที่กองสุมกันเป็นภูเขาขนาดย่อมที่กึ่งกลางลานแล้ว เหล่าศิษย์ตระกูลฉินก็ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง สมองพลันลัดวงจรไป
หลังจากตรวจนับดูแล้ว พวกศิษย์ที่มีหน้าทีเก็บกวาดพื้นที่ก็ได้เร่งจัดการพื้นที่อย่างว่องไว
ฉินซานเทียนมองดูหญิงสาวที่มีท่าทางขลาดเขลา มันยิ้มและกล่าวออกมาอย่างอ่อนโยน “ประเสริฐ…ประเสริฐ…”
“คนต่อไป ฉินเทียน”
เมืี่อกลุ่มผู้นับคะแนนขานชื่อฉินเทียน สีหน้าของฉินเซี่ยงเทียนก็เปลี่ยนไป มันขมวดคิ้วและจ้องไปที่ฉินเทียน เพลิงโทสะพลันลุกโหมขึ้นอีกระลอก ฝ่ามือของมันเริ่มทำการรวบรวมพลังปราณ….
ฉับพลันนั้นฉินเทียนที่รู้สึกได้ถึงจิตสังหารก็เริ่มระวังตัวขึ้นมา เขาคิดในใจ “เจ้าบอสนี่ มันบ้าไปแล้วเรอะ? บัดซบ! รอก่อนเถอะ…ข้าจะให้เจ้าได้รู้สำนึก..”
การตายของฉินคุนแน่นอนว่าต้องเกี่ยวพันกับฉินเทียน เมื่อมองไปที่ฉินเทียนแล้ว ฉินเซี่ยงเทียนก็ยิ่งต้องการทุบตีเขาให้ตายในฝ่ามือเดียว
ฉินซานเทียนเองก็รับรู้ได้ถึงเจตนาฆ่าฟันนั้น มันใช้ชำเลืองมองฉินเซี่ยงเทียนอย่างเย็นชา ใบหน้าของมันกระตุกเล็กน้อยก่อนจะปลดปล่อยกลิ่นอายของขั้นกลั่นวิญญาณออกมา
ฉินเซี่ยงเทียนใจหายวาบขณะบังคับสลายพลังปราณไปจนเป็นผลทำให้มันรู้สึกเจ็บปวดภายในอก หลังจากสูดหายใจเข้าลึก สีหน้าของมันก็ค่อยๆกลับมาเป็นปกติ
ฉินซานเทียนเองก็ดึงกลิ่นอายกลับเข้าร่างและหันกลับไปมองฉินเทียน
มันต้องการชมว่าฉินเทียนจะสามารถสร้างความประหลาดใจให้กับมันได้อีกครั้งหรือไม่ สามารถที่จะบ่มเพาะพลังด้วยจุดตันเถียนที่เสียหายได้ สามารถกล่าวได้ว่าฉินเทียนเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ ยิ่งไปกว่านั้นความรวดเร็วในการบ่มเพาะของเขายังรวดเร็วอย่างมาก รวดเร็วจนผู้คนไม่อาจทำใจเชื่อได้ลง!
ฉินเทียนเดินไปที่กึ่งกลางลาน อวิ๋นม่านมองตามไปและเผยรอยยิ้มที่ซุกซนออกมา มีเพียงนางที่พอจะทราบว่าฉินเทียนมีศรีษะของสัตว์ปีศาจอยู่เท่าใด อย่างน้อยมันจะต้องใช้พื้นที่ครึ่งลานฝึกแห่งนี้
“ทุกคนโปรดขยับถอยหลัง”
ฉินเทียนตะโกนออกมา เหล่าศิษย์ที่อยู่โดยรอบพลันหันไปมองหน้ากันและไม่ได้ขยับถอยหลังให้แม้เพียงครึ่งก้าว
“เจ้ากำลังจะเล่นตลกอันใด? สถานที่แห่งนี้ยังจะไม่พอให้เจ้าได้วางศีรษะของสัตว์ปีศาจงั้นหรือ?”
