ตอนที่ 202 พี่ใหญ่
ถังเฉียนตะลึงไปครู่หนึ่ง เวลานี้นางครุ่นคิดมากมาย แต่ฟังที่ฮว่าเหยียนพูดก็รู้สึกแปลกใจ ตัวนางไม่ได้ถือว่าฉู่จิ่งเหยาเป็นผู้อาวุโส แต่เมื่อดูสีหน้าฮว่าเหยียนแล้วก็ไม่อาจพูดอะไรที่จะทำให้เดือดร้อนอีก
เถิงเฟิงรีบฉวยโอกาสพูดว่า
“ท่านพ่อ ท่านพูดอะไรบางสิ หากท่านไม่พูด อาหรูน่าจะคิดว่าท่านไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้ นางขี้ขลาด เจอกันครั้งแรก อย่าทำให้นางกลัวเลย”
เถิงเฟิงเพิ่งพูดจบ ก็มีคนผู้หนึ่งเดินเข้ามา เขาสวมชุดสีม่วง ผิวขาวผ่อง บนศีรษะคาดรัดเกล้าหยก ดูราวกับเทพบุตรจำแลง เป็นครั้งแรกที่ถังเฉียนเห็นผู้ชายที่หล่อเหลาเช่นนี้ แต่วันนี้เป็นวันพบหน้าพ่อแม่สามี บรรยากาศใหญ่โตจริงๆ ทั้งยังมีคนมากหน้าหลายตา
“พี่ใหญ่ พี่มาได้อย่างไร”
เถิงเฟิงยืนขึ้นด้วยความตื่นเต้น ดึงตัวถังเฉียน ยิ้มแล้วพูดกับนางว่า
“อาหรูน่า นี่พี่ใหญ่ข้าเอง เถิงอวิ๋น”
เถิงเฟิงตั้งใจให้ทั้งสองพบหน้ากัน ถังเฉียนเห็นลักษณะของเถิงอวิ๋นเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลามาก อดพูดไม่ได้ว่า
“มิน่าล่ะ พวกสาวใช้ล้วนบอกว่าคุณชายใหญ่หาใครเทียบได้ คิดดูแล้วที่คุณชายยังหาฮูหยินไม่ได้ก็สมควรแล้ว”
“เอ๊ะ”
อิ๋นซานขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกไม่พอใจอาหรูน่า แต่แล้วนางก็พูดต่อทันที
“ท่านท่าทางราวกับเทพบุตร เกรงว่าคงต้องเสาะหาเทพธิดากระมังจึงจะคู่ควร แต่หญิงงามอย่างฮูหยินผู้บวงสรวง คิดว่าคงหาไม่ได้ง่ายๆ อาจจะต้องใช้เวลานานเสียหน่อย”
อิ๋นซานรู้สึกว่าถังเฉียนช่างพูด จึงยิ้มแล้วบอกว่า
“เอาล่ะ เอาล่ะ พวกเจ้าเด็กๆ ออกไปก่อน พวกผู้ใหญ่เราจะหารือเรื่องของพวกเจ้า อวิ๋นเอ๋อร์ มานี่…”
ขณะที่เถิงเฟิงกับถังเฉียนเตรียมจะออกไป เถิงเจินซึ่งเงียบมาโดยตลอดก็พูดขึ้นครั้งแรก
“ท่านอ๋อง มีอะไรก็พูดตรงๆ ได้ เรื่องของเด็กๆ ปล่อยให้พวกผู้หญิงตัดสินใจกันเองดีกว่า เผ่าพีส่าเราสนับสนุนการแต่งงานอย่างอิสระตลอดมาแต่ที่เมื่อครู่ท่านอ๋องรวมทั้งที่อาหรูน่าเอ่ยถึงคำสั่งพ่อแม่และคำพูดของพ่อสื่อแม่สื่อล้วนไม่สำคัญ แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเด็กคนนี้อยู่ในจวนอ๋องนาน จึงติดนิสัยยึดติดแบบแผนหรือไม่”
ถังเฉียนฟังคำพูดนี้ ไม่รู้สึกว่าเป็นการเหน็บแนม แต่กลับแปลกใจ ที่ฉู่จิ่งเหยามาที่นี่ ไม่น่าจะเพื่อเรื่องเล็กๆ นี้ ฉู่จิ่งอ๋องพูดแล้ว มุมปากเขามักจะแฝงด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น แต่วันนี้กลับดูเย็นชา
