จอมยุทธ์ระบบเลเวล ตอนที่ 85 บ้าคลั่งต่อเนื่อง
คลื่นพลังอันลึกล้ำสุดไพศาลโถมทับลง
ฉินซานเทียนพยายามฝืนต้านทานจนเส้นเลือดบนหน้าผากถึงกับปูดโปน พลังปราณภายในตันเถียนวิ่งหมุนเร็วจี๋ก่อนจะหลั่งไหลลงสู้เท้า ฉับพลันหินอ่อนก็แตกทลาย ใบหน้าของฉินซานเทียนเผยแววยินดี
เห็นแบบนั้นฉินเทียนก็แสยะยิ้ม “คิดหนี?”
“ตาย!”
ฉินซานเทียนอยู่ในระดับสองขั้นกลั่นวิญญาณ แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้บ่มเพาะระดับเก้าขั้นรวบรวมวิญญาณอย่างฉินเทียน ฉินซานเทียนถึงกับถูกบีบสู่จุดอับ เขารู้สึกท้อแท้สิ้นหวัง เรื่องราวเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร? ในลานจัสตุรัสกลางเมือง จำนวนของผู้บ่มเพาะมีมากมายดุจหมู่เมฆบนท้องฟ้า ประมุขของตระกูลใหญ่อีกสองตระกูลของเมืองชิงเหอเองก็อยู่ที่นี่เช่นเดียวกัน การถูกทุบตีดุจสุนัขข้างถนนเช่นนี้ทำให้ฉินซานเทียนไม่มีหน้าไปพบเจอผู้ใดแล้ว เขายังจะมีหน้าไปพบผู้ใดได้อีก?
“ออกมา…..”
ฉินซานเทียนนำกระดิ่งทองแดงออกมาด้วยความโกรธ กระดิ่งนั้นหมุนรอบตัวเองอย่างรวดเร็ว แสงสีเขียวปรากฏขึ้นห่อหุ้มร่างกายของฉินซานเทียนเอาไว้พลางปลดปล่อยกลิ่นอายสะกดข่มออกมา
“กระดิ่งเบี่ยงวิญญาณ?!”
“สมบัติของตระกูลฉิน”
“ฮ่าๆ ฉินซานเทียนถึงกับถูกเด็กรุ่นหลังคนหนึ่งบีบจนเข้าตาจน ช่างน่าขายหน้านัก” จ้าวอู่ตี้หัวเราะเยาะอย่างยินดี โชคดีที่เขาไม่ได้สังหารฉินเทียนไปเมืองสามปีก่อน มิเช่นนั้นคงไม่ได้เห็นฉากอันน่าจดจำเช่นนี้แล้ว ยิ่งคิดในใจก็ยิ่งตื่นเต้น รอยยิ้มบางปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่มีเลือดฝาดของเขา เป็นรอยยิ้มที่ยินดีในคราเคราะห์ของผู้อื่น
กระดิ่งเบี่ยงวิญญาณ สุดยอดสมบัติขั้นวิญญาณระดับสูงที่แทบจะเทียบได้กับสมบัติขั้นอมตะระดับต่ำ สิ่งนี้เป็นสมบัติที่ถูกส่งมอบต่อประมุขรุ่นต่อรุ่น การที่ฉินซานเทียนถึงกับต้องนำมันออกมาใช้แสดงให้เห็นว่าเขาสิ้นไร้หนทางเพียงใด
ฉินเทียนเองพอมีความเข้าใจเกี่ยวกับกระดิ่งเบี่ยงวิญญาณอยู่บ้าง นี่ถือเป็นสมบัติชั้นยอดของขั้นวิญญาณ สามารถใช้ได้ทั้งรุกและรับ มันสามารถปกป้องร่างกายของผู้ใช้ไปพร้อมกับสลายการโจมตีที่เข้ามา ทั้งยังสามารถดูดซับดวงวิญญาณของผู้อื่น
ครืน………..
ภายใต้คมกระบี่สุดสะพรึงของฉินเทียน กระดิ่งเพียงหมุนช้าลงครึ่งจังหวะ และฉินซานเทียนก็ปลอดภัยไร้อันตราย ฉินเทียนชะงักก่อนจะพุ่งถอยห่าง
“ฮ่าๆ……” ฉินซานเทียนหัวเราะอย่างบ้าคลั่งก่อนจะแค่นเสียง “ฉินเทียน ตั้งแต่ที่เจ้าบีบให้ข้าต้องใช้กระดิ่งเบี่ยงวิญญาณ เจ้าก็หนีไม่รอดแล้ว!”
ในขณะเดียวกัน ระยะเวลาของบ้าคลั่งขั้นที่หนึ่งก็สิ้นสุดลง
กลิ่นอายของเขาอ่อนโทรมลง หยางหลินที่รับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงพลันมุ่นคิ้ว “ทักษะระดับศักดิ์สิทธิ์อะไรกัน? มีเวลาจำกัด? สุดท้ายแล้วทักษะระดับศักดิ์สิทธิ์ก็ทรงพลังกว่าทักษะทั่วไปมาก ไม่แปลกที่จะมีข้อจำกัด หรือพลังปราณของเขาหมดลงแล้ว?”
“พลังปราณของเขาหมดแล้ว เขาจึงไม่อาจรักษาสภาวะการใช้ทักษะศักดิ์สิทธิ์”
คิดถึงจุดนี้ หยางหลินก็โพล่งขึ้น “พลังปราณของเขาหมดสิ้นแล้ว ฉินซานเทียน ฆ่าเขาซะ……”
ทักษะระดับศักดิ์สิทธิ์นั้นเหนือกว่าทักษะทั่วไปอย่างลิบลับ อีกทั้งยังมีทางเดียวที่จะใช้ออกได้คือการบรรลุวิถีของมัน เมื่อใช้แล้วพลังปราณย่อมถูกสูบออกไปดุจน้ำหลาก ในสายตาของเขา ฉินเทียนเป็นเพียงผู้บ่มเพาะระดับเก้าขั้นรวบรวมวิญญาณ พลังปราณของเขาย่อมไม่อาจรักษาสภาวะไว้ได้นานแม้ว่าเขาจะมีความสามารถท้าทายสวรรค์อย่างไรก็ตาม
ได้ยินการกระตุ้นเตือนจากหยางหลิน ฉินซานเทียนก็แสยะยิ้มบ้าคลั่ง เขาก้าวเท้าออกเดินพลางหัวเราะอย่างคลุ้มคลั่ง สายตาจับจ้องมองร่างฉินเทียน ที่ด้านหลังมีร่างเงาเทพสงครามปรากฏขึ้นอีกครั้ง…….
บ้าคลั่งขั้นที่หนึ่งใช้พลังปราณสูงยิ่ง แม้จะใช้พลังมังกรพิสุทธิ์ควบคู่ไปกับการทำงานของอีกสองแก่นในจุดเตียน กระนั้นก็ยังไม่อาจเติมเต็มพลังปราณที่มีอัตราการใช้ออกสูงกว่าได้ทัน หนึ่งจากต่อสู้ไปได้พักหนึ่ง พลังปราณของเขาก็หมดลง
ฉินเทียนสงบจิตใจ สายตากวาดมองฉินควงที่ถูกมาวมาวบีบเข้าสู่จุดอับ ฉินควงยังคงดิ้นรนอย่างขมขื่นแม้จะอยู่หน้าประตูมรณะแล้วก็ตาม ฉินเทียนหัวเราะอย่างเย็นชา กลิ่นอายของเขาเปลี่ยนไปขณะที่หันไปมองฉินซานเทียน “ตาย!”
