ตอนที่ 310 ทางเดิน
ถังเฉียนร้องอืม แต่จากนั้นก็ยิ้มทันที แล้วอธิบายว่า
“ความสัมพันธ์ระหว่างหมอผีเรากับแมลงปีศาจ ไม่ได้ง่ายเช่นเจ้าคิด มีความเชื่อมโยงกันทางจิตใจคล้ายคนกับคน”
หันเทียนซวี่ฟังแต่ยังไม่ค่อยเข้าใจ แต่เสี่ยวจินทนต่อการถูกกล่าวถึงตลอดไม่ได้ นางเพิ่งพูดจบมันก็โผล่ออกมาจากน้ำ ตัวเปียกโชก จากนั้นมันก็มุดเข้าไปในอกของถังเฉียน เกาะอยู่บนอกเสื้อนางแล้วกางปีกออก
“เสี่ยวจิน ไหนว่าเจ้าจะไม่มา”
เสี่ยวจินพูดไม่ได้ แต่มันหันก้นให้ถังเฉียนอีก เมื่อมันมาแล้ว ย่อมสามารถได้รับลวดฟ้าแล้ว ถังเฉียนเองก็ไม่เกรงใจ รวบรวมลวดฟ้าทั้งหมดไว้
ลวดฟ้ามีทั้งหมดสามเส้น ความสูงใกล้เคียงกัน น่าจะพุ่งเป้าไปที่เผ่าคนแคระ
“ทางเดินเส้นนี้ออกแบบได้แปลกมาก ข้าดูแล้วพวกเขาคงวิตกว่าคนเผ่านี้จะหนีออกไป จึงจงใจสร้างกลไกไว้”
หันเทียนซวี่มองดูเสี่ยวจินกัดลวดฟ้าขาดอย่างง่ายดาย แล้วใส่ลงในถุงย่ามของถังเฉียน เขามองดูด้วยความอิจฉา
“แมลงปีศาจของหมอผีร้ายกาจอย่างนี้ทุกตัวหรือไม่ มันออกลูกหรือไม่ เอาให้ข้าได้หรือไม่…”
ยังเขาพูดไม่ทันจบ เสี่ยวจินก็บินมาตรงหน้าหันเทียนซวี่ กัดนิ้วทั้งสิบนิ้วของเขาทันที แล้วบินกลับมา
“ช่างเถอะ ช่างเถอะ ถือว่าข้าไม่ได้พูด”
ถังเฉียนไม่รู้ว่านี่เป็นวิธีสั่งสอนคนแบบใหม่ของเสี่ยวจินหรือไม่ อย่างไรสิบนิ้วก็เชื่อมโยงกับหัวใจ เมื่อถูกกัดนิ้วมือย่อมเจ็บปวดมากเป็นพิเศษ ทั้งสองเดินต่อไปข้างหน้า ในเขตทางเดินไม่มีกลไกอื่น ไม่น่ากลัวอย่างที่เล่าขานกันในตำนาน
“แปลกมาก ที่นี่กลับไม่มีกลไกอะไรเลย แปลกเกินไป”
ที่ทั้งสองสำรวจอยู่เป็นป้อมปราการในสายตาของถังเฉียน และเจ้าของป้อมปราการใต้ดินแห่งนี้เป็นชนเผ่าที่มีชื่อเสียงด้านการสร้างกลไก แต่ตั้งแต่พวกเขาเข้ามายังไม่เจอกลไกแม้แต่อันเดียว ยกเว้นลวดฟ้าสามเส้นนั้น ทางเดินยาวกว่าแปดสิบเมตร ยิ่งเดินลงไปก็ยิ่งรู้สึกอุ่นขึ้น
“ที่นี่ไม่เจอแสงสว่างมานาน เหตุใดจึงร้อนขึ้นได้”
ทั้งสองเดินตรงมาตามทางเดินมาจนมาถึงถึงทางแยก คราวนี้หันเทียนซวี่ไม่ได้ใช้เหรียญทองแดงสามอันเสี่ยงดวง แต่เป็นเสี่ยวจินที่นำทางอยู่ข้างหน้า ทางแคบลงเรื่อยๆ สุดท้ายทำได้เพียงหมอบคลานไปข้างหน้า
“ข้างหน้ามีแสงสว่าง”
หันเทียนซวี่อยู่ข้างหน้า พอเห็นแสงสว่างจึงคลานเร็วขึ้น แต่พอมาถึงสุดทางกลับไม่พูดอะไร แต่พยายามขยับไปด้านข้าง อยากหลบให้พ้นจากจุดที่มีแสงสว่าง
“ที่นี่คือ?”