“ข้ามาที่นี่ที่จริงมีเรื่องอื่น แต่ท่านผู้บวงสรวง ท่านไม่ธรรมดาจริงๆ ข้าไม่ต้องเอ่ยปากท่านก็รู้แล้ว แต่อาหรูน่าเป็นผู้มีพระคุณของข้า การแต่งงานของนาง ข้าหวังว่าท่านผู้บวงสรวงกับนายแม่จะให้ความสำคัญ”
เถิงเจินหันมาทางอิ๋นซานแล้วพยักหน้าเล็กน้อย เป็นการแสดงว่ามอบเรื่องนี้ให้นางจัดการ นางยินดีลงแรงเพื่อการแต่งงานของลูกชาย แต่เถิงเฟิงและถังเฉียนไม่ได้ผละออกไป ฟังว่าฉู่จิ่งเหยาจะพูดอะไรอีก
“ชายารองของข้าป่วย ไม่รู้ว่าเกิดจากสาเหตุใด ท่านหมอก็ยังหาวิธีรักษาไม่ได้ จึงให้ข้ามาพบท่านผู้บวงสรวง เพื่อถามว่าจะรักษาเช่นไร”
เถิงเจินพยักหน้า แล้วพูดว่า
“เราสามเผ่าผูกพันกัน เมื่อท่านป้ากำชับลงมา ย่อมควรปฏิบัติตาม ก่อนหน้านี้ก็ส่งนักโทษหญิงคนหนึ่งมา ไม่รู้ว่าเป็นชายารองที่ท่านอ๋องเอ่ยถึงหรือไม่ ยังมีนักโทษเด็กอีกคนก็ถูกขังไว้แล้ว ข้าตรวจสอบวิญญาณทั้งสองคนนั้นแล้ว คนหนึ่งดวงวิญญาณถูกล่ามไว้ กลับจัดการง่ายแต่อีกคน น่าแปลกจริงๆ”
เถิงเจินหยุดพูด เพราะเขาไม่เคยพบเห็นอาการป่วยที่ประหลาดเช่นนี้ ทำให้เขาไม่รู้ว่าจะพูดเช่นไรดี เช้าวันนี้ทั้งสองถูกส่งตัวมาแล้ว แม้เถิงเจินจะอยู่ที่เขาศักดิ์สิทธิ์ตลอด แต่ก็รับรู้เรื่องราวภายนอก
เค่ออี้รายงานฐานะของทั้งสองให้รู้ก่อนแล้ว แต่เถิงเจินต้องแกล้งทำเหมือนไม่รู้เรื่องราว จึงจะไม่แสดงว่าเขาทำผิดพลาด
ตอนที่ 203 อาการป่วยของซูซินเหลียน
ถังเฉียนคิดไม่ถึงว่าซูซินเหลียนจะอยู่ที่นี่ด้วย รวมทั้งถังเวยน้องสาวของนาง นั่นทำให้นางวิตกเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าท่านอ๋องจะลงโทษนางเช่นไร
แม้ถังเฉียนจะร้อนใจมาก แต่ภายนอกกลับไม่แสดงออกแม้แต่น้อย ถึงจะเผชิญหน้าด้วยก็ไม่แสดงอาการกระวนกระวายออกมา
ฉู่จิ่งเหยาฟังเช่นนี้ก็ไม่รู้สึกแปลกใจ จึงพูดว่า
“เสด็จพ่อพระราชทานพระชายารองให้แก่ข้า เป็นชายาที่ถูกต้องตามแบบแผนของข้า เวลานี้นางป่วย ข้าจึงย่อมต้องรักษานางให้ดี แต่จะรักษาหายหรือไม่ จะรักษาเช่นไร คงต้องรบกวนท่าน นับตั้งแต่ที่ข้ามาถึงเผ่าม้ง ตลอดมาก็อาศัยทุกท่านทุกเรื่องทั้งอาหารการกิน ข้าไม่เคยลืมบุญคุณ ครั้งนี้ท่านช่วยพระชายารองไว้ ข้าต้องขอขอบคุณอย่างยิ่ง”
เถิงเจินได้ยินคำพูดเช่นนี้ก็ไม่มีความเห็นอย่างอื่น เพียงแต่คิดถึงอาการป่วยของซูซินเหลียนตลอดเวลา
