ตอนที่ 284 ถูกมองออก
ถังเฉียนกลับมาแล้ว แต่ที่นี่เงียบเชียบยิ่งขึ้น เมื่อตกลางคืนทั้งสองก็ก่อไฟต้มน้ำ ในห้องอุ่นขึ้นทันที ปีก่อนในช่วงเวลานี้ตรงกับเทศกาลฉงหยาง[1] ครอบครัวอยู่พร้อมหน้ากัน แต่ขณะนี้ถังเฉียนรู้สึกว่าบ้านเงียบเหงาวังเวงราวกับถ้ำน้ำแข็ง
“ท่านหมอ ที่นี่คือบ้านท่านหรือ ถังหรงเจินเป็นบิดาท่าน ใช่หรือไม่ แม่ทัพผู้นั้นคือหวังหยวน?”
ถังเฉียนไว้ใจหวังหลงมากขึ้น ดูภายนอกแล้วผู้ชายคนนี้ออกจะที่มๆ แต่ที่จริงเป็นคนละเอียดรอบคอบ เขาสามารถมองเห็นความผิดปกติของถังเฉียน ทั้งหลังจากที่นางผละไปยังสืบรู้ฐานะของนางหมดแล้ว เขารู้แม้แต่เรื่องหวังหยวน
“ใช่ ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่ปิดบังเจ้า”
แสงไฟสะท้อนบนใบหน้าของนาง นางถอดหน้ากากออก จ้องมองหวังหลง แม้นางจะยังอายุน้อย แต่ก็รู้ฐานะของตนเองดี ที่ผ่านมาไม่เคยเก็บความลับได้สนิท มักถูกมองออกเสมอ เพียงแต่เวลานี้ที่สำคัญที่สุดก็คือคนที่มองออกนั้นเป็นมิตรหรือศัตรู
“ไม่ว่าก่อนหน้านี้ท่านหมอจะเป็นใครก็ตาม สำหรับหวังหลงแล้วท่านเป็นคนที่คู่ควรต่อการเคารพ ท่านวางใจเถอะ หวังหลงรู้ดีว่าอะไรควรพูด อะไรไม่ควรพูด อีกอย่างท่านอ๋องกำชับแล้วว่า ท่านหมอเป็นคนที่ไว้ใจได้”
ถังเฉียนยิ้ม หวังหลงเป็นคนฉลาดจริง
“ข้าบอกแล้วว่าข้าไว้ใจเจ้า ยังพาเจ้ามาหลบภัยที่นี่ ย่อมไม่มีเจตนาจะทำร้ายเจ้า วันนี้ไม่วันหน้าก็ไม่ ท่านอ๋องรู้ฐานะข้านานแล้ว แต่นับจากที่ข้าออกจากเมืองหลวง ชื่อถังเฉียนไม่อาจปกป้องตัวข้าได้เลย มีแต่ข้าต้องกลายเป็นอาหรูน่าจึงจะช่วยให้คนในครอบครัวของข้ามีชีวิตต่อไปได้ ใครๆ ก็บอกว่าเป็นยุคที่บ้านเมืองรุ่งเรือง ถึงทุกคนในครอบครัวจะระวังตัวเต็มที่ แต่ก็ยังมีชีวิตอยู่ท่ามกลางการโกหก”
ถังเฉียนรู้สึกท้อแท้ ในใจเต็มไปด้วยความเศร้ารันทด นางอยู่ในบ้านที่เดิมเป็นบ้านตน แต่กลับนึกถึงมารดาที่ป่วยตาย น้องสาวที่ถูกคนลากลงไปในหลุมศพ ทั้งยังถังเวยที่สติไม่ดีและ บิดาที่ยังถูกล่ามโซ่ตรวน
“ท่านหมอ ที่จริงท่านสามารถจากไปก็ได้”
หวังหลงครุ่นคิดอยู่นานจึงเอ่ยขึ้น ข้อสงสัยนี้คงอยู่ในใจเขานานแล้ว
“ที่จริงก็เป็นเช่นนั้นแต่ข้ายังมีเรื่องที่ต้องทำ เวลานี้ท่านอ๋องกำลังเดินหมากกระดานใหญ่ ถ้าชนะหมากกระดานนี้ เขาก็จะสามารถอยู่ที่เมืองหลวงได้ชั่วคราว ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ไม่เลว แต่ถ้าแพ้ เกรงว่าแม้แต่หนานเจียงก็ยังกลับไปไม่ได้ ข้ารับปากท่านอ๋องแล้วว่าจะช่วยให้ท่านชนะ”