“ฮึ่ม มันช่างไม่ประมาณตนจริงๆ”
“เร็วเข้า อย่าทำให้ผู้อื่นต้องเสียเวลาอันมีค่าไป!”
………………………………………
ฝูงชนเริ่มซุบซิบกันให้ได้ยิน ฉินเทียนไม่ได้ใส่ใจแต่อย่างใด เขาหันไปมองฉินซานเทียน
“ทุกคน ถอยออกไป” ฉินซานเทียนกล่าวอย่างอ่อนโยน กรนั้นกลับคล้ายวิชชุดังกึกก้องที่ข้างหูของผู้คน พวกมันรีบก้าวถอยหลังไปในทันที
ฉินเทียนล้วงเอาป้ายไม้ออกมา จากนั้นจึงหยิบศีรษะของสัตว์ปีศาจออกมาทีละหัว เขาโยนมันออกมาราวกับกำลังโปรยใบไม้
กองศีรษะนั้นค่อยๆสุมกันจนมีขนาดใหญ่ขึ้น ผู้คนโดยรอบพลันเงียบเสียงลง
จำนวนศีรษะของสัตว์ปีศาจที่ถูกรวบรวมมาในสองวันแรกไม่ได้มากมายนัก กระนั้นกลับเป็นวันที่สามซึ่งได้ผู้ฝึกตนขั้นกลั่นวิญญาณเฮยหยานมาช่วยสังหารสัตว์ปีศาจ พวกเขาร่วมมือกันสังหารพวกมันจนล้มตายดุจใบไม้ร่วง เพียงครึ่งวันป้ายไม้ของฉินเทียนก็ถูกบรรจุเต็มจนไม่อาจเก็บได้อีก
ดังนั้นจำนวนศีรษะสัตวปีศาจที่อวิ๋นม่านมีจึงเป็นส่วนที่เก็บได้ในช่วงเย็นเท่านั้น
อวิ๋นม่านและเฮยหยานได้สังหารสัตว์ปีศาจอย่างเมามันส์ ขณะที่ฉินเทียนจะรับหน้าที่คอบเก็บศีรษะสัตว์ปีศาจ ด้วยการแบ่งหน้าที่กัน ความเร็วในการเก็บเกี่ยวจึงเพิ่มมากขึ้น จนกระทั่งถึงจุดที่ไม่อาจเก็บเกี่ยวได้อีก
“สามพันหนึ่งร้อยเก้าสิบเจ็ด….”
“สามพันสี่ร้อยหกสิบเจ็ด…..”
“สี่พันหนึ่งร้อยยี่สิบเก้า…..”
……………………………………….
“สี่พันห้าร้อยแปดสิบเจ็ด”
เมื่อกลุ่มผู้นับคะแนนได้ทำการนับมาถึงจุดนี้ ฉินเทียนก็ชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะเดินไปยังบริเวณที่กว้างใหญ่กว่า เขาโบกมือไล่ผู้คนให้ถอยหลังไป
ในครั้งนี้ไม่มีผู้ใดกล้าส่งเสียงออกมาอีก เพียงก้าวถอยหลังไปเล็กน้อย
แม้ว่าผู้คนจะไม่อาจเข้าใจได้ แต่พวกมันก็ยังคงปฏิบัติตาม สายตาหลายคู่เหม่อมองฉินเทียนอย่างตกตะลึง ขณะที่สติของพวกมันได้หลุดลอยไป
ฉินเทียนหันกลับไปมองฉินเซี่ยงเทียนที่หน้าดำคล้ำอยู่บนแท่นเวที จากนั้นเขาจึงปลดปล่อยพลังไปที่แขนขวา กระชากบางสิ่งออกมาจากป้ายไม้
ศีรษะอันใหญ่โตพลันถูกดึงออกมา…..