ตอนที่ 248 ครั้งสุดท้าย
ถังเฉียนเดินกลับมาที่ห้องของตน ทั้งร่างเปียกโชก นางอยากลงหลักปักฐานที่นี่ อยากปกป้องคนใกล้ชิดของนาง ปกป้องตัวเอง มันช่างยากจริงๆ ที่นี่เหมือนมีโซ่ตรวนหนักอึ้งหลายชั้น เพียงแค่นางมีประโยชน์ต่อคนอื่นจึงจะสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ ไม่เช่นนั้นก็จะถูกคนอื่นฆ่า เพียงแค่ลงมือครั้งเดียวหรือคำพูดประโยคเดียว ชีวิตช่างไร้ค่าน่าเศร้ารันทดเช่นนี้เอง
“เจ้าไปไหนมา เหตุใดจู่ๆ ก็ได้ข่าวว่าเจ้าจะไม่หมั้นกับเถิงเฟิงแล้ว เจ้าบ้าแล้วหรือ ถ้าพลาดโอกาสดีๆ ที่หาได้ยากอย่างนี้ เท่ากับปล่อยให้หงหลิงเอ๋อร์ได้ประโยน์”
ถังเฉวียนรู้สึกสับสนมาก เมื่อกี้กำลังว้าวุ่นใจ มีหลายเรื่องที่นางไม่เข้าใจ นางจึงจงใจเดินตากฝนกลับมา มีแต่ทำเช่นนี้สติจึงจะแจ่มใสขึ้นได้
“เจ้าออกไปก่อนเถอะ มีหลายเรื่องที่ข้ายังไม่เข้าใจ”
ถังเฉียนผลักฮว่าเหยียนออกไปแล้วปิดประตูลงกลอน ไม่ว่าฮว่าเหยียนจะทุบประตูอย่างไร นางยังคงไม่ตอบ ยิ่งกลับมาคิดนางก็ยิ่งรู้สึกว่าตนเองตกลงไปในหลุมพรางที่ใหญ่มหึมา
เดิมนางยังคิดว่าหลุมพรางนี้มีเพียงนางเองที่ต้องจ่ายค่าตอบแทนสำหรับความโง่เขลาและหุนหันพลันแล่นของตนเอง แต่ขณะนี้ดูแล้ว ยังมีอีกคนที่น่าสงสารที่สุด นั่นคือเถิงเฟิง
เขากับนางมีชีวิตเชื่อมโยงกัน ถ้านางตาย เถิงเฟิงก็ต้องตาย ถ้าเขาตาย เถิงอวิ๋นจะเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์มากที่สุด เมื่อครู่นางคิดเพียงจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร คิดเพียงว่าทำอย่างไรน้องสาวนางจึงจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ นางเห็นแก่ตัวเกินไป สายตาที่คับแคบทำให้นางทำผิดพลาด
“ที่จริงข้าตายไม่ได้ ถ้าข้าตายเขาจะถูกเกี่ยวโยงด้วยมากที่สุด ถูกทำร้ายมากที่สุด”
ระหว่างทางในที่สุดถังเฉียนก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดเถิงอวิ๋นจึงช่วยหงหลิงเอ๋อร์ นางกับหงหลิงเอ๋อร์เป็นเบี้ยบนกระดาน ผู้ชนะคือเขา ผู้แพ้คือคนอื่นทั้งหมด คนอย่างเถิงอวิ๋นช่างน่ากลัวเหลือเกิน
“ไม่ได้ ข้าจะทำร้ายเถิงเฟิงอีกไม่ได้”
ถังเฉียนตัดสินใจจะออกไปบอกให้เถิงเฟิงรู้ แต่พอออกจากห้องก็เห็นหน้ากากที่เย็นชาของฮว่าเหยียน นางซ่อนอยู่หลังหน้ากาก น้ำเสียงเยือกเย็นเป็นพิเศษ
“เจ้าคิดจะไปไหน เวลานี้เจ้าควรคิดให้ดีว่าจะแก้ไขการหมั้นหมายระหว่างเจ้ากับเถิงเฟิงให้กลับคืนมาได้อย่างไร”
ถังเฉียนฟังที่นางย้ำเตือนก็หันมา บนศีรษะนางยังมีน้ำฝนหยดลงมา ดวงตาดูเลื่อนลอย แล้วพูดว่า
