จอมยุทธ์ระบบเลเวล ตอนที่ 69 บ้าคลั่งขั้นที่หนึ่ง
หยาดฝนหนาวเหน็บตกลงกระแทบแก้ม เส้นผมชุ่มชื้นไปด้วยน้ำฝน ชุดที่สวมใส่เปียกปอนราวกับลูกหมาตกน้ำ ความโกรธไหลบ่าเข้าท่วมสติของฉินเทียน แววตาของเขาฉายแววกังวล ขณะที่ในสมองเร่งขบคิดหาวิธีรับมือ
สัตว์อสูรระดับหกแข็งแกร่งเกินไป แข็งแกร่งถึงขั้นที่ทำให้ฉินเทียนรู้สึกไร้กำลังจะต่อกร
ยกธงขาวยอมแพ้?
ปล่อยให้อีกฝ่ายเหยียบย่ำจมดิน?
ฉินเทียนถามตัวเองในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า ขณะที่ความโกรธเพิ่มขึ้นทุกขณะ เขาตรากตรำทนลำบากมาสองปี ไม่เคยก้มศีรษะต่อผู้อื่น เขาต้องเผชิญกับการข่มเหงรังแกจากฉินเซี่ยงเทียนมาตลอด กระนั้นเขากลับไม่เคยหวั่นเกรง เผชิญกับการรังเกียจเดียดฉันท์ในตระกูลฉิน เขาไม่เคยย่อท้อ มาถึงตอนนี้เขายิ่งไม่กลัวและจะไม่ยอมแพ้อย่างแน่นอน
“ตาย!”
จิตสังหารปะทุออก และเกราะปีศาจโลหิตสงครามเข้าปกคลุมทั่วร่าง ฉินเทียนในเวลานี้ราวกับเทพสังหารจุติลงมาจากสวรรค์
ร่างของเขาเปล่งกลิ่นอายอันน่าพรั่นพรึงออกมา
งูยักษ์เบนสายตามามองฉินเทียน มันชูหัวขึ้นพลางอ้าปากส่งเสียงขู่ฟ่อออกมา มันใช้รูปลักษณ์ที่น่าสะพรึงสะกดข่มศัตรู เป็นการเตือนว่ามันคือราชันของป่าผืนนี้ การต่อต้านมันก็ไม่ต่างจากการฝืนลิขิตสวรรค์
สายตาของฉินเทียนเผยแววเหยียดหยัน ทั่วร่างของเขาปกคลุมไปด้วยจิตสังหาร พลังปราณหลั่งไหลเข้าเคลือบกระบี่กระดูกในมือทั้งสอง พลังปราณชั้นหนึ่งห่อหุ้มทั่วร่างของเป็นทรงกลมไม่ให้เม็ดฝนกล้ำกลาย เขาเหยียบเท้าก้าวออกก่อนที่ร่างของเขาจะหายไปในพริบตาต่อมา……
ในเวลาเดียวกันร่างต่อสู้ของมาวมาวก็สิ้นสุดลง
งูยักษ์ตกตะลึง สายตาของมันเลื่อนลงต่ำมองดูมาวมาวที่ตัวเท่าเกร็ดชิ้นหนึ่งของมัน หลังจากชะงักวูบหนึ่ง มันก็สะบัดหางลงหมายเปลี่ยนมาวมาวเป็นเนื้อบด มันมีความเกลียดชังอย่างลึกล้ำต่อผู้ที่ถอนเขี้ยวของมันออก หางของมันกระแทกลงอย่างรุนแรง…….
โดนการโจมตีนี้เข้าไป แน่นอนว่ามาวมาวคงกลายเป็นลูกหมาบด
ในวินาทีนั้นมาวมาวรู้สึกทั่วร่างเหนื่อยล้า มันหมอบฟุบอยู่บนพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง ทั่วร่างของมันเกลื่อนกลาดด้วยบาดแผล มันพยายามจะใช้เรี่ยวแรงที่เหลืออยู่กระโดดหลบ แต่กลับล้มลงกองกับพื้น
แม้ร่างต่อสู้ของมันจะทรงพลัง แต่การบาดเจ็บที่เกิดขึ้นในร่างนั้นจะทำให้ความเจ็บปวดที่ได้รับตอนกลับร่างเดิมเพิ่มขึ้นนับพันเท่า เป็นความเจ็บปวดที่เหนือจินตนาการ มันไม่มีแม้แต่แรงจะส่งเสียงร้อง ลมหายใจของมันแผ่วเบา ดวงตาของมันหรี่ปรือราวกับจะปิดลงได้ทุกเมื่อ
เผชิญกับหางยักษ์ที่ทุบฟาดลงมา มาวมาวทำได้เพียงจ้องมองอย่างเลื่อนลอย ในใจรู้สึกไม่ยินยอม มันค่อยๆปิดเหลือกตาลงช้าๆ…….
