ตอนที่ 290 ทะเลาะวิวาท
ถังเฉียนจงใจพูดยั่วพวกเขา แต่ตั้งใจใช้ภาษาเหมียวเจียง ดังนั้นในที่นี้จึงมีเพียงหันเทียนซวี่ที่ฟังออก
“คิดไม่ถึงว่าท่านหมออายุยังไม่มาก กลับมีสายตากว้างไกล ทหารราชองครักษ์กลุ่มนี้ส่งหมอหลวงจากสำนักเมืองหลวงไปหลายชุดแล้ว พวกเขารู้ดี ทุกครั้งไปแล้วไม่มีใครกลับมา ดังนั้นตายที่ใดล้วนไม่สำคัญ แต่ท่านหมอรู้สึกหรือไม่ว่าสองคนนั้นที่ต่อสู้กัน ท่าทางไม่เหมือนหมอหลวงเลย”
ถังเฉียนก้มหน้ายิ้ม นางเอาแต่หลับตาทำสมาธิ รอให้ถึงเวลา ทหารราชองครักษ์ย่อมมาเรียกพวกเขาให้ออกเดินทาง สำหรับคนที่นอนอยู่บนพื้นหรือถูกทุบตีปางตาย ทหารย่อมไม่ยุ่งด้วย หากเกิดพลั้งมือฆ่ากันตายจริงๆ ก็ไม่เป็นไร จดชื่อไว้ แล้วโยนศพเข้าไปในป่าก็สิ้นเรื่อง
“โธ่เอ๊ย ข้ารู้อยู่แล้วว่านี่ไม่ใช่งานที่ดี แต่จะตายดีตายร้าย สรุปแล้วก็เหมือนกัน…พวกเจ้าเลิกต่อสู้กันเถอะ…”
ถังเฉียนฟังที่หมอหลวงคนนั้นพูดไกล่เกลี่ยรู้สึกว่ามีความหมาย เขาอายุมากกว่าทุกคน สองคนนั้นชกต่อยกันจนใบหน้าบวม แม้จะแต่งกายดี แต่ถังเฉียนเข้าใจดี ไม่รู้ว่าขุนนางพวกนั้นไปหานักโทษประหารมาจากไหน ถังเฉียนยังดูออกว่าทหารราชองครักษ์พวกนี้ไม่กลัวว่าพวกเขาจะต่อสู้กันจนตาย แต่กลัวคนพวกนี้หนีไป พร้อมกับคอยมองดูสองคนนี้ตลอดเวลา
เรื่องนี้คาดเดาได้ไม่ยาก เมื่อครู่สองคนนั้นพูดกระซิบกระซาบกัน คงจะรอให้ถังเฉียนเข้าไปห้าม สองคนนั้นรู้ว่าถังเฉียนต่างจากคนอื่น เกรงว่าถึงตอนนั้นทั้งสองคนจะจับถังเฉียนเป็นตัวประกันเพื่อขู่ทหารราชองครักษ์ และคิดจะเผ่นหนีไปก่อนออกนอกด่าน นับว่าเป็นความคิดที่ไม่เลวเลย แต่แผนนี้ไม่สำเร็จ เพราะนางไม่มีค่าอะไร
“คิดว่าท่านหมอคงจะมองออก พวกนั้นอยากจับข้าเป็นตัวประกันหรืออาจเป็นเจ้าก็ได้ สรุปแล้วไม่ว่าใครคงทุ่มสุดชีวิต พวกนั้นคงคิดว่าเราเป็นขุนนางใหญ่”
คราวนี้หันเทียนซวี่ไม่เกรงใจ พูดความในใจของพวกนั้นออกมาตรงๆ ถังเฉียนเองก็ไม่ปิดบังแล้ว
“ถ้าเราเป็นขุนนางใหญ่จริง เหตุใดถึงถูกขังรวมกับพวกนั้นเล่า ตอนที่เพิ่งเจอกันข้าได้กลิ่นเหม็นสาบบนตัวพวกเขา หลังมือยังมีรอยโซ่ตรวนชัดเจน ยังมีสิ่งใดที่ไม่ชัดเจนอีก”
หันเทียนซวี่มองดูถังเฉียน แล้วยิ้มอย่างมีความหมายลึกซึ้ง เขาเอ่ยถามว่า
“หากพวกนั้นจับท่านได้ บางทีอาจพาท่านหนีไปด้วย”
คราวนี้ถังเฉียนยิ้มแล้วพูดว่า