ที่หวังหลงไม่เข้าใจที่สุดก็คือเพราะเหตุใดนางจึงทุ่มเทชีวิตเพื่อช่วยฉู่จิ่งเหยาเช่นนี้ ถังเฉียนไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยเรื่องบิดานางหรือไม่ นางไม่คิดว่านี่เป็นการที่ฉู่จิ่งเหยาขู่นาง แต่เป็นความหวังดีของเขา นางก็รู้ดีตั้งแต่แรกว่าขอเพียงฉู่จิ่งเหยาเอ่ยปาก นางย่อมตอบตกลง
“ท่านหมอวางใจเถอะ หวังหลงจะช่วยอย่างสุดความสามารถ”
ถึงถังเฉียนจะได้ยินเช่นนี้ แต่นางเองก็ไม่มั่นใจ นางไม่รู้ว่าที่ตนเองทำเช่นนี้ จะสามารถมั่นใจได้เท่าใด เพราะขณะนี้นางทำตามคำสั่งของฉู่จิ่งเหยา กำลังสร้างข่าวลือที่น่ากลัวเพื่อตนเองจะได้ใกล้ชิดฮ่องเต้
ถังเฉียนส่งหวังหลงไปที่ตลาด และแล้ววันต่อมาตามถนนและตามตรอกก็มีเสียงร่ำลืออย่างหนาหู เห็นชายวัยกลางคนหลายคนสุมหัวพูดคุยกัน
“พวกเจ้าได้ข่าวยินข่าวหรือยัง จวนมหาเสนาบดีทำให้หมอผีที่มาจากหนานเจียงไม่พอใจ ทุกคนในจวนป่วยเป็นโรคประหลาด จนท่านมหาเสนาบดีต้องคุกเข่ากราบคารวะ จึงทำให้หมอผีคลายความโกรธ ตอนนี้ทุกคนในจวนจึงหายป่วยแล้ว”
“ไม่เพียงเท่านั้นนะ ได้ยินว่าท่านมหาเสนาบดีขังตัวเองอยู่ในคุก ยังตบหน้าตัวเองหลายครั้ง ได้ข่าวว่าวันนี้ไม่ไปร่วมประชุมเช้าที่ท้องพระโรง”
ถังเฉียนนั่งดื่มชาในโรงน้ำชา มีผ้าแพรคลุมใบหน้า พอได้ฟังคำพูดเหล่านี้ก็ยกชาแดงขึ้นจิบ รสชาติไม่เลวเลย
[1] เทศกาลฉงหยาง ตรงกับวันที่9เดือน9 ตามปฏิทินจันทรคติของจีน ที่จีนเรียกวันนี้ว่า เทศกาลฉงหยาง หรือเทศกาลเก้าคู่ และยังถือเป็นวันผู้สูงอายุอีกด้วย
ตอนที่ 285 เสียงร่ำลือแพร่สะพัด
ถังเฉียนฟังหลายแห่ง เนื้อหาที่พูดคล้ายกัน แต่ยิ่งลือก็ยิ่งแปลกพิสดารมากขึ้น ถ้าไม่ใช่เพราะมีคนของจวนมหาเสนาบดีเดินไปมาบ้าง เกรงว่าคงลือกันแล้วว่านางเข้าไปในจวนมหาเสนาบดีเพียงคนเดียว ก็สังหารคนในจวนทั้งหมดแค่ช่วงเวลาเพียงชั่วครึ่งก้านธูป
หลังจากนี้ความน่าสะพรึงกลัวที่หมอผีนำมาจากหนานเจียงคงจะแพร่สะพัดมาถึงเมือง เจาหยาง มหาเสนาบดีไม่ได้เข้าร่วมประชุมในท้องพระโรงตอนเช้า แม้จะลาป่วยแล้วก็ตาม แต่ฮ่องเต้ก็ยังทรงตรัสถามด้วยความห่วงใย ถึงเวลานี้เองที่ถังเฉียนมาปรากฏในพระกรรณฮ่องเต้อีกครั้ง
บรรดาขุนนางใหญ่มีความเห็นต่างๆ นานา แต่ก่อนที่จะได้พบถังเฉียนนั้นล้วนเป็นการคาดเดาทั้งสิ้น ขณะที่ฮ่องเต้ซึ่งทรงเคยพบนางแล้วทรงรู้สึกว่าคนเหล่านี้พูดจาขยายความเกินจริงทั้งสิ้น ยังไม่ถึงเที่ยง ทหารราชองครักษ์ในวังก็มาถึงจวนจินซิวอ๋อง ฮ่องเต้ทรงมีพระบัญชาให้เชิญถังเฉียนเข้าวัง
นางเข้าวังอีกครั้ง ครั้งก่อนมีคนไม่มากที่รู้ว่านางเป็นใคร รู้สึกเพียงว่านางแต่งตัวประหลาด แต่เวลานี้เมื่อใครเห็นนางก็จะรู้สึกหวาดกลัว
“อาหรูน่า หมอผีแห่งเหมียวเจียง ถวายบังคมเพคะ”
