ตอนที่ 250 เกลี้ยกล่อมให้คืนดีกัน
ฉู่จิ่งเหยายิ่งพูด สีหน้าเถิงเฟิงก็ยิ่งไม่สู้ดี แต่เขากลับหาคำพูดโต้แย้งไม่ได้ เพียงแต่ขอบตาแดงก่ำ
“ให้นางคิดว่าข้าเป็นคนโกหกก็ดี นับจากที่รู้จักข้า นางมีแต่เรื่องเดือดร้อน นางพูดถูก ข้าเป็นคนโกหก”
ฉู่จิ่งเหยาสั่นศีรษะแล้วพูด เขาจับชายแขนเสื้อนางไว้แน่น คราวนี้จับข้อมือนางโดยตรง แล้วพูดเลียนแบบถังเฉียนเมื่อคืน
“เถิงเฟิง พวกนั้นเป็นคนโกหก คิดจะทำร้ายเจ้า พวกนั้นจะทำร้ายเจ้า! เถิงเฟิง พวกนั้นเป็นคนโกหก!”
เถิงเฟิงขมวดคิ้วทันที ฉู่จิ่งเหยายังคงยิ้ม มองดูมือเถิงเฟิงที่คว้าแขนตนไว้แน่น เกรงว่าเขาจะรังแกถังเฉียน
“นางกลัวว่าเจ้าจะถูกหลอก เด็กสาวหน้าโง่ เจ้าหนุ่มหน้าโง่”
ฉู่จิ่งเหยาพูดจบก็ลุกขึ้น กระแอมแล้วพูดว่า
“ข้าจะไปพรุ่งนี้ มีบางเรื่องต้องคิดให้ดีก่อนแล้วค่อยลงมือทำ คำบางคำพูดทบทวนให้ก่อนแล้วค่อยพูด จากกันคราวนี้ อาจจะพลาดกันไปตลอด”
ฉู่จิ่งเหยาตบไหล่เถิงเฟิง เขาพูดอย่างมีความหมายลึกซึ้ง ฉู่จิ่งเหยาจะไปแล้ว ถังเฉียนกลับยื่นมือออกมาคว้าชายแขนเสื้อเขาไว้ แล้วพูดว่า
“อย่าไป ท่านอ๋องอย่าไป!”
ถังเฉียนยังคงไม่ลืมตา เถิงเฟิงเห็นเช่นนี้ก็ลุกขึ้นเอง เขารู้ว่าถังเฉียนไม่คิดจะให้อภัยเขาและไม่อยากอยู่กับเขาตามลำพัง ฉู่จิ่งเหยายืนอยู่กับที่อย่างอิหลักอิเหลื่อ เถิงเฟิงค้อมคารวะแล้วเดินออกจากห้องไป พอเดินมาถึงประตูก็ได้ยินฉู่จิ่งเหยาพูดว่า
“เขาก็ไปแล้ว เจ้ายังจะร้องไห้ทำไม เด็กโง่เอ๊ย ผู้ชายมักใจอ่อน เจ้าร้องไห้ต่อหน้าเขา เขาก็จะเป็นห่วงเจ้า ต่อหน้าอ๋องอย่างข้า จะร้องไห้ทำไม ข้าไม่ใช่ผู้ชายของเจ้าสักหน่อย”
ถังเฉียนปล่อยมือออก เช็ดน้ำตาที่หางตา หันมาพูดว่า
“ท่านอ๋องไม่ใช่ผู้หญิง ย่อมไม่รู้ว่าผู้หญิงทำจากน้ำ ไม่มีเรื่องอะไรก็ยังร้องไห้ นี่เรียกว่าการขับพิษ”
ถังเฉียนเพิ่งตื่นก็คารมคมคาย ต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับเมื่ออยู่ต่อหน้าเถิงเฟิง เถิงเฟิงรู้ว่านางไม่เป็นไรก็เดินออกจากห้องไป ถังเฉียนไม่กล้าพูดเพราะก่อนที่เถิงเฟิงจะมา ยังมีคนอีกผู้หนึ่งมาเยี่ยมนาง คนผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น เถิงอวิ๋นนั่นเอง
เพราะการมาของเขาทำให้ถังเฉียนต้องตื่น เถิงอวิ๋นเพียงแต่พูดกับนางว่า
“ถังเวยอยู่ที่ห้องลับ ถ้านางพูดอะไรผิด ก็อาจพลัดเข้าไปในเขตหวงห้าม ไม่รู้ว่านางจะพ้นเคราะห์ได้หรือไม่”