ครืน………………………
หางของงูยักษ์ถูกหยุดไว้ด้วยพลังอันแข็งแกร่ง ความเจ็บปวดแล่นผ่านจากล่างขึ้นบนจนมันต้องกรีดร้องออกมา
สิ้นเสียงร้อง แววตาของงูยักษ์ก็เต็มไปด้วยโทสะ
ราชาแห่งอาณาเขตพันลี้กลับถูกท้าทายโดยผู้บ่มเพาะระดับสี่ขั้นรวบรวมวิญญาณคนหนึ่ง นี่เป็นการหยามเกียรติอย่างมาก มันอ้าปากพ่นหมอกสีดำออกมาจนกลายเป็นเมฆกลุ่มใหญ่ ภายใต้หมอกดำลอยเอื่อย สายฝนที่เทกระหน่ำไม่อาจเจาะผ่านหมอกกลุ่มนี้ นี่แปลกประหลาดยิ่ง
จิตใจของฉินเทียนสั่นสะท้าน พื้นที่ใต้หมอกดำเต็มไปด้วยบรรยากาศที่ดูอันตราย คล้ายกับลมสงบก่อนเกิดพายุ บรรยากาศอันอึมครึมทำให้ฉินเทียนรู้สึกกระสับกระส่าย
หลังจากคว้าร่างมาวมาวโยนเข้าแหวนมิติ ฉินเทียนก็รีบถอยด้วยความเร็วราวสายฟ้า หมอกดำนี้มีบางอย่างผิดปกติ ยามเมื่อมองหมอกดำกลุ่มนี้ ฉินเทียนมีเพียงความคิดเดียว ถอยให้ห่างโดยเร็วที่สุด!
ภายใต้ผลของบ้าคลั่ง ความเร็วของเขาก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ตอนนี้ฉินเทียนรวดเร็วยิ่ง แต่ถึงจะรวดเร็วเพียงใดเขาก็ไม่อาจสลัดหลุดจากหมอกดำ ฉินเทียนรู้สึกราวกับตนเป็นหนูติดจั่น
ภายในหมอกดำ ประกายไฟปะทุขึ้นเป็นครั้งคราว แสงสีขาวส่องกระพริบวิบวับก่อนจะเริ่มรุนแรงขึ้นจนน่ากลัว
“สนามไฟฟ้า?”
ฉินเทียนจ้องงูยักษ์ด้วยความตะลึง สนามไฟฟ้า มันสามารถบ่มเพาะธาตุสายฟ้า ทั้งยังสามารถปลดปล่อยสายฟ้าจำนวนมากออกมาจนก่อเกิดเป็นสนามไฟฟ้าได้ นี่ออกจะน่ากลัวเกินไปแล้ว!
ภายในสนามไฟฟ้า กระทั่งปีศาจจากนรกก็กลับกลายเป็นเถ้าถ่าน
ฉินเทียนสมองชาด้าน ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็คืนสู่ความสงบ ดวงจาของเขาฉายประกายเย็นเยียบ เคล็ดมังกรฟ้าในจุดตันเถียนเริ่มผลิตพลังงานไร้ลักษณ์มาเติมเต็มแกนพลังปราณของเขาอย่างไม่หยุดยั้ง หมอกสีขาวพลันบังเกิดขึ้นเหนือศีรษะของเขา พลังปราณเพิ่มพูนขึ้นจนถึงระดับสุดยอด….
“บ้าคลั่ง!”
ฉินเทียนร้องตะโกน พละกำลังของเขาพลันพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง
“ติ๊ง”
“ขอแสดงความยินดีต่อผู้เล่น ‘ฉินเทียน’ ระดับของทักษะระดับสวรรค์ บ้าคลั่ง ได้เพิ่มขึ้น 1 ขั้น….”
“เลื่อนขั้น?”
“บ้าคลั่งเลื่อนขั้น?!”
