ตอนที่ 316 ขยายเผ่าพันธุ์
ตัวเสิ้งพูดถึงตรงนี้ก็ชะงัก ไม่พูดต่อ หันเทียนซวี่จึงถามว่า
“สู้อะไรไม่ได้”
คนที่อยู่ข้างตัวเสิ้งดึงเขาเบาๆ ตัวเสิ้งยักไหล่ ไม่ใส่ใจที่คนผู้นั้นเตือน สายตาเขากลับเย็นชามากขึ้น
“ที่ไม่ควรถามก็จงอย่าถาม อย่างไรพวกเจ้าก็ไม่ได้ดีอะไรหรอก”
ถังเฉียนเห็นตัวเสิ้งโมโห จึงถามว่า
“เอาละ เอาละ เราไม่ถามแล้ว ตอนนี้เจ้าพาพวกข้ามาที่นี่ อยากให้พวกข้าช่วยอะไรพวกเจ้า อย่างไรคงไม่ให้พวกข้ารู้ความลับของพวกเจ้าเปล่าๆ ใช่หรือไม่”
ตัวเสิ้งมองซ้ายมองขวาแล้วพูดว่า
“เจ้าบอกว่ามีวิธีช่วยพี่ชายข้าไม่ใช่หรือ ข้ามีทางเส้นหนึ่งไปถึงที่นั่นได้ เจ้าต้องรีบช่วยพี่ชายข้า หากสายเกินไป เขาอาจปนเปื้อนไปแล้ว”
ปนเปื้อน? คำนี้ฟังดูแล้วน่าสนใจ
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าในนั้นขุดอะไรอยู่”
คนที่อยู่ข้างๆ ตัวเสิ้งดึงเขาอีก ถังเฉียนนึกรำคาญ จึงดึงคนผู้นั้นออกไป แล้วพูดว่า
“เจ้าไม่ต้องละล้าละลัง พวกเจ้าไม่ยอมให้เขาพูด แต่ก็อยากให้พวกข้าช่วยคน บนโลกนี้มีเรื่องดีอย่างนี้ด้วยหรือ พวกเจ้าต้องพูดกับข้าให้ชัดเจน คนข้างนอกพวกนั้นมาจากที่ใด โรคระบาดครั้งนี้เป็นพวกเขาก่อขึ้นใช่หรือไม่”
ตัวเสิ้งยิ้มแล้วพูดว่า
“ข้าบอกแล้วว่าเราปิดบังนางไม่ได้หรอก นางเป็นคนฉลาด แค่ดินสีดำหนึ่งกอบก็กล้ามาหาข้ากลางดึก นางฉลาดกว่าลิงหลายส่วน”
ถังเฉียนไม่รู้ว่าที่พูดเช่นนี้นับว่าตัวเองถูกยกย่องหรือไม่ แต่รู้สึกว่าใบหน้าตนร้อนผ่าว
“ใช่ ข้าถือว่าตัวเองฉลาดหรอก แต่ก็ยังสู้เจ้าไมได้”
ตัวเสิ้งถูกเยินยอก็พอใจไม่น้อย จากนั้นจึงดึงถังเฉียนและหันเทียนซวี่ให้นั่งลง แล้วเล่าเรื่องเผ่ากุ้ยลี่ให้ทั้งสองฟัง
ประชากรของพวกเขาลดลงอย่างต่อเนื่อง หัวหน้าเผ่าวิตกมาก จึงตัดสินใจจะแต่งงานกับคนนอกเผ่า ดังนั้นจึงมีคนที่ร่างกายสูงใหญ่แข็งแรงที่สุดในเผ่าเดินทางออกจากป่าลึกบนเขาแห่งนี้ หัวหน้าเผ่านำพวกเขาไปซื้อหญิงสาวกลับมาหลายนาง
ยังเลือกสามีให้พวกนาง แน่นอนว่าหญิงสาวที่พวกเขาซื้อมาส่วนใหญ่ร่างกายใหญ่โต แต่ทำเช่นนี้กลับเกิดข้อเสียขึ้น นั่นคือเด็กที่เกิดมาแม้จะสูงใหญ่ขึ้น แต่ส่วนมากไม่ได้สืบทอดความเฉลียวฉลาดของพวกเขา
คนในเผ่ารู้สึกขัดใจเรื่องนี้มาก พวกเขาต้องการปกป้องความสูงส่งของเผ่าพันธุ์ เพื่อให้แน่ใจจึงจัดเด็กที่ไม่ได้เกิดจากการแต่งงานกับคนต่างเผ่าเป็นเด็กชั้นสูง และให้การปกป้องเป็นพิเศษ ให้เด็กเหล่านี้เลือกหญิงในเผ่า