เถิงอวิ๋นตั้งใจเอาปิ่นไข่มุกที่ติดอยู่บนศีรษะถังเวยมาวางบนมือนาง ให้นางไว้เป็นของที่ระลึก เพื่อให้นางจดจำตลอดไปว่าน้องสาวนางอยู่ในเงื้อมมือเขา
ถังเฉียนหันมามองปิ่นไข่มุกในมือ นางไม่สามารถพูด ไม่อาจมั่นใจว่ารอบๆ มีคนของเถิงอวิ๋นหรือไม่ นางไม่กล้าเสี่ยง ไม่กล้าเอาชีวิตน้องสาวไปเสี่ยง นางจะแพ้ไม่ได้จริงๆ
เดิมฉู่จิ่งเหยาอยากเกลี้ยกล่อมให้ทั้งสองคืนดีกัน คาดไม่ถึงว่าถังเฉียนจะรีบเก็บข้าวของเตรียมไป ไม่ว่าฮว่าเหยียนจะเกลี้ยกล่อมนางอย่างไร นางก็ยังเตรียมจากไป ไม่ยอมพักแม้แต่วันเดียว
นางไปอำลาเหล่าผู้อาวุโสทั้งๆ ที่ใบหน้ายังขาวซีด แม้นางจะไม่ใช่คุณหนูสูงศักดิ์ของที่นี่ แต่ก็ทำทุกอย่างอย่างละเอียดรอบคอบ นางไม่ยากเจอหน้าเถิงเฟิง นางเชิดมุมปากขึ้น จงใจพูดเสียดสีต่อหน้าผู้คนว่า
“คุณชายเถิงเฟิง อาหรูน่าต้องขอบคุณที่ท่านคอยเอาใจใส่ เมื่อคืนได้เห็นสายฝนโปรยปราย รู้สึกปวดร้าวใจ เดิมตั้งใจว่าจะให้คุณชายดึงพรที่ให้กลับไป เอาไปมอบให้ผู้อื่น แต่คิดว่าศิษย์พี่มีคุณสมบัติสูงเด่น เกรงว่าจะไม่ยอมมองของที่ศิษย์น้องสลัดทิ้ง จึงไม่สะดวกที่จะเอ่ยปาก”
ตอนที่ 251 ดูหมิ่น
หงหลิงเอ๋อร์ฟังที่นางพูดราวกับถูกทิ่มแทงใบหน้า นางอยากตบหน้าถังเฉียน แต่แม่นมดึงนางไว้ ขณะนี้ถังเฉียนยังมีฐานะเป็นฮูหยินน้อยแห่งเผ่าพีส่า ถ้าหากตบนางต่อหน้าผู้คนเท่ากับตบหน้าเผ่าพีส่า เกรงว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมปล่อยนางง่ายๆ
ถังเฉียนเห็นนางไม่ตอบโต้ จึงพูดเย้ยหยันต่อ
“ได้ยินว่าพรศักดิ์สิทธิ์นี้ เจ้ากับข้าเป็นร่างเดียวกัน คนหนึ่งรุ่งโรจน์อีกคนพลอยรุ่งโรจน์ตาม คนหนึ่งย่ำแย่อีกคนพลอยย่ำแย่ตาม เป็นอย่างนี้คิดดูก็ดีเหมือนกัน คนอย่างข้ามีนิสัยรักและหวงแหนตัวเอง ไม่เหมือนศิษย์พี่ที่นิสัยแข็งกร้าว ข้าจะดูแลชีวิตตัวเองดีๆ เจ้าก็ต้องดูแลชีวิตตัวเองให้ดีด้วย วันหน้าเราค่อยสัญญาว่าจะอยู่กันจนแก่เฒ่า”
คำพูดนี้ของถังเฉียนเป็นการฉีกหน้าหงหลิงเอ๋อร์อย่างแท้จริง นางจงใจหันไปมองเถิงอวิ๋น ค้อมคารวะแล้วพูดว่า
“อาหรูน่ายังต้องขอบคุณในความเมตตาของคุณชายใหญ่ที่ผ่านมา”
ถังเฉียนไม่ใช่คนที่พูดจาดีมีเมตตาตั้งแต่แรก ถ้านางโหดร้ายขึ้นมา ปากก็ร้ายกาจมาก แต่นางคิดเสมอว่าทำแบบนั้นเป็นการทำลายความรู้สึกกัน จึงไม่พูดเช่นนั้นง่ายๆ
แต่ในขณะนี้ นอกจากเช่นนี้แล้วนางไม่อาจให้เถิงอวิ๋นเชื่อว่า นางไปจากที่นี่เพราะปวดร้าวทุกข์ทรมานจริง นางกลัวว่าเถิงอวิ๋นจะทำร้ายถังเวย นี่คือข้อแรก ข้อสองนางต้องการเตือนเถิงเฟิงว่าชีวิตนางกับเขาเชื่อมโยงกัน ถ้ามีคนทำร้ายนางก็เท่ากับทำร้ายเขา แต่ไม่รู้ว่าที่นางพูดยาวเช่นนี้ เขาจะเข้าใจหรือไม่
