ตอนที่ 254 รอดตายหวุดหวิด
ฉู่จิ่งเหยาปล่อยมือข้างหนึ่ง ทั้งสองเกาะอินทรีเงินไว้เพียงตัวเดียว ทำให้มันไม่อาจแบกรับน้ำหนักได้ มันกระพือปีกอย่างสุดกำลัง แต่ก็ยังตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ทั้งสองเข้าใกล้ผิวน้ำมากขึ้นทุกที ฉู่จิ่งเหยาเลือกท่าทางที่เหมาะที่สุด โดยกอดถังเฉียนไว้แล้วกระโดดลงไปในน้ำ
น้ำเข้าล้อมรอบตัวนางจากทุกทิศทุกทาง รู้สึกเพียงว่าร่างกายตนเองถูกกระแทกอย่างรุนแรง มีเสียงอื้ออึงดังขึ้นในสมองถังเฉียน แต่นางมองดูฉู่จิ่งเหยา แววตามุ่งมั่นเป็นพิเศษ สติก็แจ่มชัดมาก
เพราะฉู่จิ่งเหยากอดถังเฉียนไว้ขณะที่ตกลงมาในน้ำ เขาจึงได้รับแรงกระแทกรุนแรงกว่า เมื่อลงมาใต้น้ำก็หมดสติไป ยังดีที่ถังเฉียนยังมีสติอยู่ จึงรีบลากเขาขึ้นจากบึงน้ำ
“ท่านอ๋อง ท่านอ๋อง ฟื้นสิ”
ถังเฉียนเขย่าร่างฉู่จิ่งเหยา แต่เขาไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบใดใด เลยลองเอามืออังจมูก ยังดีที่เขายังมีชีวิตอยู่ คิดว่าคงเพราะแรงกระแทกที่แรงมากเมื่อครู่ จึงทำให้เขาสลบไป
ถังเฉียนลากฉู่จิ่งเหยาขึ้นมาบนฝั่ง ถอดเสื้อตัวนอกเขาออกให้หมด หาไม้แห้งมาก่อไฟ ผิงเสื้อผ้าพวกเขาให้แห้ง นางฉวยโอกาสที่ไม่มีคน ถือมีดออกไปจับกระต่ายมาตัวหนึ่ง ผูกมันไว้กับแขนของฉู่จิ่งเหยา แต่นางไม่รู้ว่าจะกินมันอย่างไรดี
“เจ้ากระต่ายน้อย เจ้าว่าเมื่อไหร่ท่านอ๋องจึงจะฟื้น ถ้าเกิดเขาไม่ฟื้น แล้วข้าจะทำอย่างไรดี”
ครั้งนี้ถังเฉียนไม่ใช่แค่จับกระต่ายได้เท่านั้น ยังนำตัวอินทรีเงินที่ถูกทั้งสองดึงลงมากลับมาด้วย มันกระแทกต้นไม้นอนหมดสติอยู่ ถังเฉียนมัดเท้ามันด้วยเชือกที่เหนียวไว้กับต้นไม้ ทำให้มันไม่สามารถบินไปไหนได้
ครั้งนี้ทั้งคู่รอดตายอย่างหวุดหวิดจริงๆ ถังเฉียนคิดแล้วก็ยังไม่หายหวาดผวา ตนเองยังดีที่หนีออกมาจากรังหมาป่าได้ ที่ทุลักทุเลแบบนี้คงเพราะตนไว้ใจคนที่ไม่ควรไว้ใจ ระแวงคนที่ไม่ควรระแวง นางยื่นมือมาคลำหน้าผากฉู่จิ่งเหยา เขาตัวไม่ร้อนแล้ว ร่างกายค่อยๆ ฟื้นตัวกลับมา เช่นนี้ทำให้นางสบายใจขึ้นหน่อย
ถังเฉียนเอาเสื้อที่ผิงไฟแห้งแล้วห่มให้ฉู่จิ่งเหยา ตัวนางนั่งกอดเข่าผิงไฟ ท้องฟ้ายิ่งมืดลงทุกที แต่นางไม่กล้านอนหลับ ไม่รู้ว่าที่นี่เป็นที่ไหน จะมีสัตว์ร้ายปรากฏตัวออกมาหรือไม่ก็ไม่รู้
แต่แล้วนางก็ผล็อยหลับไปอย่างไม่รู้ตัว สองวันก่อนนางก็เพิ่งป่วย ถ่ายเลือดออกไปไม่น้อย เดิมทีก็เป็นการฝืนเดินทาง แล้วก็ผ่านการรอดตายอย่างหวุดหวิดเช่นนี้ สู้อย่างสุดชีวิต ที่นางทนจนถึงฟ้าสลัวได้ก็ไม่ง่ายแล้ว
ทั้งนี้เพราะฉู่จิ่งเหยาปกป้องไม่ให้นางถูกทำร้าย นางจึงสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างเข้มแข็งมีสติ
“อาหรูน่า? อาหรูน่า?”
