ตอนที่ 186 หลอกล่อ
ฮว่าเหยียนกลับมาที่ห้องของตน แต่ยังไม่คลายความวิตก แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่นางมาที่เขาศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ แต่นางรู้สึกว่าหัวหน้าผู้บวงสรวงที่พบหน้ากันวันนี้มีความหวั่นวิตกต่อนาง ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้นางไม่สบายใจ ยิ่งอยู่ในห้องก็ยิ่งรู้สึกอึดอัด
นางจึงออกมานอกห้อง เดินเล่นในสวนดอกไม้ แล้วคิดทบทวนท่าทีในวันนี้ของเถิงเจิน
เมื่อเดินออกจากทางเดินคดเคี้ยว ด้านหลังของเขาศักดิ์สิทธิ์มีป่ารกทึบ มีภูเขาเทียมและสวนดอกไม้ นางเดินไปข้างหน้าระยะหนึ่ง เนื่องจากจิตใจนางรู้สึกสับสน จึงทำให้นางหลงทาง นางเดินหลงอยู่ในสวนดอกไม้ด้านหลัง
“ข้าไม่ควรเดินตามลำพังไกลเช่นนี้ เดินหลงในสวนบ้านคนอื่น ช่างน่าอายเสียจริงๆ”
ฮว่าเหยียนอยากเจอคนเพื่อจะถามทาง หากแต่ยิ่งเดินก็ยิ่งดูเปลี่ยวขึ้น
“ช่างไม่เอาไหนเสียเลย ไหนเจ้าบอกว่าได้ผลแน่นอนไม่ใช่หรือ เหตุใดตอนนี้นางจึงยังมีชีวิตอยู่”
ฮว่าเหยียนเดินมาถึงหลังก้อนหินใหญ่ ได้ยินเสียงพูดดังขึ้นข้างๆ เดิมนางตั้งใจจะไปสอบถามเส้นทาง แต่แล้วกลับได้ยินคำพูดเช่นนี้ ทำให้นางตกใจ รีบหาที่ซ่อน แอบฟังพวกเขาคุยกัน
“ตอนนี้นางมีชีวิตแล้วต่างจากตายแล้วตรงไหน คุณหนูใหญ่ นางเป็นถึงฮูหยินหัวหน้าผู้บวงสรวงในอนาคต หากข้าเล่นงานนางถือเป็นความผิดอย่างมหันต์ ที่นี่คือเขาศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่ข้างนอก ถ้าไม่ใช่เพราะ…”
เสียงคนผู้นั้นเบาลงทุกที ฮว่าเหยียนได้ยินไม่ชัด นางจึงขยับเข้าไปใกล้ อยากฟังให้รู้แน่ว่าเป็นใคร แต่เกิดเหยียบพลาด ทำให้คนพวกนั้นรู้ตัว
“มีคนแอบฟัง!”
พอได้ยินเสียงผู้หญิงพูดเช่นนี้ ฮว่าเหยียนจึงรู้ตัวว่าตนเองเผยตัวออกไปแล้ว นางไม่กล้าอยู่ต่อ รีบมุดเข้าไปในพงหญ้าข้างๆ ทันที แอบดูว่าเป็นใครเดินออกมา ผู้หญิงที่ออกคำสั่งไม่ได้ออกมา ที่ออกมากลับเป็นชายผู้หนึ่ง ฮว่าเหยียนเห็นหน้าเขาชัดเจน นางรู้จักชายคนนี้
“คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเจ้า”
ชายคนนั้นมองดูรอบๆ ไม่กล้าอยู่ที่นี่ต่อ แล้วผละจากไปทันที ฮว่าเหยียนนั่งยองๆ อยู่ในพงหญ้าครู่หนึ่ง จะอย่างไรนางก็ไม่สามารถกลับไปได้ สู้นั่งครุ่นคิดว่าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไรดีกว่า
ฮว่าเหยียนเดินหลงอยู่ในสวนเป็นเวลานานกว่าจะสามารถกลับมาที่ห้องได้ ขณะที่กำลังผลักประตูเปิดออกไปก็รู้สึกถึงความผิดปกติ เหตุใดรอบๆ จึงเงียบสงบเช่นนี้ กลิ่นในอากาศก็เกิดการเปลี่ยนแปลง นางจำสภาพที่นี่ก่อนจะออกไปได้
