ตอนที่ 204 เครื่องทดลอง
อวิ๋นเอ๋อร์สั่นหัว เชิดปากขึ้น ยิ้มแล้วพูดว่า
“ท่าทางนางแปลกมาก ไม่เหมือนกับคนที่เสียสติ แต่กลับเหมือนยืมศพคืนวิญญาณ”
เมื่อถังเฉียนได้ยินเช่นนี้ในใจก็เห็นด้วยทันที เป็นเรื่องที่ก่อนหน้านี้นางเองก็นึกถึง ทั้งซูซินผู้นั้นก็เคยเอ่ยถึง
นางไม่ใช่คนของโลกนี้ แต่มาจากสถานที่ที่เรียกว่าโลก ถังเฉียนเห็นว่าจำเป็นต้องเอ่ยเรื่องนี้ให้ทุกคนตรงหน้าได้รับรู้ บางทีถ้าพวกเขารู้แล้วอาจมีประโยชน์ต่อการรักษาซูซินเหลียน แม้นางจะไม่รู้ว่าจะมีผลแค่ไหนก็ตาม แต่ก็คงมีประโยชน์บ้าง
บิดานางเคยบอกว่าวิชาแพทย์จีนต้องให้หลักสี่ประการร่วมกันคือมองฟังถามและตรวจชีพจร จะขาดอย่างหนึ่งอย่างใดไม่ได้ สำหรับอาการป่วยของซูซินเหลียนนั้นต้องรักษาตามอาการ ถังเฉียนคิดเช่นนี้จึงพูดออกมาว่า
“ข้ามภพ”
“เป็นไปไม่ได้ เรื่องนี้เหลวไหลเหลือเชื่อเกินไป เจ้าเชื่อจริงๆ หรือ”
เมื่อนางพูดจบไม่ได้คาดหวังว่าทุกคนจะเชื่อ แต่นางก็ยังพูด เพราะนางคิดว่าในฐานะหมอควรจะรับผิดชอบต่อผู้ป่วย อิ๋นซานไม่กล้าจินตนาการถึงเรื่องการข้ามภพ กลับเป็นบรรดาผู้ชายตรงหน้าที่ยอมรับเรื่องการข้ามภพได้ง่ายกว่า
“เจ้าว่านางยังมีอีกชื่อว่าซูซิน มาจากสถานที่ที่เรียกว่าโลก แต่นางมาที่นี่เพียงวิญญาณใช่หรือไม่”
ถังเฉียนตอบว่า
“ใช่ นางบอกข้ามาเช่นนี้”
สองพ่อลูกเถิงเจินและเถิงอวิ๋นสบตากัน แล้วบอกให้คนอื่นผละออกไป แม้แต่ฉู่จิ่งเหยาก็ไม่ให้อยู่ จากนั้นจึงมองถังเฉียนแล้วถามว่า
“เจ้าเชื่อว่านางข้ามภพมาหรือ”
หลังจากเถิงเจินบอกให้ทุกคนออกไปแล้วจึงถามเช่นนี้ ถังเฉียนพยักหน้า นางไม่โกหกคนในครอบครัวของเถิงเฟิง นางทำใจไม่ได้ เพราะนางโกหกพวกเขามามากแล้ว
“ท่านพ่อ ข้าก็เชื่อ”
เถิงเจินถามอีก
“ดี เจ้าสองคนคิดหาวิธีทำให้ข้าเห็นซูซิน ไม่ว่านางจะแกล้งทำหรือป่วยจริง ข้าอยากเห็นตัวตนที่แท้จริง ที่เราต้องดูคือวิญญาณ จึงต้องเผชิญหน้ากัน”
เถิงอวิ๋นร้องอืม ขณะที่กำลังจะพูดซูซินเหลียนก็ชิงพูดก่อนว่า
“อาหรูน่า เจ้าช่างต่ำช้ามาก บังอาจทำร้ายข้าเช่นนี้ ต่อให้ข้ากลายเป็นผีก็จะไม่ปล่อยเจ้า ข้าถือว่าเจ้าเป็นเพื่อน แต่เจ้ากลับเอาความลับของข้าบอกให้คนอื่นรู้”
ถังเฉียนไม่เข้าใจ เหตุใดจู่ๆ นางก็พูดอย่างนี้ แต่ถัดมานางก็เห็นความเจ้าเล่ห์ในสายตา นี่ไม่ใช่สิ่งที่ซูซินเหลียนซึ่งเดิมเป็นคนอ่อนแอจะทำ
“เจ้าคือซูซิน?”
