ตอนที่ 256 ตุ่มพอง
ถังเฉียนพูดจบก็เก็บขนนกสามเส้นไว้ในถุงใบเล็กที่พกติดตัว หลังจากกินมื้อเช้าแล้วทั้งสองก็เดินข้ามเขา เดินทางราวครึ่งวันถังเฉียนก็เริ่มเดินช้าลงอย่างเห็นได้ชัด ทำหน้าตาบิดเบี้ยวในทุกย่างก้าวที่เดินไป
ฉู่จิ่งเหยาเห็นนางเป็นเช่นนั้นจึงดึงแขนนางให้นั่งลง เป็นการบังคับให้นางพักบ้าง
“พักก่อนเถอะ คุณหนูที่ได้รับการเลี้ยงดูมาดีอย่างเจ้า เดินมาทั้งวันไม่บ่นสักคำ ถือว่าไม่ง่ายแล้ว”
ถังเฉียนรู้ว่าที่ตนเองทำเรื่องวุ่นเมื่อวานทำให้การเดินทางล่าช้าลง ดังนั้นไม่ว่าพูดอย่างไรนางจะไม่ยอมให้ตนเองพักเด็ดขาด แต่นางไม่อาจขัดฉู่จิ่งเหยาได้ จึงต้องนั่งลง หาที่นั่งแล้วถอดรองเท้าและถุงเท้าออก ที่เท้ามีตุ่มน้ำพองสองตุ่ม พอถอดอีกข้างก็พบว่ามีตุ่มน้ำพองอีกสามตุ่ม ถังเฉียนเห็นเท้าของตนก็นึกสงสารตัวเอง
“เท้าจ๋า น่าสงสารจริงๆ”
ฉู่จิ่งเหยาเดินถือเข็มมานั่งยองๆ ลงตรงหน้าถังเฉียน แล้วดึงเท้านางมา ใช้เข็มแทงตุ่มพองเหล่านั้นปล่อยน้ำออกมาจนแห้งหมด
“เจ็บ เจ็บ เจ็บ…”
ถังเฉียนร้องว่าเจ็บถึงสามหน ตุ่มพองก็ถูกเขี่ยหมด นางมองฉู่จิ่งเหยาด้วยน้ำตาคลอเบ้า เขาห่อปาก ไม่พูดอะไรกับนาง แล้วโยนรองเท้าและถุงเท้านางไปข้างๆ จากนั้นจึงดึงเท้าอีกข้างหนึ่งของนางมาแทงตุ่มน้ำพองให้แตก
“ค่ำนี้ทางที่ดีเราควรเดินให้ถึงตัวเมือง ไม่เช่นนั้นเราต้องพักในที่โล่งแจ้งอีก ได้ยินชาวบ้านบอกว่าแถวนี้มีหมาป่า”
“รีบไป รีบไป…”
ถังเฉียนยืนพรวดขึ้นจะรีบไป แต่พอยืนขึ้น ฝ่าเท้าย่ำถูกรองเท้าก็รู้สึกเจ็บ นางทนไม่ไหวต้องนั่งลงไป แล้วมองดูฉู่จิ่งเหยา จากนั้นจึงค่อยๆ สวมรองเท้าด้วยความระวังอย่างซื่อสัตย์
ใครบอกว่าเขี่ยตุ่มพองที่ฝ่าเท้าแล้วจะหายเจ็บ ยังเจ็บมากเลย ถังเฉียนเพิ่งยืนขึ้นก็เจ็บฝ่าเท้าจนร่างเซไป ฉู่จิ่งเหยายื่นมือมาประคองนางพอดี แล้วเก็บข้าวของทั้งหมดวางลงบนไหล่ถังเฉียน
“ขึ้นมา!”