“ข้ากำลังไป ท่านหมอฮว่าเหยียนจะไปด้วยหรือไม่”
ฮว่าเหยียนคิดไม่ถึงว่าถังเฉียนจะว่าง่ายเช่นนี้ กลับทำให้รู้สึกไม่อยากเชื่อ จึงอดถามไม่ได้
“เจ้าคิดดีแล้วนะ จะไปหาเถิงเฟิง ไม่ใช่เถิงอวิ๋น เจ้าหนุ่มนั่นหน้าตาหล่อเหลา แต่ข้าว่าเขาเป็นคนเจ้าเล่ห์ เจ้าอย่าไปข้องแวะกับเขาจะดีว่า”
ถังเฉียนร้องอืมแล้ววิ่งออกไปโดยไม่มีร่ม ห้องของนางอยู่ใกล้กับเถิงเฟิง เลี้ยวสองหนก็ถึงหน้าห้องเขาแล้ว
อาห่าวซึ่งเฝ้าประตูอยู่เห็นนางก็ลังเลไม่กล้าปล่อยให้นางเข้าไป หากแต่ถังเฉียนถือว่าเป็นเจ้านายเขาเช่นกัน อาห่าวจึงไม่กล้าขัดขวาง ได้แต่มองดูถังเฉียนบุกเข้าไป แต่ไม่เหมือนกับที่นางคาดการณ์ เถิงเฟิงไม่เศร้าเสียใจ กลับอิงแอบอยู่กับหงหลิงเอ๋อร์ในศาลา ฟังเสียงฝนตกด้วยกัน
“แม่นาง เจ้านายนาง นาง…”
ถังเฉียนยืนมองฉากนี้กลางสายฝน ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดนางจึงรู้สึกปวดร้าวใจ บางทีนางคงคิดผิดแล้ว เหตุใดโลกนี้จึงมีคนมองทะลุหัวใจถังเฉียนตั้งแต่เห็นนางครั้งแรก รู้ว่านางจะทำอะไร ก็แค่นางคิดว้าวุ่นไปเอง คงอยากมีข้ออ้างให้เถิงเฟิง
ที่จริงนางน่าจะเข้าใจดีแต่แรก ในใจเถิงเฟิงนั้นไม่เคยมีนาง มีเพียงเงาของอาหรูน่าเท่านั้น
“ข้ารู้แล้ว ข้าคิดเพ้อเจ้อไปเอง บอกเจ้านายเจ้าด้วย ขอบใจที่เขาเคยดูแลข้า ข้าจะไปแล้ว คราวหน้าขอให้เขาดึงพรกลับไปด้วย ช่วงชีวิตที่เหลือข้าไม่ต้องการเกี่ยวข้องอะไรกับเขาอีก”
ตอนที่ 249 ความเจ็บปวดจากรักแรก
ถังเฉียนไปแล้ว ครั้งนี้นางเจ็บปวดสุดขีดอย่างแท้จริง การคาดเดาและเพ้อฝันของนางกลายเป็นม่านน้ำที่ตกลงพื้นไม่อาจกลับคืนเหมือนเดิมได้อีก ครั้งนี้นางไม่อยากกลับไปเพื่อเผชิญกับการเค้นถามจากฮว่าเหยียน นางเดินไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าจะไปที่ใด สุดท้ายก็ปีนขึ้นไปถึงบนหลังคาห้องของฉู่จิ่งเหยา แต่คราวนี้นางไม่ได้ตากฝน เพราะข้างๆ มีคนกางร่มให้
“เด็กโง่ ร้องไห้เพราะเหตุใด”
ถังเฉียนไม่รู้ว่าเหตุใดตนเองจึงมาที่นี่ เหตุใดต้องวิ่งมาร้องไห้ถึงที่แห่งนี้ บางทีอาจจะเป็นเพราะนางอยากหาสถานที่ที่สงบเงียบ จะได้ร้องไห้ได้อย่างเต็มที่ ฉู่จิ่งเหยาเดินไปข้างหน้า ไม่ได้ก้มลง เขาลดร่มลง ถังเฉียนกอดขาขวาฉู่จิ่งเหยาไว้แล้วร้องไห้
ต่อให้ลมฝนข้างนอกแรงมากก็ยังไม่แรงเท่าลมฝนในใจถังเฉียน ฉู่จิ่งเหยาเองไม่ได้พูดปลอบสิ่งใดแก่นางมาก เพียงแต่มองดูนาง ปล่อยให้นางกอดชายกระโปรงไว้แล้วร้องไห้ออกมาอย่างเต็มที่