ฉินเทียนโพล่งออกมาด้วยความยินดี หลังจากผ่านมาสองปี ในที่สุดระดับของมันก็เพิ่มขึ้นแล้ว ฉินเทียนแทบไม่เคยสังเกตแถบค่าประสบการณ์ของทักษะบ้าคลั่ง ปกติตอนที่สังหารสัตว์อสูร เขามักจะใช้มันเพื่อเพิ่มพลังปราณ คิดไม่ถึงว่ามันจะมาเลื่อนขั้นในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้
ทักษะบ้าคลั่งเพิ่มขึ้นหนึ่งขั้น ค่าความสามารถทั้งหมดเพิ่มขึ้นสี่เท่า
ความแข็งแกร่งของฉินเทียนเพิ่มขึ้นสองเท่า พลังปราณที่ออกมามีสีดำอมม่วง คล้ายเป็นพลังจากขุมนรก
ค่าความสามารถเพิ่มขึ้นสี่เท่า นี่มันบ้าไปแล้ว
ฉินเทียนฟันกระบี่ลง พลังปราณสีดำอมม่วงก็พุ่งแหวกฝ่าหมอก ในเวลาเดียวกันรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา เขาก้าวเดินไปตามเส้นทางที่พลังปราณแหวกผ่านอย่างมั่นใจ
การกระทำของฉินเทียนราวกับไปแตะสัมผัสเกล็ดย้อนของเจ้างูยักษ์ ดวงตาสีเขียวเข้มของมันแปรเปลี่ยนเป็นสีแดง ม่านตาเริ่มขยายใหญ่ ที่เขี้ยวของมันมีพิษที่มีฤทธิ์กัดกร่อนหยดไหลลงมา ภายใต้ท้องฟ้ายามราตรี ร่างกายอันใหญ่โตของมันคล้ายกับเทพมังกรที่มองลงมายังโลกมนุษย์ ให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่เกินต้านทาน
“เจ้ามันก็แค่หนอนชาเขียวตัวหนึ่งเท่านั้น ตอนนี้คิดแสดงตนเป็นมังกรงั้นหรือ?”
“บางทีคงต้องชาติหน้าแล้ว”
ฉินเทียนขยับเคลื่อนไหวด้วยความเร็วที่กระทั่งสัตว์อสูรระดับหกก็ยังเห็นเป็นภาพเบลอ มันทำได้เพียงปัดป่ายหางไปมาจนพื้นที่โดยรอบถูกทำลาย
กรี๊ซซซซซซซซ……………..
งูยักษ์กรีดร้อง หมอกดำเริ่มปะทุราวกับระเบิดนับไม่ถ้วนระเบิดขึ้นพร้อมกัน
สายฟ้าขนาดใหญ่ผ่าฟาดลงมา
เปรี้ยง!
อานุภาพอันรุนแรงแหวกฝ่าท้องฟ้ายามรัตติกาล
เป็นสายฟ้าเส้นใหญ่ที่สามารถทำลายล้างทุกสิ่งที่วิ่งผ่าน!
ในเวลานี้ฉินเทียนกำลังยืนอยู่บนหัวงูยักษ์ กระบี่ที่เปล่งแสงสีดำอมม่วงเสียบลงบนหัวของมันก่อนที่จะแหวกผ่าเป็นช่อง จากนั้นฉินเทียนจึงสอดตัวลงไป……
ฉินเทียนกลั้นใจและปกป้องร่างกายไว้ เขาสะบัดมือฟันกระบี่ไปสองฟากข้างตั้งแต่หัวจรดหาง หลังจากมาถึงตำแหน่งถุงน้ำดี เขาก็ใช้กระบี่ทิ่มแทงงูยักษ์จากภายในก่อนจะพุ่งทะลวงออก เวลานี้ทั้งร่างของฉินเทียนอาบย้อมไปด้วยโลหิต
เปรี้ยง!
ตูม……….
สายฟ้าผ่าลงมาจนผืนดินสั่นสะเทือน พื้นที่ภายใต้หมอกดำเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท ทุกสิ่งที่ถูกสายฟ้ากวาดผ่านล้วนกลายเป็นเถ้าถ่านพัดปลิว
ฉินเทียนถลันร่างออกจากร่างของงูยักษ์ เขากลับขึ้นไปบนหัวของมันขณะกำถุงน้ำดีไว้ในมือ ฉินเทียนเวลานี้ดูราวกับราชาที่กำลังเหยียดมองสรรพสิ่ง
หลินหยานและกลุ่มของเขาที่ห่างออกไปไม่กี่ลี้รู้สึกแข้งขาอ่อนแรง หากไม่ใช่ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดพยุงร่างไว้ เกรงว่าเวลานี้พวกเขาคงทรุดลงไปกับพื้นแล้ว
แข็งแกร่ง นี่เป็นความแข็งแกร่งที่ไม่ควรมีอยู่ในมนุษย์!