ถังเฉียนมองดูฉู่จิ่งเหยาย่อตัวลงตรงหน้าตนเอง มุมปากนางเชิดขึ้นเล็กน้อย เคยคิดว่าเขาเป็นคนเลว คิดไม่ถึงว่าจะดีขนาดนี้ แต่จะขี่หลังท่านอ๋องได้หรือ
“เร็วสิ หรือเจ้าไม่ต้องการขาสองข้างแล้ว ข้าจะรีบออกเดินทาง”
ถังเฉียนเบ้ปาก หิ้วรองเท้าแล้วกระโดดขึ้นหลังฉู่จิ่งเหยา สองมือกอดคอเขาไว้ ทั้งสองเดินทางต่อในสภาพเช่นนี้ ขึ้นเขาลงเขา ไม่ว่าจะทำอะไรฉู่จิ่งเหยาก็ไม่ปล่อยถังเฉียนลงมา
“ท่านอ๋อง เหนื่อยหรือไม่ พักสักหน่อยดีหรือไม่”
ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากที่ฉู่จิ่งเหยาแบกนางก็ไม่พูดอะไรอีก ถังเฉียนไม่รู้ว่าตัวเองหนักหรือไม่ ไม่รู้ว่าเขาแบกนางแล้วจะรู้สึกหนักหรือไม่
“ไม่ต้อง เจ้ายังไม่หนักเท่ากระบี่ของข้า ต่อไปต้องกินให้มากหน่อย ไม่เช่นนั้นถ้าตามข้าบุกเหนือ กลัวว่าเจ้าจะถูกลมเหนือพัดปลิวไป”
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ทั้งๆ ที่นี่เป็นคำพูดแดกดันนาง แต่ถังเฉียนกลับรู้สึกว่าหัวใจอบอุ่นเป็นพิเศษ
“ท่านอ๋อง ถ้าท่านไม่เหนื่อย ข้าจะร้องเพลงให้ฟัง ท่านอยากฟังเพลงใดเล่า”
ฉู่จิ่งเหยาก็นึกสนุก แม้ถังเฉียนจะไม่บอกฐานะตัวเองให้ชัดเจน แต่ฉู่จิ่งเหยาตรวจสอบแน่ชัดแล้ว เวลานี้ไม่ต้องพูดถึงก็รู้กัน
“ร้องเพลงใดก็ได้ก็ร้องเลย”
ถังเฉียนได้ยินเช่นนั้นก็ยืดตัวออกไปเด็ดดอกมะลิริมทางสองสามดอก กำไว้ในมือแล้วร้องเพลงดอกมะลิ ระหว่างทางมีกลิ่นดอกไม้และเสียงเพลงเคล้าคลอ ทำให้ฉู่จิ่งเหยาก้าวเดินเร็วขึ้น
ตอนที่ 257 ถูกรุมโจมตี
ขณะเดียวกันบนเขาศักดิ์สิทธิ์ อิ๋นจ้านและเถิงอวิ๋นอยู่ในห้องลับแห่งนั้น สีหน้าอิ๋นจ้านเย็นชาราวกับน้ำแข็ง ส่วนเถิงอวิ๋นดูก็เรียบเฉย อิ๋นจ้านเดินไปมาในห้อง ท่าทางหงุดหงิดมาก
“อินทรีเงินห้าตัวกลับมาแค่สี่ อีกตัวจนเดี๋ยวนี้ยังไม่กลับมา ทั้งยังไม่รู้ว่าสองคนนั้นตายหรือยัง”
เถิงอวิ๋นเหลือบมองเหวินเยียนซึ่งยังคงทำงาน แล้วยิ้มอย่างเย็นชา
“นางยังไม่ตาย แผนของท่านลุงคงล้มเหลวแล้ว จินซิวอ๋องไม่ใช่คนที่ควรจะเป็นศัตรูด้วย เกรงว่า…”
เถิงอวิ๋นยังไม่ทันได้พูดออกมาก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ที่แท้เพราะอินทรีแดงตัวนั้นกลับมาแล้ว คนรับใช้จะเอ่ยปากบอกแต่กลับชะงัก เถิงอวิ๋นจึงตามออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น เรื่องที่เกิดขึ้นไม่เพียงทำให้สองคนนี้ตื่นตระหนก ทั้งยังรู้ไปถึงเถิงเฟิงและเถิงเจินด้วย
“นกโง่? ใครกันที่ทำเช่นนี้ ใครที่มันบังอาจทำร้ายนกศักดิ์สิทธิ์ของสกุลอิ๋นเรา!”
