ตอนที่ 174 ทำนายอนาคต
ถังเฉียนจะจากไป แต่คนที่รั้งนางไว้ไม่ใช่ฉู่จิ่งเหยา กลับเป็นซูซินเหลียน นางซึ่งฟื้นขึ้นครั้งนี้แตกต่างจากคนเดิมอย่างสิ้นเชิง ในร่างนางเหมือนมีวิญญาณสองดวง คนหนึ่งนิสัยอ่อนโยนขี้ขลาด แต่อีกคนดูเหมือนจะมาจากสถานที่ที่ไกลแสนไกล เข้ากับโลกแห่งนี้ไม่ได้
“ท่านหมอ ถึงท่านจะบอกว่าข้าต้มเม็ดบัวไม่อร่อยก็ตาม แต่ข้ายังต้องขอบใจเจ้าที่วันนี้แสดงฝีมือช่วยชีวิตเราทุกคน เก่งจริงๆ”
ถังเฉียนฟังที่นางพูด แต่สายตามองที่ปลายเท้าตนเอง ไม่ใส่ใจคำพูดประจบประแจงของนาง แล้วเดินผละไป จากนั้นได้ยินฉู่จิ่งเหยาพูดว่า
“วันนี้พระชายารองรู้ได้อย่างไรว่าจะมีคนลอบสังหาร”
ซูซินเหลียนมองดูชามในมือฉู่จิ่งเหยา เห็นว่ากินเม็ดบัวต้มไปคำใหญ่ ก็มีรอยยิ้มอย่างเย็นชาที่มุมปาก แล้วพูดว่า
“ท่านอ๋องและท่านหมอคงแปลกใจมาก ข้าไม่กลัวที่จะบอกพวกท่าน ข้าสามารถทำนายอนาคตได้”
“อนาคต”
ถังเฉียนรู้สึกว่าคำพูดนางไม่น่าจะเป็นความจริง โดยเฉพาะที่นางพูดวันนี้ดูเหมือนจะไม่สมเหตุสมผลนัก แม้นางจะคิดเช่นนี้ แต่ตอนนั้นที่ซูซินเหลียนบอกว่านางมาจากโลกอื่น ถังเฉียนดูเหมือนจะเชื่อบ้างแต่ฉู่จิ่งเหยาพูดว่า
“นี่เป็นความสามารถที่หาได้ยากนัก รอให้ไปถึงเขาศักดิ์สิทธิ์ก่อน ข้าจะลองถามท่านอาวุโสดู”
ถังเฉียนเพียงยิ้มครู่เดียวและผละไป คืนนี้ช่างยาวนานมาก นางเดินเข้าไปในห้องฮว่าเหยียน ยังดีที่นางยังไม่ได้นอน พอเห็นสีหน้าถังเฉียนก็พูดขึ้นว่า
“เจ้าต้องระวังตัว จินซิวอ๋องไม่ใช่คนธรรมดา ระวังจะถูกเขาจับพิรุธได้”
ถังเฉียนเงยหน้าขึ้นมองฮว่าเหยียน แล้วถามหยั่งดูว่า
“ฮว่าเหยียน เจ้าเป็นชาวหนานเจียงตลอดมาหรือ”
“หือ ชาวหนานเจียง?”
ฮว่าเหยียนถอดหน้ากากออก เหลือบมองนางอย่างเย็นชา แล้วพูดว่า
“พวกเราไม่ใช่ชาวหนานเจียง นั่นเป็นเรื่องที่กษัตริย์แห่งเซวียนกั๋วทำให้พวกเรากลายเป็นข้าทาส เดิมเราคือแคว้นหนานจ้าว แต่เมื่อห้าสิบปีก่อนเกิดแพ้สงคราม ดินแดนจึงตกเป็นของเซวียนกั๋ว ต่อจากนั้นเราก็ไม่มีการเรียกชื่อกษัตริย์ มีเพียงหัวหน้าผู้บวงสรวงเท่านั้น ซึ่งก็คือหัวหน้าเผ่าของเผ่าพีส่า”
ถังเฉียนตกตะลึงเมื่อได้ฟังเช่นนี้ ถ้าหากพูดเช่นนี้ เถิงเฟิงก็คือองค์ชายแห่งแคว้นหนานจ้าวอย่างนั้นหรือ
“ถ้าเช่นนั้นเราจะเรียกตัวเองว่าอย่างไร”
แม้แววตาฮว่าเหยียนจะดูหม่นหมองมาก แต่พอเห็นท่าทางของถังเฉียนก็ยิ้มหยันแล้วพูดว่า
“ท่านอ๋องถามเจ้าเช่นนี้ คงตอบไม่ได้สิ กลับต้องโทษข้าเอง คิดแต่จะรับมือกับคนบนเขา จนลืมคนข้างตัว”
ถังเฉียนนิ่งเงียบ หลายวันมานี้ฮว่าเหยียนสอนเรื่องราวมากมายที่นางไม่รู้ แน่นอนว่ายังมีเรื่องที่ปิดบังอีกมากมาย แต่เวลานี้ก็ถือว่านางเป็นชาวหนานจ้าวครึ่งตัวแล้ว