เมื่อเป็นเช่นนี้ระยะหนึ่ง เด็กที่เกิดจากคนต่างเผ่าก็กลายเป็นคนชั้นต่ำในเผ่ากุ้ยลี่ พวกเขาไม่ยอมตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ทั้งยังถูกแม่ของตนเองยุแหย่ จึงเริ่มมีคนแอบหนีออกไป
ถังเฉียนฟังเรื่องราวนี้แล้วรู้สึกถึงการที่ตระกูลใหญ่และเผ่าพันธุ์หนึ่งค่อยๆ ล่มสลายไป เรื่องราวทำนองนี้น่าเศร้าเป็นพิเศษ
“หลังจากนั้นเล่า”
หันเทียนซวี่กลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อเรื่องนี้มาก ไม่รอให้ตัวเสิ้งเล่าต่อก็รีบถามทันที ถังเฉียนมองดูผู้คนรอบๆ นางพอจะนึกภาพออก เกรงว่าคนเหล่านี้คือสายเลือดชาวเผ่ากุ้ยลี่รุ่นสุดท้ายแล้ว
“จากนั้นมีคนนำเรื่องของพวกเราไปบอกกับอ๋องอุดร ซึ่งก็คือฮ่องเต้แห่งเสิ้งจิง พระองค์ส่งทัพมาล้อมที่นี่ เราถูกควบคุมในสภาพที่ไม่ได้เตรียมพร้อม หลังจากนั้นคนผู้นั้นก็พาพวกเขาไปค้นหาจนพบทางเข้าป้อมปราการใต้ดิน แล้วลงมือทำเหมืองอย่างไม่หยุดหย่อน”
มุมปากถังเฉียนกระตุก แล้วพูดว่า
“พวกนั้นมาถึงที่นี่เมื่อใด”
ตอนที่ 317 เจ้าชาย
“น่าจะเป็นเดือนเก้า”
เดือนเก้า?
“หรือว่าพวกเจ้าอาศัยอยู่ที่นี่ตลอดมา อยู่ใต้ดินเช่นนี้ไม่ได้หรอก คนเราถ้าไม่ถูกแสงแดดเป็นเวลานานจะตายได้”
ตัวเสิ้งสั่นหัวแล้วพูดว่า
“เราอยู่ที่นี่ราวยี่สิบวัน ครั้งก่อนที่หมอหลวงชุดนั้นมา พวกเราก็ถูกพบเข้า ท่านพ่อวานให้พวกเขาไปทูลต่อฮ่องเต้ ขอให้คืนอิสรภาพให้แก่เรา แต่เรื่องนี้ข้าหลวงใหญ่รู้เข้า เราสู้รบกับพวกเขาถึงสองครั้ง ผลก็คือเราเป็นฝ่ายแพ้จนต้องล่าถอย นอกจากคนเหล่านี้แล้ว คนที่เหลือล้วนทำงานอยู่ในกรงเหล็ก ข้ากับท่านพี่ได้รับการยกเว้น”
หันเทียนซวี่ถาม
“พวกเจ้ามีอะไรพิเศษหรือ”
คราวนี้คนที่พูดคือชายที่อายุมากกว่าข้างๆ ตัวเสิ้ง เขาบอกว่า
“คุณชายตัวเสิ้งและคุณชายเหาเก๋อเป็นเจ้าชายแห่งเผ่ากุ้ยลี่เรา พวกเขาเป็นคนโปรดของเทพสวรรค์ พวกข้าบูชาเทพสวรรค์ ถ้าพวกนั้นทำร้ายคุณชายทั้งสอง พวกข้าจะสู้ตายกับพวกนั้น นี่เป็นขีดความอดทนสุดของพวกข้า”
ถังเฉียนพูดว่า
“ที่แท้ก็เป็นตัวประกัน”
ตัวเสิ้งได้ยินคำว่าตัวประกันทำให้แววตาหมองลงทันที ไม่หยิ่งผยองเหมือนเมื่อครู่แล้ว ท่าทางท้อแท้ของเขาดูน่าสงสาร
ถังเฉียนคิดไม่ถึงว่าเหาเก๋อจะเป็นถึงเจ้าชาย เรื่องราวบนโลกนี้ยากที่จะคาดเดาจริงๆ ถ้าเช่นนั้นที่เขาไม่ยอมให้ถังเฉียนกับพวกเข้าใกล้ที่นี่ เมื่อวานยังถูกจับตัวไป ดูแล้วจะไม่ใช่ความผิดของถังเฉียนแล้ว