อิ๋นจ้านวิ่งปรี่มาด้วยความโกรธเกรี้ยว เมื่อเห็นอินทรีเงินที่ถูกย้อมเป็นสีแดง ก็โกรธจนแทบลมจับ เมื่อตรวจดูอย่างละเอียดก็แน่ใจว่าเป็นนกที่เขาเลี้ยง จึงลูบหัวมันเบาๆ
“ดูเหมือนจะเป็นลายมืออาหรูน่า แต่นี่มันหมายความว่าอย่างไร”
เถิงเฟิงเห็นคำว่านกโง่ก็ดูออกว่าเรื่องนี้ถังเฉียนเป็นคนทำ เห็นอินทรีเงินที่ถูกย้อมเป็นสีแดงดูน่าสงสาร แต่ในใจกลับรู้สึกว่าน่าขัน อิ๋นซานขมวดคิ้วพลางพูดว่า
“ถึงเด็กคนนี้จะโกรธก็ไม่ควรทำร้ายนกที่ลุงเจ้าเลี้ยงไว้ เราหวังดีส่งพวกเขาไป เหตุใดถึงถูกทำเช่นนี้”
คำพูดอิ๋นซานเป็นการตำหนิ แต่ต่อหน้าผู้คนมากมายนางไม่สะดวกที่จะทำให้ลูกชายเสียหน้า แต่เถิงเฟิงไม่ได้คิดเช่นนั้น ต่อให้อาหรูน่าเกิดเสียสติทำเรื่องบ้าๆ นี้ขึ้น เกรงว่าฉู่จิ่งเหยาคงจะไม่ยินยอมให้นางทำ ความเป็นไปได้มีเพียงประการเดียว
“ท่านลุง เหตุใดนกของท่านจึงบินกลับมาเพียงตัวเดียว หรือว่าเกิดอันตรายขึ้นกับสองคนนั้น”
ที่ถังเฉียนจงใจย้อมนกเป็นสีแดงเพื่อบอกพวกเขาว่านี่เป็นเรื่องที่อันตราย แต่นกโง่ แม้เถิงเฟิงจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแน่ แต่เขารู้สึกว่าเป็นการเตือนอย่างหนึ่ง เป็นการบอกกับเขาว่ามีคนวางแผนทำร้ายถังเฉียน
“จะเป็นไปได้อย่างไร เจ้าดูสิ นกข้ากลายเป็นเช่นนี้ไปเสียแล้วจะต้องเป็นเพราะอาหรูน่าไม่พอใจเรื่องเจ้ากับหงหลิงเอ๋อร์ แต่นางไม่ควรระบายโทสะบนตัวอินทรีเงิน เท่ากับเป็นการลบหลู่ข้า”
เถิงเฟิงไม่ใส่ใจคำพูดเหล่านี้ เขาดึงตัวอิ๋นจ้านแล้วถามว่า
“ท่านลุง ข้าขอถามท่าน เหตุใดพวกมันจึงกลับมาไม่พร้อมกัน เกิดเรื่องร้ายกับพวกเขาใช่ไหม ที่ท่านแน่ใจว่าอาหรูน่าเป็นคนทำ หรือว่ารู้อยู่ก่อนแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนาง ท่านลุงทำสิ่งใดลงไปหรือ”
ฮว่าเหยียนยังไม่ได้จากไป เมื่อได้ยินเช่นนี้จึงก้าวออกมาพูดว่า
“อิ๋นจ้าน บอกมา เจ้าจงใจฆ่าลูกสาวข้าใช่หรือไม่ ก่อนออกเดินทาง เจ้าจงใจให้ยันต์ล่ามชีวิตกับนาง บอกว่าจะช่วยรักษาชีวิตได้ เกรงว่านางจะรู้แต่แรกแล้วว่าเจ้าคิดจะสังหารนาง”
ถึงตอนนี้อิ๋นจ้านกลายเป็นเป้าของทุกคน ทุกสายตามารวมศูนย์ที่ตัวเขา อิ๋นจ้านร้องหึอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า
“พูดลอยๆ ทั้งนั้น ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโส ข้าตั้งใจดีที่มอบของให้นาง เหตุใดกลายเป็นว่าข้าคิดร้ายต่อนาง เหตุใดข้าต้องทำร้ายนางด้วย ข้ากับนางไม่มีความแค้นต่อกัน เหตุใดข้าต้องใช้อินทรีเงินของข้าส่งนางไปตายเล่า”
เมื่อครู่ฮว่าเหยียนพูดเพราะบันดาลโทสะ เวลานี้ถูกเขาแย้งกลับจนไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี นางมองมาที่เถิงเฟิงแล้วนึกอะไรขึ้นได้ จึงพูดว่า
“เจ้าต้องการฆ่าอาหรูน่า เพื่อฆ่าเถิงเฟิงทางอ้อม นี่จึงจะเป็นความตั้งใจที่แท้จริงของเจ้า รู้กันนานแล้วว่าเจ้าอยากโหมไฟสงครามที่เผ่าม้งให้ลุกลามขึ้น ดูแล้วเจ้ายังต้องการสังหารจินซิวอ๋อง ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว”
“เจ้า นางหญิงชั่ว!”
สายตาอิ๋นจ้านหันมาที่เถิงอวิ๋น ตัวเองหมดหนทางแล้ว กำลังถูกรุมโจมตี จึงทำได้เพียงรอความช่วยเหลือจากเถิงอวิ๋น