ตอนที่ 144 ต่อรองผลประโยชน์
ถังเฉียนเอาอาหารมาให้นางกิน ป้อนให้ทีกินละคำ เห็นท่าทางน่าเวทนาของนาง ก็อดสงสารไม่ได้
“พระชายารองไม่ต้องกลัว ช่วงนี้ข้าจะขอร้องท่านอ๋องให้ส่งท่านกลับบ้าน ท่านบอกว่าคิดถึงแม่ไม่ใช่หรือ พอกลับไปแล้วก็จะได้อยู่กับแม่ ถึงตอนนั้นก็อย่าพูดอะไรเหลวไหล แม้เวลานี้จะดูแลผู้หญิงที่กลับบ้านอย่างดี แต่จิตใจผู้คนที่เจาหยางก็เป็นเช่นนี้ ชีวิตก็ยังคงยากลำบาก แต่ท่านอ๋องไม่ปฏิบัติต่อท่านเลวร้ายหรอก แต่วันหน้าท่านต้องพึ่งตัวเองแล้ว”
วันนั้นถังเฉียนพูดเรื่องซูซินเหลียนกับฉู่จิ่งเหยาแล้ว ส่วนอาจารย์บอกว่ารอดูวันที่สิบห้าแล้วค่อยว่ากัน ถังเฉียนไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร แต่ท่านอ๋องรับปากแล้วว่าหลังวันที่สิบห้าจะส่งนางกลับเจาหยาง
“เจ้าจะส่งข้ากลับบ้าน แล้วที่นี่คือที่ไหน เจ้าเป็นใคร ข้าจำอะไรไม่ได้จริงๆ”
ถังเฉียนเห็นนางเป็นเช่นนี้ก็พยุงให้นางนั่งขึ้น ยังคงป้อนอาหาร แล้วเล่าเรื่องต่างๆ ให้นางฟัง อะไรที่ถังเฉียนเล่าให้นางฟังได้ก็บอกนางหมด ยังเล่าไม่ถึงครึ่ง จื่อเย่ว์ก็กลับมา
“ท่านหมอช่างมีใจกรุณาจริงๆ สามารถคุยกับคนบ้าได้นานเช่นนี้”
ถังเฉียนไม่โต้แย้งที่จื่อเย่ว์พูด เพียงแต่ถามว่า
“ดูสิ นางจำอะไรไม่ได้เลย ไม่ได้เป็นบ้า แล้วท่านอ๋องว่าอย่างไร”
จื่อเย่ว์เหลือบมองซูซินเหลียน แววตาฉายแววอำมหิต นางบอกว่า
“ท่านอ๋องสงสารนาง หากนางอยากกลับบ้าน ก็ส่งนางกลับไปพักฟื้นที่บ้าน ในเมื่อเกิดเจ็บป่วยที่จวนอ๋อง ก็แสดงว่าท่านอ๋องดูแลนางบกพร่องให้นางกลับไปแต่ย่อมไม่หย่ากับนาง ให้นางพักรักษาตัวด้วยความสบายใจ”
ถังเฉียนได้ยินเช่นนี้ก็คลายความกังวล หันมาพูดกับซูซินเหลียน
“ข้าบอกแล้วอย่างไร ท่านอ๋องเป็นคนดี เจ้าพักฟื้นให้ดีเถอะ อีกสองสามวัน ถ้าเจ้าคิดถึงบ้านค่อยให้พวกเขาส่งเจ้ากลับไปสักครึ่งปีหรือหนึ่งปี”
“ไม่ ข้าไม่กลับไป!”