“ฝ่าพระบาททรงให้ข้าไปรักษาโรคที่เสิ้งจิง ในเมื่ออาหรูน่ารับพระบัญชาแล้ว ต้องทุ่มเททำให้ได้ จะล้มเลิกกลางคันได้หรือ”
หันเทียนซวี่ยิ่งรู้สึกทึ่งในตัวถังเฉียนมากขึ้น ทั้งสองมีความเห็นตรงกันในเรื่องการทะเลาะวิวาทครั้งนี้ จะห้ามปรามไม่ได้เด็ดขาด แล้วเป็นไปตามที่คาด พอสองคนนั้นไม่เห็นถังเฉียนกับนักพรตหันเข้ามาห้าม การต่อสู้ก็เห็นผลแพ้ชนะแล้ว
ผ่านไปครู่หนึ่งทหารราชองครักษ์ก็มาผลักพวกเขาขึ้นรถ แยกกันนั่งทางซ้ายและขวา แต่ไม่ขัดขวางการที่สองคนนี้จะพูดคุยกัน
“พวกเจ้าสองคนไม่อยากไปเสิ้งจิงตั้งแต่แรกก็ไม่ควรขึ้นรถมา ทั้งๆ ที่รู้ว่าต้องแลกด้วยชีวิต เหตุใดยังคิดจะหนีอีก หากฃพวกทหารกลัวจริงๆ ว่าพวกเจ้าจะจับพวกเราเพื่อข่มขู่ ก็คงไม่ให้พวกเรานั่งรถม้าคันเดียวกันหรอก”
หันเทียนซวี่ไม่กลัวว่าเวลานี้เอ่ยขึ้นแล้วจะทำให้สองคนนั้นยอมเสี่ยงตาย พวกเขาอยู่ในรถ คิดจะลงมือแม้จะง่าย แต่ถ้าคิดหนีกลับเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงฉวยโอกาสเมื่อครู่เพื่อล่อถังเฉียนกับพวกให้ไปไกลหน่อย แต่คิดไม่ถึงว่าถังเฉียนไม่ตามพวกเขาไป พวกเขายังดึงความสนใจของพวกทหาร จึงได้ไม่คุ้มเสีย
ตอนที่ 291 สู้ตาย
ถังเฉียนยื่นนิ้วออกไปเลิกม่านขึ้นมองดูนอกรถม้า พบว่าทหารราชองครักษ์อยู่ห่างออกไปแล้ว นางจึงเอ่ยพูดด้วยภาษาเซวียนกั๋ว
“พวกเจ้าทำความผิดอันใด ถึงยอมมาเสี่ยงหาทางออกเช่นนี้”
หันเทียนซวี่ก็พยักหน้า สองคนนั้นพากันถอนหายใจ สุดท้ายเป็นคนที่อายุมากกว่าเล็กน้อยเอ่ยปากว่า
“สองคนนี้เป็นผู้เข้าสอบรับราชการฝ่ายบู๊ครั้งนี้ ฝึกวิชายุทธมาตั้งแต่เล็ก มาที่เมืองเจาหยางแห่งนี้เพื่อสอบเป็นจอหงวนบู๊ แต่คิดไม่ถึงว่าที่ประตูเมืองจะพบคนตระกูลสูงกำลังลวนลามสาวสวย พวกเขาอดใจไม่อยู่จึงลงมือช่วย ทำร้ายหนุ่มตระกูลสูงจนพิการ ฝ่ายนั้นต้องการให้สองคนนี้ชดใช้ด้วยชีวิต ถ้าไม่ใช่เพราะบังเอิญฝ่าพระบาททรงประกาศหาหมอเดินทางไปเสิ้งจิง สองคนนี้คงถูกฆ่าตายในคุกไปแล้ว”
หันเทียนซวี่ประสานมือคารวะ แล้วถามว่า
“ศิษย์พี่ท่านนี้ ไม่ทราบว่าชื่ออะไร”
“คงไม่บังอาจเป็นศิษย์พี่ แค่อายุมากหน่อยเท่านั้น ข้าแซ่หลี่ ชื่อกู้อัน”
ถังเฉียนถามว่า
“เจ้ารู้เรื่องพวกเขาละเอียดมาก”
หลี่กู้อันส่ายหน้า แล้วตอบอย่างท้อใจว่า