“ท่านอ๋อง ท่านไม่จำเป็นต้องเอ่ยคำว่าขอบคุณ พวกเราล้วนมีความผูกพันกัน แต่อาการป่วยของพระชายารองค่อนข้างประหลาด พวกเราเองล้วนไม่เคยพบเห็น จึงตั้งใจเรียกเถิงอวิ๋นกลับมา ช่วยกันออกความเห็น”
เถิงอวิ๋นได้ยินบิดาเอ่ยถึงตน จึงรีบออกมาคารวะ เถิงเฟิงบอกว่า
“ท่านอ๋อง อย่าเห็นว่าพี่ชายข้ายังหนุ่ม เขาเป็นถึงยอดคนที่มีชื่อเสียงของเผ่าเรา ตั้งแต่เด็กเขาก็เป็นอัจฉริยะที่อ่านอะไรผ่านตาก็สามารถจำได้หมด ศึกษาตำราโบราณมากมาย สามารถทำให้ท่านพ่อเรียกพี่ใหญ่กลับมา แสดงว่าท่านพ่อให้ความสำคัญกับอาการป่วยของพระชายารอง ท่านอ๋องวางใจเถอะ จะต้องรักษาโรคให้พระชายารองได้เป็นแน่”
ได้ยินว่าพี่ชายของเถิงเฟิงเป็นคนที่คลั่งไคล้การค้นคว้าโรคประหลาดต่างๆ โดยเฉพาะซูซินเหลียนที่ป่วยโดยไม่รู้สาเหตุ ไม่รู้ต้นตอของโรค สรุปก็คือประหลาดนั่นเอง
“เราคุยกันที่นี่ จะมีความหมายใดเล่า ไปดูคนป่วยกันดีกว่า”
ที่บอกว่าเขาคลั่งไคล้นั้นเป็นความจริง พูดเพียงสองคำก็อยากออกไปแล้ว ถังเฉียนกลับชอบคนที่ตรงไปตรงมาเช่นนี้ เห็นแล้วประทับใจ ฉู่จิ่งเหยาก็มีความเห็นตรงกัน แต่ตำหนักใหญ่ไม่สะดวก จึงเลือกห้องเล็กด้านข้าง ซูซินเหลียนกับถังเวยรออยู่ที่นั่นแล้ว
“เจ้าดูแล้ว เป็นเช่นไรบ้าง ใช้วิชาตรวจสอบวิญญาณกับนางไม่ได้ผล ราวกับว่าในตัวนางมีวิญญาณสองดวง เราไม่เคยเจอสภาพเช่นนี้มาก่อน ช่างแปลกจริงๆ”
เถิงเจินยิ่งพูดเช่นนี้ เถิงอวิ๋นก็ยิ่งตื่นเต้น เขาใช้มือค่อยๆ รวบเส้นผมซูซินเหลียนที่ยาวขึ้น หยิบมีดเล็กออกมาตัดผมปอยหนึ่ง ใส่ไว้ในถาดเล็กใบหนึ่ง จากนั้นสั่งให้คนนำตัวนางออกไป
ซูซินเหลียนเพิ่งฟื้น ก็ถูกคนดึงผมขึ้น นางมองดูทุกคนด้วยสีหน้าไม่พอใจ ดูเหมือนจะโกรธมาก ทั้งยังดูไร้เดียงสา
“ท่านหมอ ช่วยข้าด้วย!”
นางเห็นถังเฉียนในกลุ่มคน แล้วโผเข้ามาหาราวกับเจอฟางเส้นสุดท้าย ยังดีที่เถิงเฟิงยืนขวางอยู่ นางจึงทำร้ายถังเฉียนไม่ได้
“เหตุใดพระชายาจึงกลายเป็นเหมือนผีเช่นนี้ นางเสียสติจริงหรือ”
ถังเฉียนสั่นหัว แสดงว่านางเองก็ไม่รู้ นางไม่รู้ว่าซูซินเหลียนเป็นอะไรไป แต่ถังเฉียนก็ประหลาดใจมากที่จู่ๆ นางกลับกลายเป็นเช่นนี้”
“ท่านอ๋อง ข้าคือซูซินเหลียน พ่อข้าคือมหาเสนาบดีรัชกาลนี้ อาหญิงข้าเป็นกุ้ยเฟย พวกเจ้าทำอะไรข้าไม่ได้ จะทำอะไรข้าไม่ได้”
ซูซินเหลียนพูดเช่นนี้ซ้ำไปซ้ำมา ทำให้ทุกคนล้วนรู้สึกแปลกใจ ถังเฉียนเหลือบมองคนข้างๆ ไม่รู้ว่าเถิงอวิ๋นเอาอะไรวางไว้บนเส้นผมซูซินเหลียน จากนั้นจึงเอาเส้นผมมาเผาไฟ ในห้องมีกลิ่นแสบจมูกขึ้นทันที
“อวิ๋นเอ๋อร์ เจ้าเจอสิ่งใดหรือ”