นางรู้ว่าในห้องมีคนอื่น แต่นางไม่กระโตกกระตาก ล้วงมีดสั้นออกมา ร้องเรียกผึ้งดำของตนเบาๆ จากนั้นจึงเปิดประตูออก เดินเข้าไปในห้อง และหันกลับมาปิดประตู ยังจงใจใส่กลอนประตู จากนั้นจึงพูดขึ้นลอยๆ ว่า
“เขาศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่สถานที่วิเศษอะไร แม้แต่คนรับใช้ก็ไม่รู้จักทำหน้าที่ จนถึงเวลาต้องจุดไฟแล้วยังปล่อยให้ห้องพักของแขกมืดสนิทเช่นนี้ หรือว่าดูถูกญาติผู้ใหญ่อย่างข้า”
ฮว่าเหยียนพูดพลางใช้หินเหล็กไฟจุดเทียนไข แล้วจุดเทียนที่เหลือในห้อง จากนั้นจึงถือตะเกียงเดินไปที่โต๊ะหนังสือ พลิกอ่านหนังสือบนโต๊ะ อ่านอยู่นาน คืนนี้นางไม่ได้นอน พลิกอ่านหนังสือเล่มเดิม ตรงที่ไม่เข้าใจยังพลิกอ่านซ้ำๆ
“ท่านหมอฮว่าเหยียน ท่านหัวหน้าผู้บวงสรวงเชิญท่านไปพบ”
ข้างนอกเป็นเสียงของหรูอี้ ฮว่าเหยียนได้ยิน แต่แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน นางใช้มือยันศีรษะอ่านหนังสือพลางพยักหน้าไม่หยุด แล้วดูเหมือนจะผล็อยหลับไปแล้ว
ในห้องมีเงาดำกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้น มันค่อยๆ ลอบไปที่หน้าต่าง เงาดำดูเหมือนคน แต่กลับไม่เห็นร่างคน
ตอนที่ 187 จับเงาดำ
ที่หน้าประตูไม่มีความเคลื่อนไหวใดใด หรูอี้ทำหน้าที่มาถ่ายทอดคำเชิญ นางไม่กล้ารบกวน ฮว่าเหยียนโดยพลการ แม้นางจะไม่ใช่หมอผีศักดิ์สิทธิ์ แต่ด้วยความสัมพันธ์กับอาหรูน่า ทำให้ฐานะนางสูงขึ้น หรูอี้ยืนลังเลอยู่ที่หน้าประตู
แต่กลอนประตูเคลื่อนเล็กน้อย แม้เสียงจะเบา แต่หรูอี้ได้ยินทันที จึงชะงักเล็กน้อย แล้วเห็นเงาร่างบนหน้าต่าง นางตกใจ แล้วรีบหาที่ซ่อนตัว
กลอนประตูถูกถอด ประตูเปิดออกเล็กน้อย หรูอี้เห็นเงาดำยืนอยู่ที่ปากประตู แต่ไม่เห็นร่างคน นางแน่ใจทันทีว่านี่คือเงาผีของนิกายเทพมังกร พวกนี้กล้าขึ้นมายังเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วหรือ รนหาที่ตายชัดๆ
หรูอี้คีบเข็มทองคำไว้ในมือ จากนั้นก็เห็นประตูกลับถูกปิดดังปัง มีเสียงตะโกนหวีดแหลมดังขึ้น จากนั้นในห้องก็เกิดความวุ่นวาย หรูอี้ตะโกนเรียกให้คนช่วย ตัวนางเฝ้าอยู่นอกห้อง
ในห้องฮว่าเหยียนใช้เข็มทองคำประจำตระกูลแทงใส่ร่างเงาดำ เข็มเล่มหนึ่งแทงถูกที่จุดสำคัญบนร่างมัน เงาดำส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดสุดขีด
เข็มทองตระกูลฮว่าไม่อาจถอนออกได้ง่ายๆ ตอนที่เพิ่งเข้ามาในห้องฮว่าเหยียนสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ ก่อนหน้านี้นางได้ยินในสิ่งที่ไม่ควรได้ยิน ย่อมรู้ว่ามีคนต้องการฆ่านางเพื่อปิดปาก เมื่อนางได้กลิ่นประหลาดในห้อง จึงกลั้นลมหายใจ แกล้งอ่านหนังสือเพื่อล่อคนผู้นี้ออกมา ในห้องมีมุมมืดมากเกินไป เข็มทองคำในมือก็มีจำนวนจำกัด ถ้าไม่สามารถแทงถูกเงาผีอย่างน้อยสามจุด มันก็ยังสามารถหนีไปได้
“หรูอี้ เข้ามาล่ามเขาไว้!”
