ตอนที่ 170 รังสีของนางเอก
“คุณหนูอาหรูน่า พวกมันท่าทางร้ายกาจมาก บังอาจบุกปล้นพวกเรา จะต้องมีผู้ใดอยู่เบื้องหลังแน่ พวกข้าส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือแล้ว หากพวกข้าเกิดต้านทานไม่อยู่ ขอให้ท่านรีบขอร้องให้คุณชายเถิงเฟิงรีบมาช่วยพวกข้า”
ถังเฉียนฟังแล้วก็รู้สึกวิตกมาก นาง…นางจะกล้าขอให้เถิงเฟิงมาช่วยหรือ ถังเฉียนหันมา รู้สึกร้อนใจอย่างมาก แต่ก็ไม่กล้าพูดตามอำเภอใจ รู้สึกเครียดจึงกำชายเสื้อไว้แน่น
“ไม่ต้องกล้ว แค่ผีน้อยสองตัว ใต้เท้าเค่ออี้ใช้นิ้วเดียวก็รับมือได้แล้ว ต่อหน้าอาหรูน่าโปรดอย่าถ่อมตัวเกินไป”
อาห่าวที่นิ่งเงียบมาตลอดจู่ๆ ก็พูดขึ้น
“ท่านอ๋อง ท่านไม่รู้หรอก ฝีมือของมือผีสามารถสยบท่านเคออี้ได้ ไม่เช่นนั้นพวกมันไม่กล้าเหิมเกริมเช่นนี้หรอก เมื่อครู่พวกข้าส่งข่าวออกไปแล้ว แต่ถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีกองหนุนมาช่วย เกรงว่า…”
พอซูซินเหลียนได้ฟังเช่นนี้ก็หัวเราะเสียงดัง แล้วพูดว่า
“พวกเจ้าไม่ต้องกลัวขนาดนั้นหรอก ข้าเป็นคนที่มีรังสีของนางเอก ช่วยส่องพวกเจ้า วางใจเถอะ จะต้องมีแม่ทัพสวรรค์ลงมาช่วยพวกเรา ไม่อย่างนั้น ท่านอ๋องก็ต้องวางทหารซุ่มไว้แล้ว”
ถังเฉียนหันมามองฉู่จิ่งเหยา เขาส่ายหน้าช้าๆ แล้วว่า
“พระชายารองเชื่อมั่นอ๋องอย่างข้าเกินไปแล้ว เดินทางมากับคณะรถม้าของเผ่าพีส่า ใครจะคิดว่ามีคนกล้าปล้นรถ ข้าเองก็เป็นคนนอกสำหรับที่นี่”
แม้ฉู่จิ่งเหยาจะพูดเช่นนี้ แต่เขาก็นั่งพิงพนักเก้าอี้ ไม่มีท่าทางหวั่นวิตก
ถังเฉียนโผล่หัวออกมาดูสภาพข้างนอก เห็นเค่ออี้สะกดมือผีไว้กลางค่ายกล เจิ้งจยาเฉิงร้อนใจเมื่อเห็นสภาพเช่นนี้ ส่วนรถม้าของฮว่าเหยียนพังเสียหาย นางยืนดูเหตุการณ์อยู่ข้างนอก แล้วเดินมาข้างตัวเจิ้งจยาเฉิง ยื่นมือไปกุมดาบของเขา พลันชักดาบออกมากรีดที่แขนของตนเอง ดาบเล่มนั้นอาบเลือดฮว่าเหยียน แล้วเลือดก็พลันเปลี่ยนเป็นลายงูสีเขียว
“บุก เจ้าสามารถฟันพวกมันได้แล้ว”
ถังเฉียนนึกไม่ถึงว่าฮว่าเหยียนจะเก่งกาจเช่นนี้ จึงนึกเคารพยำเกรงนางมากขึ้น
“ท่านหมอฮว่าเหยียน ไม่ธรรมดาเลยนะ”
ซูซินเหลียนเห็นเช่นนี้ก็บอกว่า
“รอดูเถอะ ไม่จบง่ายๆ เช่นนี้หรอก”
นางยังพูดไม่ทันจบก็เห็นเจิ้งจยาเฉิงใช้ดาบฟันร่างหมอกสีดำของมือผี แต่เขาก็ถูกแรงสะท้อนจากพลังทิพย์สีดำที่ระเบิดออกจนล้มลงหมดสติ แม้แต่ค่ายกลสยบวิญญาณของเค่ออี้ก็ถูกแรงสะเทือนของหมอกดำจนได้รับบาดเจ็บ