จู่ๆ ถังเฉียนก็พูดออกมา สองคนที่อยู่ข้างๆ หันมามองซูซินเหลียนทันที
“พี่ชายช่างหล่อเหลาจริง ไม่ได้ด้อยกว่าอ๋องนั่นเลย รอให้ข้ากำจัดเขาก่อน ค่อยมาหาเจ้า”
เถิงอวิ๋นฝืนยิ้มแล้วพูดว่า
“วางใจเถอะ ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปหรอก มีดวงวิญญาณสองดวงจริงๆ ท่านพ่อ ดูเส้นผมสิ ยังเปลี่ยนสีเลย ของล้ำค่าที่หายากเช่นนี้ ข้าไม่มีวันปล่อยให้หลุดมือหรอก ต้องเก็บเจ้าไว้ ให้ข้าใช้เป็นเครื่องทดลอง”
เครื่องทดลอง?
ถังเฉียนฉุกคิดขึ้นได้ พวกหมอผีและชาวเผ่าม้งชอบใช้คนเป็นเครื่องทดลองเพื่อทดสอบยาใหม่ของพวกเขา แม้ว่าซูซินเหลียนผู้นี้จะชั่วร้ายมาก แต่ในสายตาถังเฉียนกฌเป็นเพียงคนป่วยเท่านั้น
นางมองดูท่าทีเถิงอวิ๋น เขาไม่ได้พูดเล่นเลยสักนิด เมื่อหันมามองซูซินเหลียนหรือบอกว่าเป็นซูซิน นางก็รู้สึกกังวล บางทีนางอาจมีปัญหาหนักใจ
“นางเป็นชายารองของจินซิวอ๋อง เราจะฝืนรั้งตัวนางไว้หรือ เกรงว่าคงจะไม่เหมาะหรอก”
ตอนที่ 205 ตอบแทน
เถิงอวิ๋นมองถังเฉียน แต่ไม่พูดอะไร เพียงแต่เชิดมุมปากขึ้น รอยยิ้มของเขานัน้ดูสวยมาก แต่กลับให้ความรู้สึกเสียวสันหลัง
“ของดีเช่นนี้ อย่าปล่อยให้คนนอกเด็ดขาด บอกท่านอ๋องว่าโรคของนางต้องใช้เวลารักษานาน วันหลังหากท่านอ๋องสอบถาม ก็บอกว่านางตายแล้ว…”
ตายแล้ว? เห็นชีวิตคนเป็นผักเป็นปลาหรือ ถังเฉียนรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ไม่ได้ปฏิเสธ ไม่เช่นนั้นไม่รู้ว่านางจะมีโอกาสรอดชีวิตมายืนอยู่ที่นี่หรือไม่
“พวกเจ้าก็แค่คนโบราณที่ไร้ความรู้ เหตุใดจึงไม่รู้ว่าข้าต่างหากที่เป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูง อุบายตื้นๆ ของพวกเจ้า ข้าเห็นแล้วรู้สึกน่าขันสิ้นดี”
ถังเฉียนรู้สึกหวาดกลัวมาก คิดไม่ถึงว่าซูซินเหลียนจะพูดเช่นนี้ออกมา หากนางไม่ได้เป็นบ้า ก็ต้องไม่ใช่คนของโลกนี้อย่างแน่นอน แม้ว่าเดิมทีถังเฉียนจะไม่ใช่ชาวเผ่าม้ง แต่บัดนี้รู้แล้วว่าชาวเผ่าม้งนั้นโหดเ**้ยมอำมหิต นับแต่โบราณมาวิชาหมอผีก็ไม่ได้มีชื่อเสียงเพราะความเมตตา
“เจ้าเลิกพูดจาเหลวไหลได้แล้ว ทุกครั้งที่เจ้าพูดจบต้องมีเรื่องร้ายเกิดขึ้น ไม่รู้ว่าเจ้าทำนายอนาคตได้จริงหรือไม่”
จู่ๆ ก็หวนนึกถึงครั้งก่อนที่พวกเขานั่งรถม้า ซูซินเหลียนบอกว่าจะมีคนลอบสังหาร ก็มีคนร้ายลอบโจมตีจริงๆ ต่อมานางยังลงมือลอบทำร้ายอย่างเหนือความคาดหมาย บนตัวผู้หญิงคนนี้มีเรื่องน่าสงสัยมากมาย เถิงอวิ๋นมีสีหน้าที่คาดเดาได้ยาก เห็นได้ชัดว่าที่เมื่อครู่ถังเฉียนเอ่ยเรื่องการทำนายอนาคต ทำให้เขามีความรู้ใหม่เกี่ยวกับผู้ป่วยคนนี้
“ทำนายอนาคต?”