ถังเฉียนคิดไม่ถึงว่าซูซินเหลียนจะพูดเฉียบขาดเช่นนี้ คิดอยากถามนางว่าก่อนหน้านี้นางบอกเองไม่ใช่หรือว่าคิดถึงบ้าน ตอนนี้มีโอกาสแล้ว เหตุใดจึงไม่ยอมกลับไป แต่นางยังไม่ทันถาม จื่อเย่ว์ชิงตัดหน้าก่อน หยิบผ้าสกปรกผืนนั้นยัดใส่ปากซูซินเหลียน
“ท่านหมอ นี่เป็นเรื่องภายในของจวนอ๋อง นางเป็นคนบ้า ท่านอยู่ห่างๆ จากนางเถอะ”
ถังเฉียนเข้าใจดีว่าเป็นการบอกให้นางไปจากตรงนี้ ซูซินเหลียนดูน่าสงสาร แต่สิ่งที่นางสามารถทำได้ก็คงมีเพียงเท่านี้ ขณะที่ผละมา ถังเฉียนไม่อาจเอ่ยปากบอกให้จื่อเย่ว์ดูแลนางให้มากหน่อย ไม่เช่นนั้นด้วยนิสัยของจื่อเย่ว์แล้ว อาจจะทรมานนางหนักขึ้น เวลานี้ซูซินเหลียนยังรักษาชีวิตไว้ได้ก็น่าจะพอใจแล้ว
ระยะนี้ถังเฉียนไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่น นับจากที่นางได้รับพรศักดิ์สิทธิ์ พลังทิพย์ก็สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อย่างน้อยนอกจากสลายแล้วยังสามารถหลงเหลือส่วนหนึ่ง ขณะที่พลังทิพย์ได้รับการฟื้นฟูเกือบจะสมบูรณ์แล้ว อาจารย์ก็กำหนดวันเรียบร้อยแล้ว ก่อนวันเพ็ญเดือนสิบสองเดือนนี้จะอัญเชิญให้เทพมังกรลงมา เป็นวันฤกษ์ดีที่งูโบราณจะออกมาจากโพรง
ช่วงนี้เห็นแท่นบวงสรวงตระเตรียมเสร็จแล้ว ยังมีหมอผีศักดิ์สิทธิ์ซึ่งมีชื่อเสียงบารมีหลายท่านจากที่ต่างๆ มายังที่นี่ หลังจากที่ได้ข่าวว่าเถิงเสวี่ยมีวิธีรับมือกับไอพิษที่รุนแรงครั้งนี้ หมอผีเหล่านี้จึงตัดสินใจมาศึกษาดู อาจมีประโยชน์ในการจัดการกับเขตที่คนเหล่านี้ดูแลอยู่
ที่ที่มีผู้คนมากมาย ย่อมเกิดการต่อสู้ ก่อนออกเดินทาง จีหมิงซึ่งเป็นหมอผีศักดิ์สิทธิ์บุปผาทองห้าดอกได้แสดงให้ถังเฉียนดูว่าอะไรที่เรียกว่าการต่อรองผลประโยชน์
“ท่านผู้อาวุโสใหญ่ ครั้งนี้พวกเรามาจากที่ห่างไกลเพื่อช่วยท่าน หวังว่าท่านจะไม่ปล่อยให้พวกเรากลับไปมือเปล่า หากครั้งนี้พวกเราทำสำเร็จ แน่นอนว่าท่านมีผลงานสูงสุด แต่หากเกิดไม่สำเร็จ พวกเราล้วนทิ้งชีวิตผู้คนหลายพันตั้งใจมาที่นี่โดยเฉพาะ ท่านผู้อาวุโสใหญ่คงจะไม่ให้พวกเรามาเสียเปล่าใช่หรือไม่”
ตอนที่ 145 ฟันต่อฟัน
สำหรับเรื่องนี้นั้นไม่มีใครรู้ได้ว่าพิธีบวงสรวงจะสำเร็จหรือไม่ การที่แต่ละคนมีความคิดต่างกันเป็นเรื่องที่สมควร แต่ในความคิดของถังเฉียนการต่อรองผลประโยชน์เช่นนี้นั้น เป็นการขัดศีลธรรมแห่งหมอผี
ถังเฉียนรู้สึกร้อนใจเมื่อเห็นท่าทีเช่นนี้ของจีหมิง แต่นางไม่สามารถพูดอะไรได้ เพียงแต่รู้สึกอึดอัดใจจุกอกจนเจ็บแปลบไปหมด
“จีหมิงเป็นผู้อาวุโส ท่านคิดว่าเถิงเสวี่ยต้องให้สิ่งใดแก่ท่านจึงจะรู้สึกว่าครั้งนี้มาไม่เสียเที่ยว”
พอจีหมิงได้ฟังเช่นนี้ก็ลูบหัวแมวดำที่อุ้มอยู่เบาๆ ยกยิ้มอย่างประหลาด แล้วพูดว่า
“แม้จะบอกว่าเราต่างเป็นหมอผีศักดิ์สิทธิ์ แต่มีหมอผีบางคนได้เกิดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่หมอผีอย่างเรากลับถูกส่งไปยังดินแดนห่างไกล ที่เต็มไปด้วยงูพิษและสัตว์ร้าย ใช้ชีวิติอย่างยากลำบาก ข้าก็อายุมากแล้ว ไม่สามารถแบกรับงานหมอในเขตที่สังกัดได้อีกต่อไป ท่านผู้อาวุโสใหญ่คิดว่าจะจัดการอย่างไรดี”
