ตอนที่ 52 กลืนแก่นปีศาจ
ในยามบ่าย ภายใต้แสงแดดอันร้อนแรง
มันเป็นฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ทว่าในเทือกเขาคุนหลุนก็ยังคงร้อนอบอ้าว หลังจากออกวิ่งมาตลอดทั้งคืน เสื้อผ้าของฉินเทียนก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเฮยหยานที่อยู่ด้านข้าง และอดอิจฉาขึ้นมาไม่ได้
เทือกเขาคุนหลุนอยู่ห่างจากเมืองชิงเหอราวหกสิบไมล์ พวกเขาต้องเดินทางอีกราวห้าร้อยกิโลเมตรเพื่อเข้าสู่พื้นที่ส่วนในจากบริเวณด้านนอกของเทือกเขา ใบหน้าของเฮยหยางไม่แดงแม้แต่น้อย ลมหายใจของทันยังคงสม่ำเสมอ ฉินเทียนไม่พบความผันผวนจากตัวเฮยหยานเลย
ตั้งแต่ที่ฉินเทียนได้รับกลิ่นอายนักล่ามา กลิ่นอายของสัตว์ปีศาจภายในรัศมีหนึ่งกิโลเมตรก็ไม่อาจหลุดรอดจากกฏไปได้ กฏเป็นสิ่งที่เหนือล้ำกว่าทักษะ เหล่าผู้ที่บรรลุกฏเหล่านั้นได้นับเป็นกลุ่มคนที่ไม่ควรไปตอแยด้วย
แม้จะดูเหมือนว่ากลิ่นอายนักล่าไม่ค่อยโดดเด่นอะไรนัก แต่ในความจริงแล้วกลับไม่ใช่เลย ในการต่อสู้ฉินเทียนจะสามารถรับรู้การเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกค้นพบภายในรัศมีหนึ่งกิโลเมตร แม้ว่าระยะเพียงหนึ่งกิโลเมตรอย่างจะฟังดูสั้น ทว่าสำหรับเหล่าผู้เชี่ยวชาญแล้ว มันเกินพอสำหรับการเตรียมตัว
ยิ่งไปกว่านั้นกลิ่นอายนักล่าของเขาเพิ่งอยู่ในระดับต้นเท่านั้น
“ข้างหน้านั่นสมควรเป็นพื้นที่ส่วนในของเทือกเขาคุนหลุน”
เฮยหยานมองดูพื้นที่ข้างหน้าขณะที่ฉายความกลัวขึ้นวูบหนึ่ง สายลมที่พัดโชยมาทำให้มันสั่นสะท้าน
สายลมอันหนาวเหน็บควบคู่ไปกับเสียงร้องคำรามของสัตว์ปีศาจมากมายที่ด้านในทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัว ไม่กล้าแม้จะก้าวออกไปเพียงครึ่งก้าว
พื้นที่ส่วนนอกของเทือกเขามีแต่สัตว์ปีศาจระดับต่ำ พวกมันกระทั่งไม่อาจสร้างความท้าทายให้กับฉินเทียน
ค่าประสบการณ์ที่ได้จากสัตว์ปีศาจระดับต่ำนั้นน้อยมาก ตอนนี้ค่าประสบการณ์หนึ่งร้อยจุดไม่อาจทำให้ฉินเทียนรู้สึกมีความสุขได้อีกแล้ว นอกจากนี้ยังมีผู้คนอีกหลายกลุ่ม หากว่าเขาค้นพบจุดล่าสัตวืที่ดี ไม่นานมันก็จะถูกรายล้อมไปด้วยนักล่ากลุ่มอื่นๆ
มันคล้ายกับเป็นหมู่บ้านสำหรับมือใหม่ที่พยายามจะสอนผู้เล่นในการล่ามอนสเตอร์ ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉินเทียนต้องการ
ฉินเทียนสูดหายใจเข้าลึกขณะที่แววตาของเขากลายเป็นสีแดงวูบหนึ่ง กลิ่นอายนักล่าถูกปลดปล่อยออกมา เขาสามารถรับรู้ได้ถึงสัตว์ปีศาจทุกตัวที่อยู่ภายในระยะหนึ่งกิโลเมตร จากนั้นเขาก็เริ่มตรวจสอบว่ามีสัตว์ปีศาจระดับสูงหลบซ่อนอยู่ใกล้ๆหรือไม่
เพียงไม่กี่อึดใจ ฉินเทียนก็พร้อมที่จะเข้าสู่ป่าทึบ เฮยหยานที่ดูเหมือนจะนึกอะไรได้อย่างฉับพลันกล่าวว่า “กลืนแก่นปีศาจเสียตอนนี้ พยายามตัดผ่านไปขั้นรวบรวมวิญญาณให้ได้ มิเช่นนั้นมันก็ยากที่เจ้าจะรักษาชีวิตรอดที่นั่น”
“กลืนแก่นหรือ?”