“เผ่าหมอผีเรา รวมทั้งเผ่าอินทรีเงินและเผ่าพีส่าเป็นชนชั้นสูงของแคว้นหนานจ้าวตลอดมา ที่ผ่านมาเผ่าหมอผีคอยต่อต้านภัยธรรมชาติให้หนานจ้าว ส่วนเผ่าอินทรีเงินคอยต่อต้านภัยจากคน ขณะที่เผ่าพีส่ารับมือกับภูตผี สามเผ่ารวมกันทำให้ทุกอย่างราบรื่น เมื่อห้าสิบปีก่อน ผู้อาวุโสใหญ่แห่งเผ่าหมอผีและผู้อาวุโสใหญ่แห่งเผ่าอินทรีเงินถูกลอบสังหาร ส่วนเวลานั้นท่านอาวุโสแห่งเผ่าพีส่าอาศัยชัยภูมิที่อันตรายหลบภัยครั้งนี้ได้ ช่วยรักษาเชื้อไฟให้อีกสองเผ่า ต่อมาเกิดภัยธรรมชาติ หนานจ้าวไร้กำลังที่จะสู้รบต่อ จึงต้องยอมจำนน”
เรื่องนี้ฮว่าเหยียนเคยเล่าให้นางฟัง เวลานี้เอ่ยขึ้นอีก เกรงว่าคงต้องการให้รู้ถึงความน่าอัปยศอดสูของแคว้นเซวียนกั๋ว เพราะนางกลัวว่าไม่ว่าจะอย่างไรถังเฉียนย่อมนึกถึงฐานะความเป็นชาวเซวียนกั๋วของตัวเอง
“ข้าเคยบอกเจ้าแล้ว เมื่อขึ้นไปบนเขาศักดิ์สิทธิ์ก็บอกเพียงว่าตัวเองเป็นคนตระกูลฮว่า อย่าได้เอ่ยถึงไม่ว่าหนานจ้าวหรือหนานเจียงเด็ดขาด หากเกิดถามขึ้นมาจริงๆ เจ้าจะพูดเช่นไรก็ล้วนผิดทั้งสิ้น หากท่านอ๋องถาม เจ้าบอกว่าเป็นชาวหนานเจียงก็ไม่ผิด เพราะอย่างไรเจ้าก็เกิดในสมัยหนานเจียง”
ตอนที่ 175 แผนสังหาร
แม้ถังเฉียนจะแปลกใจมากว่าที่ซูซินเหลียนบอกว่าทำนายอนาคตได้นั้นเป็นความสามารถอย่างไรกันแน่ แต่คิดว่าไม่จำเป็นต้องสอบถามให้ชัดเจน ทุกเรื่อง เหมือนที่ตัวนางเองนั้นก็มีความลับเช่นกัน
สำหรับฮว่าเหยียนนั้นถังเฉียนก็ไม่ได้ไว้ใจเต็มที่ ดังนั้นในปัญหาความน่าเชื่อถือ นางจึงยังคงมีความคิดความเห็นของตนเอง
ซูซินเหลียนอยากพูดให้ชัดเจน นางเองก็ไม่มีอะไรปิดบัง แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ถังเฉียนดูซูซินเหลียนที่เป็นเช่นนี้ก็เกิดมีความรู้สึกหวาดกลัว นางเพิ่งสอบถามฮว่าเหยียนเรื่องเกี่ยวกับเผ่าม้งนับว่าทำให้เปิดหูเปิดตา แต่ค่ำคืนที่แสนยาวนาน นางกลับนอนพลิกไปมา รู้สึกกระสับกระส่าย แต่…
ถังเฉียนไม่รู้ว่าเหตุใดนางจึงรู้สึกปวดศีรษะเล็กน้อย ร่างกายอ่อนล้า แล้วคิดว่าฉู่จิ่งเหยายังคงคุยติดพันอยู่กับซูซินเหลียน อย่างไรก็ไม่ควรให้เขาเฝ้ายามอยู่คนเดียว ถังเฉียนจึงออกมานั่งที่หน้าประตู มองดูรอบๆ แล้วรู้สึกหนักหัวขึ้นทุกที นางพยายามจะฝืน แต่ก็ไม่อาจเอาชนะความง่วงได้
ก๊อกก๊อกก๊อก
เสียงเคาะประตูทำให้ถังเฉียนสะดุ้งตื่น นางไม่รู้ตัวว่าเหตุใดตนเองจึงนอนกอดกระบี่อยู่ในห้องนอน พอนึกถึงหน้าที่ของตนก็ลุกพรวดขึ้นมา เมื่อเปิดประตูกลับเห็นท่าทางเหมือนจะกินคนของเจิ้งจยาเฉิง
“คุมตัวคนร้ายเอาไว้!”