เถิงเสวี่ยฟังที่นางพูด แล้วมองดูหมอผีอีกสองคนที่มากับนาง พวกนางก็มีความคิดแบบเดียวกัน ช่างเลือกเวลาได้เหมาะยิ่งนัก
“ใช่ว่าจะทำไม่ได้ เพียงแต่กฎของเผ่าหมอผีเรา หากไม่ตายก็ไม่กลับ นับจากที่เราเลือกเซียมซีบนเขาศักดิ์สิทธิก็ถูกกำหนดไว้แล้ว นี่เป็นกฎครอบครัวของเผ่าเรา ข้าเป็นเพียงผู้อาวุโสเล็กๆ จนปัญญาจริงๆ ท่านผู้อาวุโสจีหมิง เปลี่ยนเป็นเรื่องอื่นที่เถิงเสวี่ยสามารถตัดสินใจได้เถอะ”
พอจีหมิงได้ฟังเช่นนี้ก็โบกมือแล้วพูดว่า
“ในเมื่อทำเรื่องนี้ไม่ได้ ถ้าเช่นนั้นก็เปลี่ยนคนเถอะ หลานสาวข้าคนนี้ อายุสิบหกแล้ว เพิ่งเปิดพลังทิพย์ไม่นาน ก็ได้สี่วงแล้ว แม้จะเทียบกับศิษย์คนอื่นของท่านไม่ได้ แต่ก็ย่อมเหนือกว่านางกระมัง”
จีหมิงชี้ตรงไปที่ถังเฉียน นางเป็นเพียงหมอผีสมุนไพรที่มีเพียงสามวง ข้อมูลนี้ย่อมมีคนเผยออกไป นางไม่ใช่คนแรกและย่อมไม่ใช่คนสุดท้าย
เถิงเสวี่ยหันไปมองเด็กสาวคนนั้น แล้วกวักมือเรียก เด็กสาวมีท่าทางตื่นกลัว มองดูจีหมิงซึ่งอยู่ข้างๆ แล้วจึงก้าวอย่างระมัดระวังมาอยู่ข้างเถิงเสวี่ย แสดงการคารวะแล้วยืนอย่างเรียบร้อย
เถิงเสวี่ยมองเห็นว่าเป็นเด็กที่รู้จักแบบแผน จึงถามว่า
“สิบหกแล้ว มีคู่หมั้นคู่หมายแล้วหรือไม่”
“เรียนท่านผู้อาวุโสใหญ่ ยังไม่มีเจ้าค่ะ”
เถิงเสวี่ยยิ้มแล้วพูดว่า
“ญาติผู้พี่ของเถิงเฟิง ปีนี้อายุครบสิบเก้า เจ้าหนุ่มนั่นนิสัยดื้อรั้นไปบ้าง ข้าว่าแม่หนูคนนี้ก็ไม่เลว ส่งไปให้เผ่าอินทรีเงินดูตัวดีหรือไม่ ถึงตอนนั้นข้าต้องบอกกล่าวล่วงหน้า เผ่าอินทรีเงินต้องเห็นแก่หน้าข้าบ้างล่ะ”
จีหมิงได้ยินเช่นนี้ก็ยิ่งไม่ยอมรามือ สีหน้าไม่เกรงใจอย่างเมื่อครู่แล้ว นางกระแทกไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์แรงๆแล้วว่า
“เด็กสาวหมอผีสมุนไพรสามวง ท่านผู้อาวุโสใหญ่กลับรับง่ายๆ หลานข้าเทียบนางไม่ได้หรืออย่างไร”
ฮว่าเหยียนฟังด้วยความอดกลั้น ในที่สุดเมื่อนางเอ่ยถึงหมอผีสมุนไพรด้วยแววตาดูหมิ่น นั่นทำให้นางโกรธแล้ว
“ฮว่าเหยียนกับอาหรูน่าเป็นหมอผีสมุนไพรจริง แต่บรรพชนเจ็ดรุ่นล้วนเป็นหมอที่ดี มีเกียรติเทียบไม่ได้กับครอบครัวผู้อาวุโสจีหมิงที่เคยมีหมอผีดำ”
“เจ้า!”
จีหมิงถูกยั่วโมโหจนมือไม้สั่น หากแต่ฮว่าเหยียนไม่ยอมหยุดเพียงเท่านี้ นางกล่าวถึงสองครั้ง ในเมื่อดูหมิ่นนางถึงสองครั้ง นางก็ต้องตอบแทนอย่างสาสม
“ดูหลานสาวเจ้าสิ ท่าทางอ่อนแอ เป็นหมอผีเคยสร้างคุณูปการอะไรหรือไม่ ลูกสาวข้าเป็นหมอผีสมุนไพรตั้งแต่เด็ก ยังเคยช่วยรักษาไข้ป่าให้หมู่บ้านเทียนอี เทียบไม่ได้กับผู้อาวุโสจีหมิงที่เผาหนึ่งหมู่บ้านมีผลงานยิ่งใหญ่ให้แก่อีกหนึ่งหมู่บ้าน”
“เจ้า สามหาว!”
จีหมิงโกรธจนลุกขึ้นยืน ฮว่าเหยียนยังคงนั่งอยู่ที่แถวหลังสุด มองดูนางเดินมาอย่างโกรธเกรี้ยว ชี้หน้าฮว่าเหยียนแล้วว่า
“จะพูดอย่างไรนางก็แค่พวกไม่เอาไหนที่มีแค่สามวง ไม่อาจเหนือกว่าระดับหมอผีขั้นสูงตลอดไป นี่เป็นข้อด้อยของนางตั้งแต่เกิด ไม่อาจแก้ไขได้ กฎของเผ่าหมอผีเรา ท่านผู้อาวุโสใหญ่ลืมแล้วหรือ อย่าคิดว่าจะหลอกพวกเราได้”