ฉินเทียนเลิกคิ้วขึ้น เขาเกือบจะลืมแก่นปีศาจไปแล้ว
ที่ิฉินซานเทียนตรวจสอบเขาอยู่หลายครั้งก็เพราะต้องการทราบว่าฉินเทียนได้กลืนแก่นปีศาจไปหรือไม่ แก่นปีศาจมีอำนาจอยู่มากเท่าใดกันแน่? มันกระทั่งทำให้ฉินซานเทียนยังต้องกริ่งเกรง
เขาล้วงเอาแก่นของกอลิล่าดุร้ายจากแหวนมิติ มันแวววาวและโปร่งใสราวกับไข่มุก มันปลดปล่อยกลิ่นอายที่แข็งแกร่งออกมา
“รีบกลืนโดยเร็ว มิเช่นนั้นสัตว์ปีศาจระดับสูงจะตามกลิ่นอายของมันมา!”
เฮยหยานกล่าวอย่างวิตก สัตว์ปีศาจภายในเทือกเขาคุนหลุนก็คล้ายกับมนุษย์ พวกมันจะล่าเหยื่อที่อ่อนแอกว่า ผู้ที่เหมาะสมเท่านั้นจึงจะมีชีวิตรอด ความสัมพันธ์ระหว่างพวกสัตว์ปีศาจก็ดุจน้ำกับไฟ โดยเฉพาะในหมู่สัตว์ปีศาจระดับสูง เมื่อพวกมันมาเผชิญหน้ากันก็จะมีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเท่านั้นที่จะรอด
นอกจากการต่อสู้แย่งชิงเขตแดนแล้ว พวกมันยังต้องการแก่นของอีกฝ่าย การบ่มเพาะของพวกสัตว์ปีศาจก็คล้ายคลึงกับมนุษย์ พวกมันต้องบ่มเพาะอยู่หลายปีเพื่อควบแน่นแก่นขึ้นมา แก่นมีอำนาจเก็บไว้มหาศาล ผู้ที่กลืนมันลงไปจะได้ประโยชน์มากมาย
ความขัดแย้งระหว่างสัตว์ปีศาจภายในเทือกเขาคุนหลุนทำให้เกิดเป็นสัตว์ปีศาจระดับห้าที่น่าหวาดหวั่น กระทั่งผู้เชี่ยวชาญขั้นกลั่นวิญญาณก็ยังไม่ใช่คู่ต้อสู้ของพวกมัน
เมื่อได้ยินเฮยหยานกล่าวเช่นนั้นฉินเทียนก็สะดุ้งและรีบใส่แก่นเข้าปากทันที
เมื่อแก่นได้เข้าสู่ร่างกายของฉินเทียนก็เกิดแสงส่องออกมาจากลำคอของเขา สุดท้ายแสงนั้นก็ค่อยๆจางหายไป คล้ายจมลงสู่ก้นทะเลลึก
เฮยหยานที่นั่งอยู่ด้านข้างคลี่ยิ้มเมื่อเห็นใบหน้าที่ดูสงบของฉินเทียน “อีกไม่นาน เจ้าจะเริ่มสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของแก่น”
ไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย….