ฉู่จิ่งเหยาเห็นร่างนางเปียกปอน มองไม่ออกว่าบนใบหน้าเป็นน้ำตาหรือน้ำฝน จนกระทั่งฝนซาลง นางจึงค่อยๆ หยุดร้องไห้ ร่างเล็กๆ ของนางกอดขาเขาไว้แล้วหมดสติไป ฉู่จิ่งเหยาอุ้มนางแล้วกระโดดลงจากหลังคา
นางก็แค่อยากทำร้ายตัวเองบ้าง เพื่อให้จดจำความเจ็บปวดของรักครั้งแรกให้ลึกซึ้งเป็นพิเศษ ฉู่จิ่งเหยาให้สาวใช้ไปส่งข่าวให้เถิงเฟิง สาวใช้กลับมาบอกว่าแม่นางหงหลิงเอ๋อร์กำลังดื่มสุราอยู่กับเถิงเฟิงอยู่ในบ้าน ไม่สะดวกที่จะเข้าไปแจ้ง
คำพูดนี้ทำให้ฉู่จิ่งเหยารู้แล้วว่าเหตุใดถังเฉียนจึงทุกข์ใจเช่นนี้ มิน่านางจึงจะไปกับเขา แต่การที่สาวใช้คนนั้นได้รับการใส่ใจจากนางมาก ไม่รู้ว่าเป็นบุญของนางหรือไม่
ถังเฉียนนอนป่วยหนึ่งวันเพราะตากฝนและเสียใจรวมทั้งวิตกเกินไป เพราะถังเวยได้รับวิญญาณและดวงจิตส่วนหนึ่งจากซูซินเหลียน เวลานี้ดวงตานางมีประกายขึ้นมาแล้ว ไม่พูดติดอ่างอีก ดูเหมือนเป็นคนเดิมแล้ว แต่อย่างไรนางก็นึกไม่ออกว่าถังเฉียนเป็นพี่สาวนาง แต่ซาบซึ้งในบุญคุณของถังเฉียนมาก
“ได้ยินอาห่าวบอกว่าเมื่อคืนเจ้ามาหาข้า ข้า…”
เถิงเฟิงมาแล้ว เมื่อเห็นถังเฉียนนอนป่วยอยู่ก็รู้สึกสับสน โดยเฉพาะฉู่จิ่งเหยานั่งอยู่ข้างๆ คอยเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของทั้งสอง ทำให้เขารู้สึกแปลก หากแต่ถังเฉียนยังไม่ตื่น ยังคงหลับตานอนพักอยู่บนเตียง เถิงเฟิงมาแล้ว หนังตาที่ปิดอยู่สั่นเล็กน้อย ย่อมดูออกว่านางตื่นแล้วเพียงแต่ไม่ยอมลืมตาขึ้นเท่านั้น
เช้านี้เถิงเฟิงได้ข่าวว่าถังเฉียนป่วย ขณะนี้นอนพักอยู่ในห้องของฉู่จิ่งเหยา เขาทั้งโกรธและเคียดแค้น แต่ก็รีบมา เห็นร่างเล็กๆ ของนางนอนขดอยู่ใต้ผ้าห่ม กลับไม่รู้ว่าควรจะโมโหหรือทุกข์ใจดี
“นางมาที่นี่ก็ล้มป่วย เห็นได้ว่าดวงชะตาของท่านอ๋องแข็งเกินไป ข่มดวงชะตานางโดยเฉพาะ วันหลังอย่าอยู่ใกล้นางเกินไป ป้องกันนางบุญวาสนาน้อย ถ้าไม่ระวังอาจจะทำร้ายนางได้”
ฉู่จิ่งเหยาฟังที่เขาตำหนิตนเองทั้งทางตรงและทางอ้อม เพียงแต่ยิ้มแล้วพูดว่า
“เมื่อคืนนางเดินฝ่าฝนไปหาเจ้า สุดท้ายไม่รู้ว่าเห็นอะไร เดินกลับมาดูเศร้าเสียใจมาก หมดสติอยู่ที่หน้าประตู ข้าคงไม่อาจถือเรื่องความแตกต่างของหญิงชายแล้วทิ้งนางไว้ข้างนอก หลังจากอุ้มนางเข้ามาก็ให้สาวใช้ไปแจ้งคุณชาย แต่ได้ยินว่าหงหลิงเอ๋อร์ค้างคืนอยู่กับเจ้า ไม่สะดวกจะเข้าไปแจ้ง จึงกลับมา”
ฉู่จิ่งเหยาพูดพลางเดินไปที่ข้างเตียงถังเฉียน จับชายแขนเสื้อนางไว้ ถอนหายใจแล้วพูดว่า
“เมื่อคืน ข้าคิดจะส่งนางกลับไป แม้นางจะยังเด็ก ยังไม่พูดเรื่องที่เมื่อคืนฝนตกหนัก นางยังยึดชายแขนเสื้อข้าไว้แน่นตลอดเวลา ร้องบอกว่าคนโกหก คนโกหก…”