“เห็นหรือไม่ ข้าบอกแล้วใช่หรือไม่”
รูม่านตาฉู่จิ่งเหยาหดเข้าหากัน เขาจ้องมองข้างนอกไม่วางตา กำหมัดแน่น เขาปรารถนาให้ตนเองที่จะยืนอยู่นอกรถม้า ไม่ใช่นั่งอยู่ข้างในเช่นนี้
“เลิกพูดเถอะ ตอนนี้สถานการณ์น่าห่วงมาก ถ้าเจ้ามีวิธีอะไรก็ขอให้บอกมา”
ซูซินเหลียนมองถังเฉียนด้วยสายตาเย็นชา แล้วพูดว่า
“เราเป็นศัตรูหัวใจกัน เหตุใดข้าต้องช่วยเจ้าด้วยเล่า อีกอย่างข้าจะมีวิธีอะไร”
ถังเฉียนถอนหายใจ นางก็ไม่ควรมีความคาดหวังอะไรต่อซูซินเหลียนตั้งแต่แรก นางจำได้ว่าเถิงเฟิงเคยบอกนางว่านับจากวินาทีที่นางได้รับพรศักดิ์สิทธิ์บรรดาภูตผีปีศาจจะหวาดกลัวนาง ถังเฉียนไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรจึงจะขอร้องให้เถิงเฟิงมาช่วยพวกเขาได้ แต่เฉพาะหน้านี้อย่างน้อยต้องเป็นฝ่ายนำคนเหล่านี้ช่วยเหลือตัวเองก่อน ถังเฉียนเลิกม่านรถขึ้นแล้วกระโจนลงจากรถ มายืนอยู่ข้างๆ เค่ออี้
“ผีร้ายอะไรกัน ก็แค่สิ่งที่ไม่กล้าเผชิญหน้าคน เถิงเฟิงเคยบอกว่าข้าไม่ถูกครอบงำด้วยเวทย์มนต์และอาถรรพ์ทั้งหลาย เลือดข้าอาจจะมีประโยชน์”
ตอนที่ 171 ต่อสู้อย่างดุเดือด
ถังเฉียนหยดเลือดตัวเองลงบนด้ายแดงที่เป็นค่ายกล ถังเฉียนจำได้ว่าเถิงเฟิงใช้วิธีนี้สยบเงาผีได้ ขณะนี้แม้จะเป็นแค่การทำเลียนแบบ แต่นางก็หวังว่าจะได้ผลบ้าง
“อ้า! นางคนชั่ว เหตุใดเจ้าถึงมีเลือดของคนเผ่าพีส่า”
ถังเฉียนหันมามองเค่ออี้ ได้ยินเขาพูดว่า
“พรศักดิ์สิทธิ์เป็นการยอมรับให้นางมีเลือดของเผ่าพีส่า พูดก็พูดเถอะ ไอ้สารเลวนี่ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง บังอาจโจมตีรถม้าเรา พี่น้อง ออกแรงหน่อย ทำให้ดวงวิญญาณมันสูญสลายไปเสีย”
ถังเฉียนถอยหลังมาเล็กน้อย ไม่ไปรบกวนค่ายกลของพวกเขา ทั้งห้าคนล้วงกระจกเงาอันเล็กออกมา กัดปลายนิ้วตัวเองแล้วหยดเลือดลงบนกระจก จากนั้นก็สอดด้ายแดงในมือตนเข้าที่หลังกระจก แล้วจัดขบวนค่ายกลใหม่ จากนั้นก็ส่องกระจกไปที่กลางค่ายกล หน้ากระจกกลายเป็นค่ายกลอีกชั้นหนึ่ง ทำให้พลังทิพย์ของพวกเขาเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว คราวนี้ก็สามารถตรึงมือผีไว้ได้อย่างมั่นคงแล้ว
“พวกเจ้าคิดว่าทำเช่นนี้ก็จะสยบข้าได้หรือ เพ้อฝันสิ้นดี!”
