ตอนที่ 180 คำถามข้อที่สาม
ถังเฉียนมาหาถังเวย แต่นางยังคงสติเลอะเลือน เมื่อเห็นว่าหากถังเวยเห็นชุดสีดำก็จะโหวกเหวกโวยวาย ตกใจจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ถังเฉียนทำใจไม่ได้ จึงผละออกมา เห็นซูซินเหลียนซึ่งถูกขังอยู่ที่ห้องข้างๆ จึงเดินไปข้างหน้าสองก้าว ขยับเข้าไปใกล้
“ซูซินเหลียน เหตุใดเจ้าต้องทำร้ายข้าด้วย”
ถังเฉียนรู้ดีว่าถังเวยไม่กล้าใส่ร้ายตน ทั้งตอนนั้นทำท่าอยากจะพูดเตือนแต่ก็ชะงักไว้ เป็นการยืนยันว่าถังเวยยังมีจิตใจดีงาม ที่สามารถคิดทำเรื่องทั้งหมดนี้ได้มีเพียงซูซินเหลียนเท่านั้น
“ข้าไม่ใช่คนไร้ประโยชน์อย่างซูซินเหลียนอะไรนั่น ข้าคือซูซิน หลังจากมาถึงที่นี่ ข้าบ้าๆ บอๆ ทุกคนจึงคิดว่าข้าเสียสติ มีเพียงเจ้าที่คิดว่าสิ่งที่ข้าพูดนั้นเป็นความจริง ที่จริงข้าควรขอบใจเจ้า แต่ข้ามีภาระหน้าที่ของข้า เราถูกกำหนดให้เดินกันคนละทาง”
ถังเฉียนฟังที่นางพูด มองดูสายตานางแล้วพยักหน้า จากนั้นจึงพูดว่า
“เรื่องนั้นข้าเข้าใจ แต่ซูซิน ข้าไม่เคยทำร้ายเจ้าเหตุใดเจ้าต้องพุ่งเป้ามาที่ข้าเล่า”
ถังเฉียนไม่เข้าใจจริงๆ นางไม่เคยทำเรื่องใดๆ ที่ส่งผลร้ายต่อซูซินเหลียน และไม่เคยทำเรื่องอะไรที่ไม่ดีต่อซูซิน แต่เหตุใดนางต้องทำเช่นนี้ต่อตนด้วย แม้ว่าจริงใจไปแต่ก็อาจจะไม่ได้ความจริงใจกลับคืน แต่นางรู้สึกว่าจิตใจคนมีเลือดเนื้อ เหตุใดจึงต้องเป็นศัตรูกับนางด้วย
“เจ้าจะถามข้าให้ได้ เช่นนั้นข้าก็จะบอกเจ้า ข้ามีเครือข่ายที่ลึกลับ หากข้าอยากมีชีวิต เจ้าก็จำเป็นต้องตาย”
ถังเฉียนไม่เข้าใจที่นางพูด นางมักจะสามารถพูดเรื่องแปลกๆ ประหลาดๆ ออกมา ฟังแล้วรู้สึกอึดอัด แต่เมื่อดูแววตานางก็รู้สึกได้ว่าไม่เคยโกหก
“โลกนี้ยังมีเครือข่ายที่โหดเ**้ยมอำมหิตเช่นนี้ บางทีที่เจ้าพูดอาจจะหมายถึงเครือข่ายหนึ่ง หรืออาจจะเป็นนิกายหนึ่ง แต่ข้าหวังว่าการเป็นคนควรจะมีบรรทัดฐานบ้าง”
ถังเฉียนพูดจบก็ผละจากไป การช่วยเหลือซูซินเหลียนครั้งแล้วครั้งเล่า ความใจอ่อนครั้งแล้วครั้งเล่าของนาง สุดท้ายจะจบลงด้วยคำถาม
นางสามารถทำร้ายตัวเองได้ บาดแผลที่ถูกเล็บทิ่มแทงที่อกยังเจ็บแปลบๆ ไม่ใช่ว่านางไม่รู้จักเจ็บปวด และไม่ใช่ว่ามีจิตใจดีงามมาตั้งแต่เกิด แต่นางรู้สึกว่าซูซินเหลียนยังมีมโนธรรมในใจ นางน่ารังเกียจ น่าเสียดาย แต่ไม่น่าเคียดแค้น
แต่วันนี้นางยิ่งพบว่าโลกนี้ไม่เพียงต้องพูดจาอย่างระมัดระวัง ทั้งต้องปฏิบัติต่อคนอย่างระมัดระวัง ที่สำคัญยิ่งกว่าคือต้องคอยระวังตัว ยิ่งต้องรู้ว่าคนบนโลกนี้ไม่ได้มีแต่คนที่จิตใจดีงามทั้งหมด
ถังเฉียนเดินออกจากห้องขัง เห็นฉู่จิ่งเหยาในชุดทหาร นางเห็นจินซิวอ๋องเช่นนี้ครั้งก่อน เป็นตอนที่เขาได้รับชัยชนะกลับมาจากสงคราม นางเคยคิดว่าโลกนี้ควรสูงส่งงดงามเช่นนี้
“ท่านอ๋อง พิษในร่างกายท่านถูกขจัดหมดแล้วหรือ”
ฉู่จิ่งเหยาพยักหน้า แต่สายตายังจับจ้องที่นาง