ซูซินเหลียนยืนขึ้น แม้ว่าโซ่ตรวนบนตัวจะหนักมาก แต่ก็ยืนขึ้นด้วยดวงตาที่แดงก่ำ มองคนตรงหน้าทั้งสามอยากเคียดแค้น
“พี่ชายรูปหล่อ ท่าทางโหดเ**้ยมของเจ้าช่างน่ามอง แต่วางใจเถอะ เดี๋ยวออกไปจากที่นี่ ข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่าข้าชอบเจ้า ผู้ชายหล่อเหล่าเช่นนี้ ถ้าไม่ขี้โมโหบ้าง ก็ไม่คู่ควรจะเป็นพระเอกของข้า”คำพูดพิลึกพิลั่นเหล่านี้ แม้ว่าถังเฉียนจะคุ้นเคยแล้ว แต่สองคนข้างๆ กลับตื่นตระหนก
เถิงเจินคอยสังเกตซูซินเหลียน เขาไม่เอ่ยปากพูดเลย เพราะอยากให้คนหนุ่มได้ฝึกฝนมากสักหน่อย
“อวิ๋นเอ๋อร์ เจ้าคิดว่าพระชายารองคนนี้เป็นเช่นไร”
เถิงอวิ๋นยิ้มแล้วว่า
“แม้ว่าคัมภีร์ประวัติศาสตร์จะไม่บันทึกไว้ แต่บรรพชนเคยกล่าวว่าโลกนี้กว้างใหญ่ไพศาล เต็มไปด้วยเรื่องแปลกประหลาด หญิงสาวผู้นี้เป็นเพียงเรื่องหนึ่งในนี้เท่านั้น เหมือนเผ่าพีส่าเราที่เป็นสิ่งแปลกบนโลกใบนี้ ขอเวลาข้าสักหน่อย ข้าจะต้องทำให้กระจ่างว่าเหตุนางจึงเป็นเช่นนี้”
ถังเฉียนมองดูสองพ่อลูกแล้วหันมามองซูซินเหลียน อดพูดไม่ได้ว่า
“ถ้าข้ามอบนางให้เจ้า เจ้าจะทำเช่นไรกับนาง”
เถิงอวิ๋นหยิบคีมด้ามหนึ่งจากด้านข้าง แต่พอมองดูนางก็รู้สึกว่าไม่พอใจ จึงเปลี่ยนเป็นเหล็กนาบที่เผาไฟจนแดง ถังเฉียนเห็นแล้วรู้สึกหวาดผวา คราวนี้ซูซินเหลียนมีท่าทางหวาดกลัวแล้ว
“พวกเจ้าอยากถามสิ่งใดก็พูดมาตรงๆ ข้าไม่มีเรื่องอะไรที่บอกพวกเจ้าไม่ได้ เหตุใดต้องใช้วิธีทรมานกันด้วย”
ถังเฉียนเองก็ขวางไม่ให้เถิงอวิ๋นใช้การทรมาน แต่เขามองซูซินเหลียนด้วยดวงตาเจิดจ้า ราวกับกำลังมองดูของล้ำค่า
“ไม่ต้องกล้ว ขอเพียงเจ้าร่วมมือดีๆ ข้าไม่ทำร้ายเจ้าหรอก ข้ารักทะนุถนอมศิลปวัตถุทุกชิ้น คนป่วยทุกคนของข้า”
ซูซินเหลียนมองมาที่ถังเฉียนแล้วพูดทันที
“เจ้าเชื่อไม่ใช่หรือว่าข้าไม่ใช่คนของโลกนี้ รีบช่วยข้าเถอะ วันหน้าข้าต้องตอบแทนเจ้าแน่”