ฉู่จิ่งเหยาร้องเรียกนางสองครั้ง ขณะที่ถังเฉียนลืมตาขึ้น ฉู่จิ่งเหยากำลังฉีกเสื้อเพื่อต่อแพ
“ท่านอ๋องฟื้นแล้ว ดีจังเลย ข้าไม่ต้องคอยห่วงท่านแล้ว”
แววตาถังเฉียนยังงัวเงีย นางดีใจจริงๆ ที่เห็นฉู่จิ่งเหยาฟื้น ฉู่จิ่งเหยาอุ้มร่างนางที่ยังคงกึ่งหลับกึ่งตื่น นางเองไม่รู้ตัวว่าตัวเองนั้นไข้สูงมาก ฉู่จิ่งเหยาวางนางลงบนแพไม้ไผ่ จากนั้นก็ให้อินทรีเงินตัวนั้นช่วยลากพวกเขาไปตามแม่น้ำ ซึ่งวิธีนี้ไม่เคยมีมาก่อน
หลังจากฉู่จิ่งเหยาฟื้นขึ้นก็สำรวจภูมิประเทศรอบๆ แม้ว่าเมื่อวานเขาเลือกที่ลงอย่างเดาสุ่ม แต่แน่ใจว่าเขามาในเขตแดนเซวียนกั๋วแล้ว รวมทั้งผ่านเมืองมังกรหมอกมาแล้ว ขณะนี้อยู่ในบริเวณป่าที่ไม่รู้ชื่อ แต่เลือกที่พักบริเวณที่มีแม่น้ำไหลผ่าน ถ้าพวกเขาล่องไปตามแม่น้ำที่ไหลจากทิศตะวันตกไปยังตะวันออก ก็จะเข้าใกล้เมืองหลวงขึ้นทุกที ถ้าเข้าเขตเมืองแล้ว เขาย่อมมีวิธีหาทางกลับได้
ตอนที่ 255 นกโง่
ทั้งสองล่องมาจนสุดทางน้ำ แล้วพบหมู่บ้านแห่งหนึ่งบนเขา ถังเฉียนไม่ได้ยินภาษาเซวียนกั๋วที่คุ้นหูเช่นนี้มานานแล้ว บางทีอาจเพราะเมื่อจากแผ่นดินเกิดไปนั้นนางอายุยังน้อยเกินไป เวลานี้ได้ยินจึงรู้สึกผ่อนคลายมาก
ดินแดนเซวียนกั๋วกว้างใหญ่ไพศาล โดยเฉพาะด้านตะวันตกเฉียงใต้มีภาษาถิ่นมากมายที่มีลักษณะเฉพาะ แม้ถังเฉียนจะฟังออกว่าพวกเขาพูดภาษาเซวียนกั๋ว แต่พอถามพวกเขาจริงๆ นางกลับไม่เข้าใจนัก ฉู่จิ่งเหยาพอคุยกับพวกเขารู้เรื่องบ้าง แต่ทั้งสองต้องอาศัยภาษามือช่วย ทำให้ฉู่จิ่งเหยาได้ข้อมูลไม่น้อย
“ชาวบ้านบอกว่าถ้าเราเดินไปตามทางเล็กเส้นนี้ ข้ามภูเขาลูกนี้ไป ก็จะเห็นเมืองสยงเย่ว์ เมื่อถึงเมืองนี้แล้ว เราก็จะอยู่ไม่ห่างจากทางสายหลักไปยังเมืองหลวงแล้ว ถึงตอนนั้นเราจะสามารถกลับไปได้”
ถังเฉียนเงยหน้ามองเขาลูกเล็กที่ชาวบ้านและฉู่จิ่งเหยาพูดถึง แม้นางจะเป็นทาสที่ต้องโทษ แต่ตั้งแต่เล็กนางได้รับการเลี้ยงดูอย่างทะนุถนอม นอกจากที่ต้องเดินทางข้ามน้ำข้ามเขาไปถึงดินแดนเผ่าม้งแล้ว นางไม่เคยเดินทางไกลเช่นนี้มาก่อน ที่นี่เป็นป่าทึบ อินทรีเงินตัวนี้ไร้ประโยชน์แล้ว แต่ถังเฉียนยังแค้นใจมาก สัตว์ตัวนี้เกือบฆ่าพวกเขาแล้ว
ถ้าปล่อยกลับไปให้อิ๋นจ้านเช่นนี้ เท่ากับว่าทั้งสองกลัวฝ่ายตรงข้าม
“เอาไว้ก็เปล่าประโยชน์ ฆ่าเสียดีกว่า”
ฉู่จิ่งเหยานั่งย่างปลาอยู่ริมน้ำ พลางเอ่ยขึ้น แม้ว่าถังเฉียนจะรู้สึกว่าการฆ่ามันออกจะโหดร้ายไปหน่อย แต่ถ้าไม่ฆ่านกตัวนี้ก็ไม่รู้จะระบายความแค้นได้อย่างไร