“ข้ายังมีคำถามข้อที่สาม เดิมไม่รีบร้อนจะถามเจ้า แต่เวลานี้ข้าอยากถามเจ้าแล้ว”
ถังเฉียนรู้สึกตื่นเต้นทันที เมื่อเผชิญกับคำถามข้อที่สาม ถังเฉียนไม่รู้ว่าตนเองจะพูดความจริงหรือโกหก รู้สึกเหมือนมีก้อนหินขนาดมหึมาทับบนอก ไม่สามารถวางลงได้ด้วยตัวเอง และไม่อาจยกออกด้วยตัวเองเช่นกัน
ฉู่จิ่งเหยาเดินเข้ามาใกล้ ยื่นมือออกมาถอดหน้ากากนางออก ครั้งนี้ถังเฉียนไม่ขัดขืน แต่นางก้มหน้าลง ไม่มองหน้าฉู่จิ่งเหยา แล้วได้ยินเสียงพูดดังเหนือศีรษะตนเอง แฝงด้วยความอบอุ่นและอ่อนโยนที่เป็นลักษณะพิเศษของเขา
“ข้าอยากถามเจ้า เจ้าชอบเถิงเฟิงหรือไม่”
“หือ”
ถังเฉียนลูบคลำใบหน้าตัวเอง ชุดดำตัวใหญ่หลวมขับให้มือนางดูขาวผ่องราวกับหิมะ ในคืนที่มืดนี้ราวกับแสงจันทร์ขาวนวล
“ท่านอ๋อง ท่าน เหตุใดท่านถึงถามเรื่องนี้หรือ”
ใบหน้าถังเฉียนแดงเรื่อ ร้อนผ่าวขึ้น นางมองฉู่จิ่งเหยา เห็นดวงตาที่เจิดจ้าของเขา แล้วอดก้มหน้าลงย้อนถามไม่ได้
ตอนที่ 181 มือผีปรากฏตัวอีก
คำถามนี้ฉู่จิ่งเหยาลังเลอยู่นาน แต่คืนนี้เขาห้ามใจไม่อยู่จึงถามขึ้น
“ข้าผ่านสนามรบนับไม่ถ้วน กรำศึกมามากมาย แต่วันหนึ่ง ข้ากลับคอยเอาใจใส่แต่แม่นางคนหนึ่ง…แต่น่าเสียดายที่พระมารดาข้าเสียชีวิตแต่เนิ่น สำหรับปัญหานี้ไม่มีใครสามารถตอบได้”
ถังเฉียนฟังแล้วยิ่งไม่เข้าใจเจตนาที่แท้จริงของฉู่จิ่งเหยา นางอยู่ข้างกายเขามาระยะหนึ่งแล้ว แต่ไม่เคยเห็นเขามีความรู้สึกเป็นพิเศษกับใคร หรือว่าจะเป็นแม่นางจื่อเย่ว์
“เรียนท่านอ๋อง อาหรูน่าเองก็ไม่รู้ ไม่แน่ใจ…”
ถังเฉียนตอบสองแง่ แต่หลังจากตอบคำถามนี้แล้ว นางยังคงคิดว่าตัวเองชอบเถิงเฟิงหรือไม่หรือการที่ชอบคนคนหนึ่งเป็นความรู้สึกเช่นไร นางดูเหมือนจะไม่รู้เลย เหมือนที่ชอบน้องสาวหรือไม่ บางทีอาจจะไม่เหมือนก็ได้
หลังจากถังเฉียนกลับมาที่ห้องไม่นาน จู่ๆ ก็เริ่มปวดศีรษะอย่างรุนแรง เป็นความรู้สึกเหมือนสมองจะแตกออก ระเบิดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย นอกจากเจ็บปวดที่รุนแรงแล้วยังรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออก เหมือนครั้งก่อนที่ถูกเงาผีบีบคอ
ค่ำคืนนี้ช่างยาวนานนัก ถังเฉียนราวกับถูกกดไว้บนเตียง ใบหน้าแดงก่ำ นางต่อต้านอย่างสุดชีวิต แต่มือนางไม่อาจสัมผัสพลังที่ไร้รูปร่างนั่นได้เลย
ไม่รู้ว่าพลังกลุ่มหนึ่งมาจากไหน ซึ่งมันต่างจากที่นางเคยรู้จักอย่างสิ้นเชิง เถิงเฟิงก็ไม่อยู่ นางเป็นเหมือนเด็กโดดเดี่ยวที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ได้แต่ดิ้นรนสุดกำลังเหมือนกำลังจมน้ำ
“ช่วยข้าด้วย ช่วยข้าด้วย…ใครก็ได้ช่วยข้าด้วย…”
สมองถังเฉียนนึกถึงคำพูดประโยคนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า นางยิ่งดิ้นก็ยิ้งรู้สึกว่าอากาศในทรวงอกเหมือนถูกทับจนหายไปหมด ความรู้สึกเช่นนี้เหมือนอยู่ห่างจากความตายเพียงก้าวเดียว
“อาหรูน่าไม่ต้องกลัว มีข้าอยู่!”
ทันใดนั้นสมองก็นึกถึงเสียงที่คุ้นเคย ชั่วขณะที่นางเกือบจะยอมแพ้ เกือบจะหมดเรี่ยวแรงดิ้นรน พลังโถมเข้ามาในสมองตน มีพลังอำนาจจนทำให้พลังประหลาดที่ทำร้ายตัวนางถูกขับไล่ออกไปจนหมดสิ้น หลังจากนั้นนางก็นอนสงบนิ่งอยู่ในห้องตนเอง เห็นอาห่าวบุกเข้ามาในห้อง แต่นางกลับทำอะไรไม่ได้ เพียงแต่มองดูผู้คนที่ยืนล้อมตนเองอยู่
“มีคนใช้แมลงพิษทำร้ายอาหรูน่า ใครกันที่ลงมืออย่างโหดเ**้ยมเช่นนี้ ท่านอ๋องโปรดให้ความกระจ่างแก่ข้าและอาหรูน่าด้วย”
คนของจวนอ๋องและพวกเค่ออี้ต่างมากันแล้ว แต่ถังเฉียนไม่สามารถควบคุมร่างกายตนเองได้เลย นางเพียงแต่มองเห็นและได้ยิน แต่อ้าปากไม่ได้ เหมือนหุ่นกระบอกที่ถูกควบคุม
“แมลงพิษ? ท่านหมอฮว่าเหยียน เรื่องนี้ท่านทำให้ท่านอ๋องของเราลำบากใจแล้ว แมลงพิษไม่ใช่เรื่องที่คนของจวนจินซิวอ๋องเชี่ยวชาญ เกรงว่าจะมีคนอิจฉาฐานะของคุณหนูอาหรูน่า อย่างเช่น…”
เมื่อเจิ้งจยาเฉิงไม่อยู่ หวังหลงจึงกลายเป็นคนสนิทที่สุดข้างกายฉู่จิ่งเหยา ฉู่จิ่งเหยาไม่อยากพูดแก้ตัว แต่หวังหลงไม่อาจทนเห็นคนอื่นข่มเหงอ๋องของพวกตนได้
“ท่านหมอ สภาพของคุณหนูอาหรูน่าน่าห่วงมาก เราคิดว่าในเมื่อเชิญผู้อาวุโสเผ่าอินทรีเงินมาแล้ว ถ้าจะส่งท่านอ๋องไปยังเขาศักดิ์สิทธิ์ สู้ส่งคุณหนูอาหรูน่าไปจะดีกว่า ท่านอาวุโสและเหล่าผู้อาวุโสต้องมีวิธีช่วยอย่างแน่นอน เห็นได้ชัดว่านางถูกคนจับดวงวิญญาณเอาไว้”
ฮว่าเหยียนเห็นสภาพถังเฉียนก็รู้ว่าเป็นสภาวะเร่งด่วนไม่อยากทำให้สภาพการณ์เลวร้ายลงจึงพยักหน้าเห็นด้วย แล้วเห็นถังเฉียนลืมตาขึ้นเล็กน้อย แต่ขยับร่างกายไม่ได้เลย ในแววตาฮว่าเหยียนฉายแววตื่นตระหนกและปวดร้าวใจ