ถังเฉียนตามลงมาด้วย ตรงปากทางออกเป็นแท่นเล็กๆ รองรับคนได้สองสามคน ข้างนอกมีรั้วกั้น ทำให้พวกเขาออกไปไม่ได้ น่าจะเป็นช่องระบายอากาศ
ถังเฉียนมองดูด้านล่าง มีแสงจ้ามากสาดส่องมายังดวงตา นางรู้สึกว่าแสงนี้แยงตา มีความรู้สึกคล้ายกับจ้องมองดวงอาทิตย์ตรงๆ
ถังเฉียนพักสายตาเล็กน้อย แล้วมองลงไปอีก มีเสียงตึงๆ ตังๆ เหมือนเสียงเคาะตี หันเทียนซวี่ส่งสัญญาณบอกนางไม่ให้พูด ที่นี่สว่างจ้าจนน่ากลัว ในโลกใต้ดินแห่งนี้ มีคนอาศัยอยู่มากมาย ถังเฉียนไม่รู้จริงๆ ว่าลูกทรงกลมนี้ทำขึ้นได้อย่างไร
“เพี๊ยะ!”
เสียงหวดแส้ แล้วมีเสียงขู่ตะคอก
“รีบทำเข้า ห้ามอู้งาน พวกเจ้าอย่าคิดอะไรบ้าๆ เด็ดขาด ถ้าข้าพบว่าพวกเจ้าทำอะไรผิดแปลกไป พวกเจ้าตายแน่”
ถังเฉียนมองเห็นทั้งชายและหญิงกำลังทำงานอยู่ คนเหล่านี้กำลังขนย้ายของ เป็นหินสีน้ำตาลชนิดหนึ่ง ถังเฉียนเห็นเหาเก๋อในคนกลุ่มนั้น
บนร่างเขามีรอยแส้ บนแผ่นหลังมีคราบเลือด เขายกหินสีน้ำตาลก้อนใหญ่ด้วยมือที่สั่นระริก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะหวาดกลัวหรือเจ็บปวด
“เจ้าเห็นสิ่งใด”
ตอนที่ 311 จดหมายของท่านอ๋อง
หันเทียนซวี่พยักหน้าเป็นสัญญาณว่าเขามองเห็นเหาเก๋อ เขายังเด็กมาก แต่ถูกบังคับให้ทำงานหนักเช่นนี้ ช่างน่าสงสารมาก
ถังเฉียนเห็นข้างล่างมีผู้คุมหลายคน แต่ส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่เห็นคนที่เรียกว่าคนแคระ
ทั้งสองถอยกลับมาที่ทางเดินเมื่อครู่ แล้วคลานกลับไป ถังเฉียนส่งแมลงปีศาจที่แข็งแรงมากสองตัวไปเก็บตัวอย่างหินที่พวกเขากำลังขนย้าย
“คืนนี้ไม่เหมาะที่จะลงมือ เราตรวจสอบก่อนว่าของพวกนี้คือสิ่งใดแล้วค่อยว่ากัน”
ทั้งสองคนลำบากแทบแย่กว่าจะกลับมายังห้องพักของพวกเขาได้ ถังเฉียนนอนพลิกตัวไปมา เห็นภาพใบหน้าเหาเก๋อตลอดเวลา จนนอนไม่หลับ
จะอย่างไรอีกไม่นานฟ้าก็จะสว่างแล้ว ถังเฉียนจึงลุกขึ้นนั่ง แล้วจุดตะเกียง นางไม่กล้าวาดแผนที่สถานที่นั้นลงบนกระดาษ จึงใช้น้ำวาดลงบนโต๊ะ จากนั้นจึงมองกลับไปกลับมา รู้สึกว่ามีบางที่ดูแปลกๆ นางลองเลือกเดินไปทางอื่น สุดท้ายจะเป็นจุดที่คนเหล่านั้นทำงาน แต่ระยะห่างของแต่ละเขตนั้นไม่เท่ากัน
ถังเฉียนหยิบหินตัวอย่างขึ้นมา จนถึงตอนนี้นางยังวิเคราะห์ไม่ออกว่าของเหล่านี้คือสิ่งใด รู้สึกเพียงแค่ว่าแปลกมาก