ถังเฉียนได้ยินเรียกนางเช่นนี้ก็ตะลึงงัน แต่ดูท่าทางเจิ้งจยาเฉิงแล้วไม่ได้ล้อเล่นเป็นแน่ ถ้าเช่นนั้น…คืนนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่
“ใต้เท้าเจิ้ง บอกข้าหน่อยได้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
เจิ้งจยาเฉิงสีหน้ากร้าวหรืออาจพูดได้ว่าสีหน้าหยาบกระด้างตลอดมา
“ข้าผิดจริงๆ ที่ไว้ใจเจ้า เจ้าบังอาจเป็นพวกเดียวกับซูซินเหลียน ทำร้ายท่านอ๋อง เวลานี้ท่านยังนอนสลบอยู่ เจ้ามีอะไรจะสารภาพหรือไม่”
ถังเฉียนเข้าใจแล้ว เมื่อครู่มีคนเห็นที่พวกตนยืนคุยกัน เมื่อเกิดเรื่องกับท่านอ๋อง นางย่อมหนีไม่พ้น แต่นางเป็นห่วงอาการฉู่จิ่งเหยามากกว่า
เจิ้งจยาเฉิงไม่มีความอดทนต่อนาง เมื่อมาถึงก็จะลงมือ นางไม่ได้ขัดขืน แต่เค่ออี้เข้ามาขวางตรงหน้าถังเฉียน แล้วพูดว่า
“บังอาจ ใครกล้าลงมือกับนาง เว้นเสียแต่ว่าจวนจินซิวอ๋องต้องการประกาศสงครามกับเขาศักดิ์สิทธิ์เรา”
ถังเฉียนมองดูเค่ออี้ซึ่งยืนขวางหน้าตนไว้ แม้จะบอกว่าท่าทางหยิ่งผยองของเขาจะไม่ช่วยอะไรในการเจรจา แต่ก็ถือว่าให้โอกาสนางได้สอบถาม
“จู่ๆ ท่านอ๋องล้มป่วย เหตุใดพวกเจ้าจึงมั่นใจว่าข้าเป็นคนทำ ที่ใต้เท้าเจิ้งมีความไม่พอในตัวข้าใจข้ามานาน ไม่ใช่แค่วันสองวัน แต่เจ้าลองไตร่ตรองดูด้วยเหตุผล หากข้าต้องการสังหารท่านอ๋อง ตั้งแต่เขาเริ่มให้ข้ารักษา ข้ามีโอกาสมากมาย หรือถ้าไปถึงเขาศักดิ์สิทธิ์ข้าก็ยิ่งมีความมั่นใจมากขึ้น เหตุใดต้องลงมือที่นี่เล่า”
คราวนี้เจิ้งจยาเฉิงไม่ยอมอ่อนข้อ เขากวักมือเรียก แล้วเห็นหวังหลงคุมตัวถังเวยมา กดนางลงกับพื้น แล้วถาม
“ฮุ่ยฮุ่ย เจ้าเห็นใครเป็นคนใส่ยาพิษท่านอ๋อง”
ฮุ่ยฮุ่ยมองดูถังเฉียน เม้มปากแน่น ตัวสั่นเทิ้ม แล้วชี้นิ้วออกไป นางนึกถึงถังเฉียน แต่ถัดมาก็เห็นชุดยาวสีดำบนตัวถังเฉียน ก็ก้มหัวและหดนิ้วทันที
“นาง นางเป็นคนเลว คนเลว นาง…”
ฮุ่ยฮุ่ยพูดจาสับสน เค่ออี้เห็นนางเป็นเช่นนี้ก็ชูแส้ขึ้นทำท่าจะฟาดใส่
“ไปเอาคนบ้ามาจากไหน ถึงได้พูดจาเหลวไหลใส่ร้ายคุณหนูอาหรูน่า ข้าเค่ออี้ขอเอาเกียรติยศเป็นประกันว่าคุณหนูอาหรูน่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ขอเพียงเค่ออี้ยังมีลมหายใจอยู่ พวกเจ้าอย่าหวังว่าจะแตะต้องแม้แต่เส้นผมสักเส้นเดียวของนาง”
ถังเฉียนมองดูแผ่นหลังของเค่ออี้ พลอยรู้สึกมั่นใจขึ้นมาก
“เรื่องที่ข้าไม่ได้ทำ ข้าไม่ยอมรับเด็ดขาด หากพวกเจ้าไม่เชื่อใจข้า ก็ให้ฮว่าเหยียนไปตรวจดูอาการป่วยของท่านอ๋อง ถ้านางยังรักษาไม่ได้ เราก็รีบเดินทางไปเขาศักดิ์สิทธิ์ทันที ข้าจะเชิญให้อาจารย์ข้ามาช่วยรักษา”