ทว่าหลังเฮยหยานพูดจบไม่นาน ฉินเทียนก็พลันสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่จุดตันเถียน เสียงของระบบดังแจ้งเตือนไม่หยุดหย่อน….
“พลังปราณเพิ่มขึ้น 100 จุด พลังปราณเพิ่มขึ้น 100 จุด….”
เสียงของระบบยังคงดังขึ้นในศีรษะของเขา ขณะที่มีแถวข้อความสีแดงปรากฏขึ้นที่หางตาของเขา
ฉินเทียนเห็นได้ว่าค่าพลังปราณของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก ในใจของเขาเต็มไปด้วยความยินดี มันสมควรเรียกว่าเครื่องผลิตพลังปราณมากกว่าจะเป็นแก่นปีศาจเสียอีก
แก่นที่อยู่ภายในตันเถียนของเขาเริ่มปลดปล่อยแสงระลอกแล้วระลอกเล่าออกมา แต่ละครั้งที่มันกระพริบขึ้น ค่าพลังปราณของเขาก็เพิ่มขึ้น 100 จุด อัตราการเพิ่มยังคงที่และไม่มีวี่แววว่าความเร็วจะลดน้อยลงเลย ประสิทธิภาพของแก่นนั้นน่าอัศจรรย์อย่างแท้จริง!
ค่าพลังปราณ 10,000 จุดที่เขาได้ใช้ไปเมื่อวานเป็นค่าพลังปราณหนึ่งในสามที่เขาเหลืออยู่ และตอนนี้มันถูกเติมกลับมากว่าครึ่งในเวลาไม่ถึงชั่วโมง ค่าพลังปราณของเขายังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นั่นทำให้ฉินเทียนมีความสุขอย่างมาก
สำหรับผู้บ่มเพาะทั่วไปที่กลืนแก่นลงไปนั้นจะแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก สำหรับผู้ที่มีพรสวรรค์ก็อาจจะสามารถทะลวงผ่านได้หลายขั้นภายในวันเดียว
ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับผู้ที่มีทักษะความสามารถแล้วจะยิ่งพิเศษขึ้นไป ไม่เพียงแต่ร่างกายของพวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น แต่จิตใจของพวกเขาจะถูกยกระดับขึ้นเช่นกัน
สำหรับแก่นปีศาจแล้ว มันจะต้องเวลาราวสามปีในการดูดซึมพลังทั้งหมด และภายในช่วงสามปีนี้ ผู้ที่สามารถดึงพลังออกมาจากมันได้จะยกระดับขึ้นหลายระดับ
แต่แน่นอนว่าสำหรับฉินเทียนที่กลืนแก่นปีศาจเข้าไปนั้น ร่างกายของเขาไม่ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดนอกจากตันเถียนที่มีพลังปราณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับฉินเทียนแล้วความเร็วในการเพิ่มค่าพลังปราณยังสำคัญการเพิ่มความแข็งแกร่งทางร่างกายและจิตใจเสียอีก
เพียงครึ่งวันค่าพลังปราณของเขาก็เพิ่มจนแทบจะถึงขีดจำกัด ในที่สุดการเพิ่มขึ้นของค่าพลังปราณก็ยุติลง แก่นปีศาจภายในตันเถียนของเขาสงบนิ่งไม่ตอบสนองใดๆ