นี่เป็นคำเพ็ดทูลอย่างเป็นทางการประโยคแรกของนาง ต่อฮ่องเต้ ก่อนหน้านี้นางไม่มีสิทธิพูด เพียงแต่ยืนดูฮ่องเต้ตรัสกับซูซินเหลียนอยู่ห่างๆ แต่ไม่ถึงสามวัน นางก็เข้ามายังพระตำหนักหย่างซิน ยืนอยู่ข้างๆ เหล่าขุนนางใหญ่
“ได้ยินมานานแล้วว่าวิชาหมอของหมอผีเหมียวเจียงสูงส่ง แต่กลับไม่ชอบเผยโฉมหน้าที่แท้จริงต่อหน้าผู้คน ตัวข้าได้ยินว่าเจ้าช่วยชีวิตพระโอรสใหญ่ ยังคิดว่าเจ้าเป็นหมอที่เก่งกาจมีความเมตตา คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องที่ต่ำช้าเช่นนี้ ฝ่าพระบาทเพคะ คนเช่นนี้ไม่ควรให้มีชีวิตต่อไปอีกเพคะ”
ฮ่องเต้ทรงได้ยินมาก่อนแล้วว่าอาหรูน่าผู้นี้ไม่ธรรมดา แต่เมื่อทอดพระเนตรเห็นนางยืนนิ่งไม่พูดไม่จา ก็ทรงรู้สึกว่านางดูลึกลับมาก ยิ่งเป็นคนที่ลึกลับ ฮ่องเต้ก็ยิ่งทรงสนพระทัย
“ฝ่าพระบาทเพคะ ลากนางออกไปประหารจะดีกว่าเพคะ นางจะได้รู้ถึงกฎเกณฑ์ของเซวียนกั๋วเรา พระองค์ต้องทรงให้ความเป็นธรรมต่อท่านมหาเสนาบดีนะเพคะ”
อันกุ้ยเฟยกล่าวร้ายถังเฉียนอย่างเต็มที่ แต่ขณะนี้ถังเฉียนยังเปิดปากพูดไม่ได้ เพราะโดยหลักการแล้วนางควรฟังที่อันกุ้ยเฟยกราบทูลไม่เข้าใจแม้แต่คำเดียว
ฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ ล่ามรีบเข้ามาทันที แล้วได้ยินพระองค์ตรัสสองสามคำอย่างแผ่วเบา ล่ามจึงมาถ่ายทอดพระราชดำรัสให้ถังเฉียนฟัง
“ฝ่าพระบาทตรัสถามเจ้า เหตุใดเจ้าจึงวางยาพิษครอบครัวท่านมหาเสนาบดี”
ถังเฉียนได้ฟังก็รู้ว่าฮ่องเต้ต่างจากอันกุ้ยเฟย สิ่งที่พระองค์สนพระทัยคือนางวางยาพิษหรือไม่ ไม่ใช่ทรงคิดลงโทษนางทันที ดูแล้วฮ่องเต้ไม่ได้ทรงเห็นความสำคัญของมหาเสานาบดีท่านนี้นัก ดังนั้นหมากตานี้ นางยังมีโอกาสพลิกกลับ ทำให้รู้สึกคลายความวิตกลง แล้วทูลตอบว่า
“อาหรูน่าไม่ได้วางยาพิษเพคะ หลายวันมานี้มีคนใส่ร้ายอาหรูน่า ฝ่าพระบาทต้องทรงให้ความเป็นธรรมต่ออาหรูน่าด้วย อาหรูน่ารับคำสั่งจากท่านอ๋องมาถ่ายทอดคำพูด คิดไม่ถึงว่าตอนที่ออกจากเมืองจะถูกทหารองครักษ์ของท่านมหาเสนาบดีขัดขวางไว้ แล้วพาตัวไปยังจวน ได้ข่าวว่าคนในจวนเกิดโรคร้ายระบาด จึงใช้วิชาลับของเหมียวเจียงช่วยรักษา แต่โรคแพร่ระบาดออกไปอย่างรวดเร็ว ยังดีที่อาหรูน่าจัดการอย่างทันท่วงที จึงไม่ลุกลามออกไปเพคะ”
ถังเฉียนกราบทูลจบ ล่ามจึงแปลให้ฮ่องเต้ พระสนมและบรรดาขุนนางตามที่นางพูดทุกคำ การที่ได้ฟังคำพูดตนเองสองรอบก็สนุกดี
“เหลวไหล ถ้าเป็นจริงเช่นนั้น เหตุใดท่านมหาเสนาบดีจึงไม่ยอมให้ฝ่าพระบาทเสด็จไปเยี่ยม เห็นได้ชัดว่าถูกเด็กอย่างเจ้าเล่นงาน ฝ่าพระบาท พระองค์…”