รุ่งเช้าทั้งถังเฉียนและหันเทียนซวี่ปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนในสภาพที่ขอบตาดำคล้ำ หลี่กู้อันที่เป็นคนปากไว พอเห็นก็พูดขึ้นทันที
“เมื่อคืนพวกเจ้าสองคนทำอะไรกัน เหตุใดจึงดูอ่อนล้าเช่นนี้”
ถังเฉียนมองดูหันเทียนซวี่ หันเทียนซวี่พูดว่า
“เมื่อคืนข้าสังเกตดวงดาว อย่างไรก็เหลือเวลาให้พวกเจ้าไม่มากแล้ว เร่งทำงานหน่อย”
ที่หันเทียนซวี่พูดยังมีเหตุผล จะอย่างไรเขาก็เป็นโหรดูดาว การดูดาวเป็นหน้าที่เขา แล้วถังเฉียนล่ะ เมื่อคืนเธอสั่งไม่ให้ใครมารบกวน จึงน่าแปลก
“มีอะไรน่าแปลก เมื่อคืนข้าค้นคว้ายาใหม่ อย่างไรก็มีเวลาไม่มากแล้ว”
ถังเฉียนเลียนแบบน้ำเสียงของหันเทียนซวี่ แต่พอนางเพิ่งพูดจบ ผู้คุมเมื่อวานนี้ก็มาหาแล้วพูดว่า
“อาหรูน่า จดหมายเจ้า”
ถังเฉียนแปลกใจเมื่อได้ยินว่าจดหมาย เมื่อรับมาพลิกดูก็เห็นชัดว่าเป็นจดหมายของจินซิวอ๋อง บนนั้นมีตราประทับของจินซิวอ๋องและสัญลักษณ์ประจำตระกูล ถังเฉียนไม่เห็นสัญลักษณ์นี้นานแล้ว จึงรู้สึกคิดถึง นึกถึงคราวก่อนที่เสี่ยงอันตรายกับเขา
“ไม่รู้ว่าเวลานี้ท่านอ๋องจะเป็นอย่างไรบ้าง”
ถังเฉียนกฉีกซองจดหมายออก แต่เมื่อดูรอยปิดที่ซองไม่สนิทก็รู้ว่ามีคนเปิดอ่านแล้ว แต่พวกนั้นให้คนพยายามปิดซองให้ดี แสดงว่าไม่อยากให้ถังเฉียนรู้ว่าพวกเขาอ่านจดหมายแล้ว
“สบายดีนะ ข้าจะมาถึงในต้นเดือนเก้า ดูแลตัวเองด้วย อย่าก่อเรื่องเดือดร้อน”
ถังเฉียนอ่านจดหมาย แม้จะบอกว่าฉู่จิ่งเหยาหวังดี แต่นางก็ยังขย้ำจดหมายฉบับนั้นแล้วโยนออกไปนอกห้อง
“หมายความว่ายังไง อย่าก่อเรื่องเดือดร้อน ใครก่อเรื่องเดือดร้อน”
ถังเฉียนเดินออกไป แต่ชายกระโปรงถูกเด็กคนหนึ่งดึงไว้ เด็กน้อยกำกระโปรงถังเฉียนไว้แน่น แต่ไม่พูดอะไร เพียงแต่ดึงกระโปรงไว้
“นี่ ปล่อยกระโปรงท่านหมอซะ อยากถูกตีหรืออย่างไร”
คนที่ติดตามถังเฉียนไม่พอใจ ตรงเข้ามาตีเด็กทันที
“หยุดนะ เขาเป็นแค่เด็กเท่านั้น”
ถังเฉียนนั่งยองๆ ลง แล้วพยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนที่สุด
“เจ้าหนู มาหาข้า มีเรื่องใดหรือ”
หนูน้อยกำดินสีดำไว้ในมือ แล้วปาใส่ใบหน้าถังเฉียนตรงๆ ปาเสร็จก็วิ่งหนี ทหารสองนายวิ่งไล่ตามไป เพียงไม่กี่ก้าวก็คว้าตัวเจ้าหนูกลับมา