ข้อสามคือหงหลิงเอ๋อร์ถูกเลี้ยงอย่างตามใจมาตั้งแต่เล็ก วันนี้จงใจขอบใจเถิงอวิ๋นต่อหน้าทุกคน ดูแล้วเห็นว่านางเป็นคนไร้เดียงสาไม่เข้าใจเรื่องราวในโลก ที่จริงเป็นการบอกกับผู้หญิงทุกคนในที่นี้ เถิงอวิ๋นช่วยนางเปิดโปงโฉมหน้าที่แท้จริงของคน หวังว่าจะมีคนฟังเข้าใจ ช่วยขัดขวางเขาบ้าง เพื่อไม่ให้เขาเหิมเกริมเกินไป วันๆ คิดแต่จะหาวิธีเล่นงานนาง
นางสลบไปหนึ่งคืน ขณะที่เก็บสัมภาระจึงคิดทบทวนคำพูดเหล่านี้ สุดท้ายพูดออกมาต่อหน้าผู้คน เพราะนางไม่มีวิธีอื่นที่จะเตือนเถิงเฟิง
นางไม่ได้พูดความจริงกับเถิงเฟิงก็เพื่อน้องสาวตนเอง ทำได้เพียงใช้คำพูดที่ลบหลู่และตำหนิเช่นนี้ ใช้ความไม่ประสีประสาและไร้เดียงสาของเด็กสาวเพื่อกลบเกลื่อน แต่ไม่อาจรู้ได้ว่าจะมีคนมองเห็นความทะนุถนอมและห่วงใยในแววตานางหรือไม่
ถังเฉียนสวมหน้ากากแล้วหันมา เห็นหงหลิงเอ๋อร์และแม่นมของนางยืนอยู่ด้านข้าง มีแววเคียดแค้นและอำมหิตฉายวาบขึ้นในดวงตานาง นางไม่ใช่คนดีเป็นพิเศษและไม่เคยใช้ความดีของตนเองอย่างไม่จำเป็น
หลงหลิงเอ๋อร์เห็นแก่ตัวเกินไป ถึงกับยอมร่วมมือกับเถิงอวิ๋นเพื่อให้ได้เถิงเฟิงมาครอบครอง ถังเฉียนจำที่ถูกนางข่มเหงและลบหลู่ทุกครั้งได้ นางมีฐานะสูงส่งนานเกินไป จนเกรงว่านางคงไม่รู้ว่าคนระดับล่างก็มีจิตใจที่รักศักดิ์ศรีอย่างแรงกล้า
ถังเฉียนนั่งเรือเหาะของเผ่าอินทรีเงิน วันนี้มีเพียงนางกับฉู่จิ่งเหยาที่จากไป เหวินเยียนและฟางเอ๋อร์จะนั่งรถม้าตามไปช้าๆ วันนี้ถังเฉียนดูหมิ่นหงหลิงเอ๋อร์ต่อหน้าทุกคน คิดว่านางคงไม่มีที่ที่จะระบาย ต้องไปกวนใจเถิงอวิ๋นแน่นอน
ถังเฉียนนั่งในเรือเหาะก็รู้สึกน่าขำเป็นพิเศษ แต่ฉู่จิ่งเหยาไม่รู้สึกสบายใจเช่นนั้น
“ท่านอ๋อง กลัวจะตกลงไปหรือ?”
เรือเหาะเป็นพาหนะคล้ายเรือของเผ่าอินทรีเงิน ใช้เชือกผูกโยงกับขาอิทรีตัวผู้ห้าตัว บรรทุกได้สองคน มีความเร็วถึงวันละพันลี้ ทั้งสองนั่งบนเรือเหาะ จะอย่างไรถังเฉียนก็เคยนั่งมาแล้วครั้งหนึ่ง ยังนับว่านั่งสบาย แต่ฉู่จิ่งเหยากลับกระสับกระส่าย
“แม้จะบอกว่าคนเผ่าอินทรีเงินยกย่องผู้ชายที่กล้าหาญ แต่เรือเหาะเช่นนี้…”
ฉู่จิ่งเหยาพูดเพียงครึ่งเดียว เรือเหาะก็สั่นเล็กน้อย เขารีบเกาะขอบเรือเหาะทันที ค่อยๆ ยืนขึ้น มองออกไปข้างนอก การมองครั้งนี้ทำให้ฉู่จิ่งเหยาเครียดยิ่งขึ้น
“สูงอย่างนี้เชียวหรือ เท่ากับเอาชีวิตมาเสี่ยงแท้ๆ”