ฉินซานเทียนตกตะลึง เมื่อคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นยามกลิ่นอายของฉินเทียนเปลี่ยนไปก่อนหน้านี้แล้ว ฉินซานเทียนก็เสียวสันหลังวาบ เขาชะงักพลางเตรียมป้องกันตัวโดยสัญชาตญาณ
พริบตานั้น ฉินเทียนก็ระเบิดความแข็งแกร่งของเขาออกมาพลางพุ่งไปทางฉินควง
ฉินควงเป็นบอสตนหนึ่ง การสังหารเขาจะทำให้ได้รับค่าพลังปราณห้าหมื่นจุด เมื่อพลังปราณถูกฟื้นฟู การสังหารฉินซานเทียนก็จะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป
การลงมืออย่างฉับพลันของฉินเทียนทำให้ทั้งหมดตกตะลึง ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าจู่ๆเขาจะหันไปลงมือต่อฉินควง ฉินควงตอนนี้กระทั่งไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น หากเขาละสายตาไปจากราชสีห์เนตรโลหิตที่จับจ้องมา การโจมตีครั้งถัดไปของมันก็คงปลิดชีพเขาไป
ยังจะมีใครคาดคิดได้อีกว่าการสังหารฉินควงจะทำให้พลังปราณของฉินเทียนฟื้นฟูกลับมา?
ใครเล่าจะคาดคิดว่าในฉินควงจะเป็นเพียงแหล่งเติมพลังปราณห้าหมื่นจุดสำหรับฉินเทียน?
ด้วยประสบการณ์ที่สู้เคียงบ่าเคียงไหล่มากว่าสองปี ฉินเทียนและมาวมาวสามารถล่วงรู้ความคิดของอีกฝ่ายได้เพียงแค่สบสายตา เมื่อฉินเทียนพุ่งตัวออก มาวมาวก็หลบไปด้านข้าง ฉินควงคิดว่าราชสีห์เนตรโลหิตรู้สึกเบื่อหน่ายแล้ว ดังนั้นเขาจะพยายามจะใช้แรงเฮือกสุดท้ายตะเกียกตะกายหลบหนี ดวงตาของเขาฉายแววหวาดกลัวสุดขีด
ฉินเทียนพุ่งเข้าหาฉินควง
เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นทั่วลานจัสตุรัส
ทว่าแม้เขาจะร้องได้เสียงดังเพียงใด หรือไม่เต็มใจเพียงไหน ฉินเทียนก็จะไม่ละเว้นเขา
กับบอสมนุษย์ตนหนึ่ง ฉินเทียนมีแผนในใจตั้งแรกแล้ว
พลั่ก พลั่ก พลั่ก…….
สามหมัดกระแทกลงบนทรวงอกก่อนจะทะลุออกหลัง มือของฉินเทียนอาบย้อมไปด้วยเลือด แต่ในใจของเขากลับยินดีจนแทบคลั่ง เขาหันกลับไปมองฉินซานเทียนที่อยู่ไม่ไกลก่อนจะพึมพำกับตนเอง “บ้าคลั่งขั้นที่หนึ่ง”
เปรี๊ยะ!
แสงสีขาวสาดทอ ทั่วทั้งนครหลวงพลันถูกปกคลุมด้วยแสงสีขาวเจิดจ้า ความอบอุ่นที่ตกกระทบลงบนร่างทำให้ผู้คนรู้สึกสบายจนไม่อาจบรรยายเป็นคำพูด แต่ยามเมื่อแสงสีขาวหายไป กลิ่นอายของฉินเทียนก็ดุดันขึ้น จิตสังหารแผ่ซ่านออกแทนที่ ความอบอุ่นสบายเมื่อครู่หายลับไปราวกับไม่เคยปรากฏ
ค่าประสบการณ์หนึ่งหมื่นหน่วย ค่าพลังปราณห้าหมื่นจุด ค่าการรอดชีวิตหนึ่งพันจุด พร้อมกับแก่นระดับห้าอีกหนึ่งแก่น พลังปราณของเขาก็ฟื้นฟูจนกลับคืนสู่สภาวะสุดยอด
“ยะ…ยังใช่มนุษย์อยู่งั้นหรือ?”
“ใช่ระดับเก้าขั้นรวบรวมวิญญาณจริงๆ?”
“พลังปราณของเขากระทั่งหนาแน่นกว่าขั้นกลั่นวิญญาณเสียอีก เขาฝึกฝนทักษะใดกันแน่?”
………………………….