“ถ้าเช่นนั้นเมื่อวานเหตุใพวกนั้นจึงจับเหาเก๋อเล่า”
ตัวเสิ้งฟังคำถามนี้แล้วไม่ได้พูดต่อ เขาถอนหายใจยาว ดูเหมือนจะเศร้าใจมาก รอให้คนที่อายุมากกว่าอธิบายกับพวกเขาอีก
“ทุกครั้งที่พวกนั้นจะทำเรื่องใหญ่ จะจับหนึ่งในสองพี่น้องเข้าไป ป้องกันไม่ให้พวกข้าออกหน้าก่อความวุ่นวาย แต่ครั้งนี้พวกเขาสั่นคลอนรากฐานของเผ่ากุ้ยลี่เรา ถ้าข้าไม่ไปขัดขวาง เกรงว่าพวกข้าคงไม่อาจอยู่รอดแล้ว”
ตัวเสิ้งหยิบแผนที่แผ่นหนึ่งออกมา จากนั้นจึงชี้ให้ถังเฉียนดู
“ที่นี่ก็คือที่ที่เราอยู่ ส่วนตรงนี้กับตรงนี้ ล้วนถูกพวกเขาขุดจนว่างเปล่าแล้ว ถ้าพวกนั้นยังขุดลงไปอีก เกรงว่าสิ่งก่อสร้างทั้งหมดจะถล่มลงมา ถึงตอนนั้นเราก็ไม่มีโอกาสรอดชีวิตแล้ว”
ถังเฉียนฟังจบก็ดูแผนที่อย่างละเอียด แล้วถามว่า
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าทางน้ำใต้ดินอยู่ที่ใด”
ตัวเสิ้งชี้ไปบนแผนที่ ถังเฉียนดูอย่างละเอียด แล้วขยับเข้าไปข้างในอีก ก็พบห้องที่เมื่อวานนางกับนักพรตหันเห็น จึงพูดว่า
“เมื่อวานเราเห็นเหาเก๋อที่นี่ เขาทำงานกับคนอื่นๆ ไม่ได้รับการดูแลเป็นพิเศษแต่อย่างใด”
ตัวเสิ้งว่า
“ก็แค่เพื่อหลอกลวงคนเท่านั้น เป็นการทำให้คนเผ่าเราเห็นว่าเขาอยู่ในมือพวกมัน ก็เหมือนที่ข้าอยู่ในมือพวกนั้น เขาต้องการไม่ให้เจ้าไปยุ่งกับเขา เพราะไม่นานเขาก็จะออกมา ไม่อยากให้เจ้าเสี่ยงอันตรายนั่นเอง แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน พวกนั้นทำเรื่องชั่วร้ายที่ทั้งคนและเทวดาที่เขาด้านหลังต่างเคียดแค้น”
ถังเฉียนฟังที่ตัวเสิ้งพูด จึงถามว่า
“หมายความว่าอย่างไร”
ตัวเสิ้งบอกว่า
“พวกนั้นเห็นแก่ผลประโยชน์เฉพาะหน้า จะระเบิดทำลายประตูเมืองตรงกลาง ถ้าที่นั้นถูกทำลาย ทั้งวังจะล่มสลาย พี่ชายข้าไปบอกพวกนั้น แต่พวกนั้นไม่ยอมล้มเลิก ข้าหลวงใหญ่ผู้นั้นเป็นหมูโง่อย่างแท้จริง”
ถังเฉียนได้ยินคำว่าหมูโง่ก็หัวเราะออกมา นางเห็นคนเหล่านี้สีหน้าอึดอัด คิดว่าคงถูกบีบคั้นมานานเกินไป จึงมีท่าทางหดหู่เช่นนี้
“ตัวเสิ้ง พวกเจ้าเคยคิดบ้างหรือไม่ ต่อให้ข้าสามารถช่วยพาพี่ชายเจ้ากลับมา แต่อาศัยคนของเราเพียงเท่านี้ ย่อมไม่สามารถต้านทานข้าหลวงใหญ่กับพวกได้ โดยเฉพาะอ๋องอุดร ได้ยินว่าเขามีความชอบในการสู้รบสูงมาก ตำแหน่งสืบทอดถึงลูกหลาน พวกเจ้าอยากยืนหยัดอยู่ที่นี่ต่อไปนั้นเป็นไปไม่ได้แล้ว”