หรูอี้ได้ยินที่ฮว่าเหยียนสั่งก็ผลักประตูเข้ามาทันที ใช้ด้ายแดงร้อยใส่เข็มแล้วพันรอบร่างมัดคอเงาผีไว้ ฮว่าเหยียนใช้เข็มทองคำอีกเล่มแทงเข้าไปในร่างมัน นอกห้องมีเสียงตะโกนร้องดังขึ้น จากนั้นก็เห็นคนผู้หนึ่งเดินมาถึงหน้าประตูแล้วล้มลงหมดสติทันที
เถิงเจินและอิ๋นซานได้รับรายงานเรื่องนี้ พอมาถึงทุกอย่างก็เรียบร้อยแล้ว คนผู้นี้ชื่อเค่อหมิง เป็นหนึ่งในคนที่ลงเขาไปกับเค่ออี้เพื่อไปรับถังเฉียน เขาหน้าตาคมสัน บนใบหูมีไฝดำเม็ดหนึ่งทำให้จำได้ง่าย
“เกิดอะไรขึ้นกับเค่อหมิง”
อิ๋นซานร้อนใจเมื่อเห็นเค่อหมิงนอนหมดสติอยู่บนพื้น เตรียมสั่งให้คนพาไปดูแล แต่หรูอี้บอกว่า
“พระแม่ เค่อหมิงฝึกวิชาแยกวิญญาณของนิกายเทพมังกร คิดจะใช้เงาผีทำร้ายคน”
ฮว่าเหยียนเดินออกมาจากห้อง เงาผีในมือนางเป็นหลักฐาน ร่างแยกเงาผีเป็นเหมือนดวงวิญญาณของคนผู้นี้ ถ้าได้รับบาดเจ็บจะส่งผลอย่างใหญ่หลวงต่อตัวคน หลายคนเสียสติหรือพิการเพราะสาเหตุนี้ ฮว่าเหยียนลงมือทำลายดวงตาข้างหนึ่งของเขา เมื่อเงาผีตกอยู่ในมือคนอื่น อยากจะทำร้ายอย่างไรก็ได้ ไม่สามารถขัดขืนได้
“เค่อหมิง ไฉนเป็นเค่อหมิง เขาเป็นเด็กที่ซื่อที่สุด”
อิ๋นซานพึมพำ นางไม่อยากเชื่อว่าเขาจะทำเรื่องเช่นนี้ ดวงตาฉายแววไม่มั่นใจออกมา แต่สิ่งที่เห็นตรงหน้าเป็นเครื่องพิสูจน์ สรุปก็คือคนอื่นย่อมไม่สามารถทำให้เขาปล่อยเงาผีออกมา จึงไม่อาจปฏิเสธได้
“วันนี้ข้าบังเอิญได้ยินเขาพูดคุยกับเด็กสาวผู้หนึ่งในสวนดอกไม้ด้านหลัง คงถูกเขามองออกว่าข้าเป็นใคร ถึงฉวยโอกาสตอนค่ำมาสังหารข้า คิดว่าเขาอยู่บนเขานาน จึงไม่รู้ว่าคนภายนอกก็มีเล่ห์เหลี่ยมสูง ข้าจุดธูปฮุ่ยหมิง ไว้ในห้อง ไม่ว่าอะไรจะเข้ามาข้าจะสามารถรู้ได้”