เหล่าผู้บ่มเพาะต่างแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ทว่าไม่มีแม้สักผู้ที่กล้าก้าวออกมาเผชิญหน้าฉินเทียน ในเมื่อฉินซานเทียนไม่ได้สั่งให้พวกเขาทำอะไร เรื่องอะไรพวกเขาจะต้องแส่ไปหาเรื่องใส่ตัวด้วยเล่า?
หยางฮงอ้าปากค้าง ฉินเทียนได้ทำเรื่องเหนือความคาดหมายของเขาโดยสิ้นเชิง หยางฮงคิดขึ้นในใจ ‘เขาประสบพบเจอวาสนาใดจึงแข็งแกร่งจนถึงกับสังหารขั้นกลั่นวิญญาณได้กัน?’
เมื่อใช้บ้าคลั่งขั้นที่หนึ่ง ฉินเทียนก็รีบใช้พลังมังกรพิสุทธิ์อีกครั้ง พลังทั้งสองเริ่มหลอมรวมเข้าด้วยกัน ค่าสถานะทั้งหมดเพิ่มขึ้นสี่เท่า ปลดปล่อยกลิ่นอายที่ราวกับสามารถเขย่าฟ้าดินออกมา
‘นี่มันบ้าอะไรกัน? หรือจุดตันเถียนของเขาจะทรงพลังยิ่งกว่าผู้อื่น?’ หยางหลินที่กำลังหลบอยู่ภายในเจดีย์สยบวิญญาณคิดขึ้นในใจ ฉินเทียนมีพลังปราณที่ลึกล้ำถึงเพียงนี้ได้อย่างไรกัน?
ไม่ว่าผู้บ่มเพาะขั้นรวบรวมวิญญาณจะแข็งแกร่งสักเพียงใด ตันเถียนก็ไม่มีทางที่จะรองรับพลังปราณได้ถึงขั้นนี้ ตันเถียนจะเกิดความเสียหายหากถูกใช้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นหยางหลินจึงไม่เข้าใจว่าฉินเทียนทำได้อย่างไร
ผู้ฝึกตนของทวีปเทียนหยวนจะฝึกร่างกาย และพละกำลังเพื่อเสริมสร้างให้จุดตันเถียนรองรับพลังปราณได้มากขึ้น ระดับพลังปราณต่ำกว่าระดับบ่มเพาะนั้นเป็นเรื่องปกติสามัญ แต่การปรากฏตัวของฉินเทียนได้ทำลายความรู้ความเข้าใจเดิมของทั้งหมดลงอย่างไม่มีชิ้นดี บางส่วนเริ่มตั้งคำถามกับตนเอง หรือพลังปราณสามารถสูงล้ำเกินกว่าจุดตันเถียนจะรองรับได้จริงๆ?
แน่นอนว่าฉินเทียนย่อมไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ ที่เขาต้องทำเพียงอย่างเดียวก็คือฆ่าฉินซานเทียนในหนึ่งกระบวนท่า ส่วนเรื่องพลังปราณหรือตันเถียนอะไรนั่น เมื่อมีระบบอยู่ เขาก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจแต่อย่างใด
ฉินซานเทียนตกตะลึง ขณะที่ฉินเทียนปลดปล่อยคลื่นโจมตีที่พลิกฟ้าคว่ำดินออกมา………
ฉินซานเทียนกู่ร้องเสียงยาว พลังปราณภายในร่างลดฮวบลงอย่างรวดเร็ว กระดิ่งเบี่ยงวิญญาณจำต้องใช้พลังปราณมหาศาลเพื่อหล่อเลี้ยง หากปราศจากพลังปราณแล้ว ไม่ว่าสมบัตินั้นจะน่ากลัวเพียงใด มันก็ไร้ซึ่งพิษภัย
“ฆ่า!”
เคร้ง……..
ครืน……….
ร่างของเทพสงครามที่อยู่ด้านหลังฉินซานเทียนสลายไป เช่นเดียวกับแสงสีเขียวของกระดิ่งวิญญาณ ร่างของฉินซานเทียนทรุดลงคุกเข่ากับพื้น สายตามองดูฉินเทียนอย่างเหม่อลอย เปลือกตาของเขาปิดลงอย่างไม่เต็มใจ…..
ฉินซานเทียนตายแล้ว!