“เหตุใดจะไม่รู้ ตอนนั้นผู้สูงศักด์ให้ข้าไปปรามลูกชายสารเลวของเขา ข้าบอกแล้วว่าร่างกายเขาอ่อนแอเพราะสุรานารี ไม่เช่นนั้นคงไม่ตายง่ายๆ เช่นนี้ สองคนนี้แค่ชกสองหมัดเท่านั้น ข้าเล่าไปตามความจริง แต่ลูกชายผู้สูงศักดิ์อาการสาหัส ไม่กี่วันก่อนก็เสียชีวิต แล้วโยนความผิดให้กับข้า ข้าถูกปรักปรำอย่างแท้จริง”
ถังเฉียนฟังที่เขาเล่ากลับรู้สึกว่าน่าสนใจ
“หากเป็นอย่างที่เจ้าพูด ที่เขาอ่อนแอเช่นนั้นเป็นเพราะมัวเมาในสุรานารีจนร่างกายทรุดโทรม คิดแล้วร่างกายเขาคงอ่อนแอจนยุ่งกับผู้หญิงไม่ได้แล้ว ไฉนยังก่อเรื่องเดือดร้อนได้ ที่ท่านหลี่พูดจึงเหมือนจริงบ้างไม่จริงบ้าง แสดงว่าไม่ไว้ใจพวกเรา”
ถังเฉียนพูดจบ หลี่กู้อันก็ถอนหายใจหนักๆ ชายหนุ่มสองคนนั้นถอนหายใจตามไปด้วย มีบางเรื่องที่พวกเขาไม่สะดวกที่จะเอ่ยปาก จะอย่างไรพวกเขาก็เป็นลูกหลานของครอบครัวที่ดี ต่อหน้าหญิงสาว ย่อมรู้สึกลำบากใจ สุดท้ายเป็นหันเทียนซวี่ที่มองออกถึงความวิตกที่ทำให้พวกเขาลังเล จึงพูดว่า
“หรือว่าเป็นน้ำอมฤต”
น้ำอมฤต?
พอถังเฉียนได้ยินคำนี้ สิ่งแรกที่นางนึกถึงคืออาหารของเสี่ยวจิน ขณะนี้ท่านอ๋องไม่อยู่ จำนวนกิ่งไม้ทองใบไม้หยกก็ลดลง ไม่รู้ว่าวันไหนจะไม่มีให้เสี่ยวจินกิน ถึงตอนนั้นไม่รู้จริงๆ ว่าจะหาอาหารจากไหนมาให้ เมื่อคิดแล้วก็รู้สึกกังวล
“ท่านหมอคงจะไม่รู้ ก่อนหน้านี้ที่นักเวทย์กลุ่มหนึ่งมาที่เจาหยาง พวกเขาอ้างว่าบำเพ็ญเพียรในถ้ำเฉียนคุนทางภาคเหนือ เวลานี้ได้รับบัญชาสวรรค์ให้ลงมาจากเขาเพื่อฝึกวิชา อยากสร้างอารามเต๋าแห่งหนึ่งในดินแดนล้ำเลิศอย่างเจาหยาง จำเป็นต้องใช้เงินทองจำนวนมหาศาล ดังนั้นพวกเขาจึงจะขายน้ำอมฤตที่อาจารย์มอบให้พวกเขา”
ถังเฉียนร้องอืมออกมา ขณะที่จะเอ่ยถามว่าน้ำอมฤตมีสรรพคุณอย่างไร หันเทียนซวี่ก็ตอบเรื่องที่นางสงสัย
“น้ำอมฤตมีสรรพคุณทำให้ร่างกายแข็งแรง รู้สึกกระฉับกระเฉง โดยเฉพาะผู้ชาย ถือว่าเป็นยาวิเศษเลย ช่วยเพิ่มพลังทางเพศ แม้ต้องจ่ายเงินมหาศาลก็ไม่เสียดาย”
เขาเล่าถึงตรงนี้ ถังเฉียนย่อมเข้าใจ ยานี้มีสรรพคุณไม่ต่างจากยาจินเกอ แม้นางจะเป็นผู้หญิง แต่เกิดในตระกูลแพทย์ ย่อมเข้าใจเรื่องบนเตียงระหว่างหญิงชาย หลี่กู้อันพูดอีกว่า
“ยานี้ได้ผลดีมาก แม้จะไม่รู้ว่าพวกเขาใช้สิ่งใดปรุงยานี้ขึ้นก็ตาม ได้ยินว่าใต้เท้าหลี่อายุกว่าหกสิบยังได้ลูกชาย ยังมีผู้ชายอีกหลายคนใช้แล้วรู้สึกกระฉับกระเฉง เพราะคุณชายท่านนี้ดื่มยาดังกล่าวจึงก่อเรื่องบัดสีขึ้น”