การที่หมอกดำสามารถพูดได้นั้นเป็นเรื่องที่แปลกมาก ทันใดนั้นเองก็มีมือสิบสองข้างยื่นออกมาจากกลุ่มหมอกดำ แยกกระจายออกจากร่างของมันไปในทิศทางต่างๆ เค่ออี้เห็นเช่นนั้นก็ตะโกนบอกทันที
“หลับตาให้แน่น อย่าให้มือผีควักหัวใจเด็ดขาด”
ถังเฉียนได้ยินก็หลับตาทันที แล้วได้ยินเสียงลมเย็นพัดผ่านข้างหูไปนางรู้สึกตื่นกลัว เมื่อนางกลัวก็มักชอบกำชายเสื้อ ทั้งยังกำนิ้วมือแน่น
“ว๊าย! ท่านอ๋อง ข้าเจ็บที่หัวใจ…”
ถังเฉียนได้ยินเสียงร้องของซูซินเหลียน นางหันกลับมาหมายจะช่วยนาง แล้วคาดไม่ถึงว่าชั่วพริบตาที่นางลืมตาขึ้น ก็มีมือผีข้างหนึ่งคว้าคอนางไว้
“ปล่อยนะ ปล่อย…”
ร่างทั้งร่างของถังเฉียนถูกมือผีจับยกลอยขึ้นเหนือพื้นดิน ถังเฉียนค่อยๆ ล้วงมีดสั้นออกมาจากแขนเสื้อ กรีดที่ข้อมือ แล้วใช้มีดเปื้อนเลือดฟันมือผีขาดออก จากนั้นก็เลิกม่านรถขึ้น มองเห็นมือผีราวกับคว้าจับหัวใจซูซินเหลียนไว้ เหมือนจะกระชากออกมาจากร่างของนางทั้งเป็น
“หยุดนะ!”
ถังเฉียนกวัดแกว่งมีดแทงใส่มือผี มือผีกลายเป็นควันสลายไปทันที แต่ซูซินเหลียนมองเห็นเพียงถังเฉียนที่ถือมีดเปื้อนเลือดอยู่กับทรวงอกตัวเองที่ถูกมือผีจับไว้
“เจ้า? เจ้าจะทำสิ่งใดกับข้า ที่แท้ก็หญิงชั่วร้ายคนหนึ่ง ทำเรื่องชั่วร้ายเช่นนี้อยู่เรื่อย”
ถังเฉียนมองดูนางก่นด่าตนเอง แต่นางยิ่งด่าว่า เปลือกตาถังเฉียนก็ยิ่งหนักอึ้ง จากนั้นก็ล้มลงหมดสติอยู่ในรถม้า เค่ออี้กับพวกรวบรวมมือผีที่บาดเจ็บผนึกไว้ในน้ำเต้า เมื่อเข้ามาดูก็เห็นถังเฉียนนอนหมดสติอยู่ในอ้อมกอดฉู่จิ่งเหยา ซูซินเหลียนก็สลบอยู่ในนั้น
ฮว่าเหยียนรับร่างถังเฉียนจากมือฉู่จิ่งเหยา พร้อมกับกล่าวขอบคุณเขา แล้วอุ้มถังเฉียนมาที่รถของตน แล้วป้อนยาให้นางกิน ถังเฉียนจึงฟื้นขึ้น
“มือผีตายหรือยัง”
ถังเฉียนถามคำถามแรก ฮว่าเหยียนสั่นหัว แล้วตอบอย่างไม่เลี่ยงว่า
“ใต้เท้าเค่ออี้บอกว่านี่เป็นเพียงดวงจิตลอยของมือผีเท่านั้น ในช่วงวิกฤตมันทิ้งร่างส่วนหนึ่งหนีไป พวกเขาไม่มีฝีมือเท่าคุณชายเถิงเฟิงที่สามารถจับมือผีทั้งตัวได้”
ถังเฉียนถอนหายใจยาว เค่ออี้คุกเข่าลงตรงหน้านาง พูดรับผิดว่า
“คุณหนูอาหรูน่า โปรดลงโทษที่เราไร้ความสามารถ”
ถังเฉียนมองดูบาดแผลตัวเองที่พันแผล แล้วเห็นฮว่าเหยียนพยักหน้าให้ตน ก็พูดอย่างอ่อนโยนว่า
“เจ้าทำดีมากแล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของเจ้า อย่าโทษตัวเองเลย”