ฉินเทียนจึงลองเปิดใช้ค่าพลังปราณอย่างเงียบๆ มันใช้ค่าพลังปราณไปเล็กน้อย จากนั้นแก่นปีศาจที่อยู่ในตันเถียนก็พลันมีปฏิกิริยาขึ้นมา มันปล่อยระลอกแสงและทำให้ค่าพลังปราณของเขาเกือบจะเต็มในทันที
“เครื่องผลิตพลังปราณ…ที่แท้มันก็คือเครื่องผลิตพลังปราณ…”
ในใจของเขาเต็มไปด้วยความยินดี เขาแทบจะร้องตะโกนอย่างตื่นเต้นเพื่อปลดปล่อยความสุขที่เอ่อล้น ด้วยแก่นที่อยู่ในตันเถียนของเขานี้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะขาดแคลนพลังปราณอีกแล้ว
“ในที่สุดเราก็สามารถใช้ทักษะได้หลายครั้ง หากว่าไม่อาจฆ่าเจ้าได้ในครั้งเดียว เช่นนั้นก็แค่ทุบเจ้าไปเรื่อยๆ”
“นี่มันโครตเจ๋ง”
เขาดีใจราวกับเด็กได้ฉลองปีใหม่ ฉินเทียนปรารถนาที่จะมองเห็นภายในตันเถียนของตนเอง และดูว่าเขาจะสามารถควบคุมแก่นด้วยตันเถียนได้หรือไม่ ทว่าเขาก็เพียงรู้ว่าตันเถียนของตนมีการเชื่อมต่อกับมันอยู่ ฉินเทียนรู้สึกมีความสุขอีกครั้งเขา เขารีบปรับพลังปราณให้เหลือต่ำสุด เขาควรจะกักเก็บพวกมันเอาไว้ใช้ยามจำเป็น
เมื่อเขาทำเช่นนั้นฉินเทียนก็ฉีกยิ้มและคิดขึ้นในใจ “ความรู้สึกนี้เหมือนได้สูตรโกงเลย…ฮ่าฮ่า”
เฮยหยานที่นั่งรออยู่เงียบๆมองเห็นความเบิกบานที่อยู่บนใบหน้าของฉินเทียน เขายิ้มและรู้สึกยินดีไปกับฉินเทียน คิดไปถึงการตายของเหล่าสหาย เขาคิดอย่างหดหู่ “เหล่าสหายเอ๋ย ตอนนี้พวกเราได้สหายใหม่แล้ว”
เขายึดถือฉินเทียนเป็นสหาย
และฉินเทียนเองก็ยึดถือเขาเป็นสหายเช่นกัน
เมื่อเตรียมการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉินเทียนก็เหลือบมองเฮยหยานขณะที่ในใจเต็มไปด้วยความสำนึกขอบคุณ
หากว่าผู้เชี่ยวชาญขั้นกลั่นวิญญาณเช่นเฮยหยานต้องการจะแย่งชิงแก่นจากฉินเทียนแล้ว เขาก็ได้มันมาง่ายๆดุจพลิกฝ่ามือ ในวันที่กอลิล่าดุร้ายตกตายไป แก่นปีศาจสมควรตกเป็นของมัน ทว่ามันกลับยกให้ฉินเทียน
สำหรับความใจกว้างนั้น ฉินเทียนสลักมันเอาไว้ในจิตใจ
กำจัดศัตรูให้สิ้นซาก เมื่อแข็งแกร่งขึ้นก็เหยียบย่ำศัตรูให้จมดิน อย่าให้ศัตรูได้มีโอกาสแว้งกัดอีก
แต่สำหรับกับสหายแล้ว เขาจะให้ความเคารพและปฏิบัติต่างออกไป
“เป็นอย่างไรบ้าง? อำนาจของแก่นใช่รู้สึกดีหรือไม่?” เฮยหยานหยอกล้อและหัวเราะ
“ไม่เพียงแต่รู้สึกดีเท่านั้น แต่มันสุดยอดไปเลย!” ฉินเทียนตอบคำพลางหัวเราะ
ด้วยเหตุนี้ทั้งสองจึงเดินทางเข้าเขตอันตราย พื้นที่ส่วนในเทือกเขาคุนหลุน!