“จะฆ่าก็ได้ แต่ฆ่ามันแล้วข้าก็ยังไม่หายแค้น”
ฉู่จิ่งเหยามองดูอินทรีเงินที่รอถูกฆ่าแล้วถามด้วยความแปลกใจ
“เช่นนั้นเจ้าคิดจะจัดการอย่างไร”
ถังเฉียนครุ่นคิด แล้วหันหลังวิ่งออกไป จากนั้นก็กลับมาเรียกให้ฉู่จิ่งเหยาไปช่วย ตอนที่นางผ่านมาพบว่าไม่ไกลนักมีแปลงปลูกดอกเฟิ่งเซียนผืนใหญ่ เมื่อกี้นางไปหอบดอกเฟิ่งเซียนกลับมา เลือกดอกที่แดงที่สุดและสวยสดที่สุดเอามาบดละเอียด จากนั้นจึงทาทั่วตัวอินทรีเงินตัวนั้น
ฉู่จิ่งเหยาช่วยด้วยการคั้นน้ำสีแดง คืนนั้นถังเฉียนอยู่ตามลำพังกับอินทรีเงินที่ด้านหลังตลอดคืน มีเสียงร้องโอดครวญของอินทรีเงินดังขึ้นเป็นระยะๆ ฉู่จิ่งเหยาได้แต่ส่ายหน้า แต่ไม่พูดอะไร เขารู้สึกเสมอว่าเด็กสาวอย่างถังเฉียนมีความหนักแน่นและเยือกเย็น แต่อย่างไรก็ยังเป็นเด็ก ความคิดอยากสนุกเหนือกว่าความคิดอยากแก้แค้น
เช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อท้องฟ้าเริ่มมีแสงรำไร ถังเฉียนวิ่งมาด้วยท่าทางเริงร่า เรียกฉู่จิ่งเหยาไปชมผลงานชั้นเยี่ยมของนาง ไม่รู้ว่าคืนที่ผ่านมานางทำอะไรบ้าง ปรากฏว่าอินทรีเงินตัวนั้นถูกย้อมจนกลายเป็นสีแดง ไม่เพียงเท่านี้ มันยังถูกถังเฉียนถอนขนบริเวณหลังแถบใหญ่ ผิวหนังตรงนั้นมีตัวอักษรสองตัว
“นกโง่!”
ฉู่จิ่งเหยาหัวเราะจนตัวงอเมื่อเห็นอักษรสองตัวนั้น อินทรีเงินตัวนั้นถูกถังเฉียนรังแก อับอายจนไม่มีหน้าจะสู้คน แทบอยากจะหาที่เอาหัวชนให้ตายไป แต่ถังเฉียนตบมันเบาๆ พร้อมกับขู่ว่า
“เจ้า รีบบินกลับไปให้เจ้านายเจ้าดู ทางที่ดีที่สุดชั่วชีวิตนี้ให้หลบอยู่ในรัง อย่าโผล่ออกมาอีก ไม่เช่นนั้นถ้าให้ข้าเห็นเจ้าอีก ข้าจะถอนขนให้เกลี้ยงตัวเลย ไสหัวไปซะ!”
ถังเฉียนใช้เข็มทิ่มมันแรงๆ อินทรีแดงกระพือปีก แล้วบินถลาขึ้นไป ถังเฉียนนั่งมองอยู่ด้านล่าง ดูด้ายแดงที่ติดของขวัญที่นางเตรียมไว้ให้อิ๋นจ้านผูกติดอยู่ที่กรงเล็บของนกอินทรี
“เด็กสาวอย่างเจ้าช่างคิดเรื่องแปลกๆ จริงนะ ปกติเห็นเจ้าอยู่ต่อหน้าเถิงเฟิงทำตัวน่ารัก เหตุใดเมื่อมาอยู่ในที่แปลกใหม่ถึงได้ทำอะไรตามอำเภอใจอย่างนี้”
ถังเฉียนร้องหึ แล้วพูดว่า
“คนอย่างข้า ที่เกลียดที่สุดคือถูกคนอื่นขู่เอาชีวิต มีชีวิตอยู่ดีๆ ไม่ดีหรือ แต่มีคนไม่ยอมให้ข้าใช้ชีวิตอยู่ดีๆ ข้าจะทำให้คนผู้นั้นทุกข์ยากแสนเข็ญ ทำให้เขารู้ว่าคิดจะเอาชีวิตข้า ไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก”