ตอนที่ 338 เด็กน้อย
สำหรับถังเฉียนแล้วต้องถือว่าเป็นความรู้สึกที่ซับซ้อนมาก เพราะนางเองไม่รู้และแยกแยะไม่ออกว่าเขาเป็นคนเช่นไร แต่รู้สึกว่าเขาทั้งดีและทั้งเลว
“พี่เถิงอวิ๋น หรือเป็นพี่ที่เอาเสี่ยวจินไป”
นางเห็นกล่องหยกเวินเซียงหน่วนในมือเถิงอวิ๋น ทำให้สงสัย จึงถามเช่นนี้
“ข้าไม่ใช่คนที่เอาไป แต่ถือโอกาสช่วยเจ้าชิงคืนมา เด็กน้อยอย่างเจ้าช่างใจกล้ามาก ถึงกับทิ้งเหวินเยียนไว้ในกองทหารแล้วหนีออกมาตามลำพัง หรือว่าเจ้าไม่อยากทำตามที่ตกลงกับข้าแล้ว”
ข้อตกลง น่าจะเป็นคำสั่งมากกว่า
แต่เขาจงใจพูดแข็งกร้าว นางคุ้นเคยกับน้ำเสียงเช่นนี้ของเขาดี เวลานี้นางชาชินมากแล้ว จึงลุกขึ้น พยายามยืนตัวตรง ทำให้เขาเห็นว่านางมีความมั่นใจ
“จะไม่ทำได้หรือ เพียงแต่ข้าไม่อาจปฏิเสธพระบัญชาของฮ่องเต้เซวียนกั๋วได้ พี่คงมองออกใช่ไหม ครั้งนี้พระองค์ทรงส่งข้ามาตาย ลำบากแทบแย่กว่าจะรอดชีวิตมาได้ ยังต้องขอบคุณที่อ๋องอุดรมีเมตตา”
เถิงอวิ๋นฟังคำพูดนางซึ่งแฝงด้วยความสงสัย แล้วถอดหมวกคลุมศีรษะออก เขาไม่ใช่ชาวเหนือ เป็นชาวใต้ขนานแท้ ไม่อาจทนต่อความหนาวเย็นของภาคเหนือได้
ขณะนี้เป็นเดือนเก้า ยังไม่ถึงเดือนสิบ แต่อากาศเวลานี้สำหรับเขาถือว่าหนาวมาก ถ้าไม่สวมที่คลุมศีรษะ ใบหูคงหนาวเย็นจนแดงเรื่อแล้ว
“ที่นี่หนาวจริงๆ ข้าไม่ชอบอยู่ที่นี่เลย เจ้าต้องรักษาแม่แมลงปีศาจให้ดี คราวนี้ข้าบังเอิญเจอเข้า จึงช่วยเอากลับมาให้ คราวหน้าไม่รู้ว่าใครจะเอาไป”
ถ้าถังเฉียนเชื่อคำเท็จของเขาก็คงโง่จริงๆ ใครที่จะมีฝีมือเช่นนี้ สามารถเลียนเสียงนางจนหวังหลงแยกแยะไม่ออก ทั้งยังอาศัยกลิ่นสมุนไพรล่อเหาเก๋อออกไป
“อาหรูน่า”
จู่ๆ ก็มีเสียงคนร้องเรียกชื่อนางจากด้านหลัง นางกำลังจะขานรับก็ถูกเถิงอวิ๋นใช้มือปิดปากไว้ จากนั้นก็พูดข้างหูนางว่า
“เที่ยงคืนคืนนี้ ข้าจะรอเจ้าที่นี่”
ถังเฉียนฟังประโยคนี้จบก็รู้สึกเจ็บแปลบที่อก เจ็บปวดจนทำให้นางหมดสติไป เมื่อนางฟื้นขึ้นก็พบว่าตนเองอยู่บนหลังฉู่จิ่งเหยาแล้ว นางกอดคอเขาไว้ มองดูใบหน้าด้านข้างของเขา
“ใบหน้าด้านข้างของท่านอ๋องไม่ดุสักนิด ไม่เหมือนแม่ทัพ กลับคล้ายคุณชายที่สูงศักดิ์”
ถังเฉียนเพิ่งฟื้นก็พูดหยอกล้อฉู่จิ่งเหยา เขาหยิกแก้มนางเบาๆ ถังเฉียนสติกลับมาทันที ไม่มีท่าทางขี้อ้อนอย่างเมื่อครู่แล้ว
“โอ๊ย เจ็บจัง ข้าเป็นคนป่วยนะ”
“ไม่เคยเห็นคนป่วยที่เที่ยวหาเรื่องเดือดร้อนอย่างเจ้า”
ฉู่จิ่งเหยาอดตำหนินางไม่ได้ แต่พอเห็นนางคอพับไปแล้วราวกับไม่สามารถตั้งศีรษะตรงได้ แล้วจึงไม่พูดอะไรอีก ยังคงแบกนางเดินกลับไป
“ท่านอ๋อง ท่านรังเกียจอาหรูน่าหรือ”
ฉู่จิงเหยาเอียงหน้ามา เผอิญจมูกชนเข้ากับจมูกถังเฉียน ทั้งสองสบตากัน ฉู่จิ่งเหยารีบหันกลับไป ถังเฉียนแปลกใจ แต่รู้สึกว่ากลิ่นลมหายใจของกันและกันเมื่อครู่ ออกจะไม่ค่อยเหมาะ
“เด็กสาวอย่างเจ้า ต่อไปอย่าหาเรื่องเดือดร้อนอีก ถึงเจ้าจะร้อนใจที่เสี่ยวจินหายไป แต่ไม่ควรลืมว่าตัวเองเป็นคนป่วย มีเรื่องอะไรก็ให้มาพบข้า ให้ข้าช่วยแก้ไข”
ถ้าเป็นเวลาปกติถังเฉียนคงต้องย้อนถามแน่นอน ถ้าท่านอ๋องไม่อยู่เล่า
แต่ตอนนี้นางกลับไม่กล้าถาม ยังรู้สึกว่าความรู้สึกเมื่อครู่ออกจะแปลกๆ แล้วเอียงหัวไปดูด้านข้าง แผ่นหลังของเขากว้างมาก ฟุบลงบนนี้แล้วทำให้รู้สึกง่วง
หลังจากกลับมาถังเฉียนก็กอดกล่องหยกเวินเซียงหน่วนของเสี่ยวจินนอนหลับอุตุ ไม่รู้เพราะว่าเถิงอวิ๋นใช้ยากับนางมากเกินไปหรือไม่
“ยังไม่ตื่นหรือ”
ตอนที่ 339 พลาดไป
ฉู่จิ่งเหยามาสองหนแล้ว แต่ถังเฉียนก็ยังไม่ตื่น หวังหลงคอยเฝ้าอยู่ที่หน้าประตู ในห้องไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ เหาเก๋อไล่ตามไปรอบใหญ่ แล้วจับสุนัขจิ้งจอกที่มีห่อเครื่องหอมผูกติดไว้ได้ เขาโกรธมากจนถลกหนังจิ้งจอกตัวนั้นมาทำเสื้อกั๊กให้ถังเฉียน
ถังเฉียนตื่นขึ้นเพราะกลิ่นเนื้อย่างข้างนอก พอลุกขึ้นก็บอกเหาเก๋อว่าอยากกิน กลับเป็นเหาเก๋อกับหวังหลงที่รู้สึกว่าน่าโมโหและน่าขำ
“ท่านหมอ ท่านรู้หรือไม่ว่าคราวนี้ท่านนอนหลับไปนานแค่ไหน ถึงกับทำให้ท่านอ๋องและพวกเราตกใจแทบแย่ แม้ว่าหลี่กู้อันจะพูดตลอดเวลาว่าท่านไม่เป็นไร แต่เราก็ยังเป็นห่วงว่าท่านอาจเป็นอะไรไป หรือหมอหลี่อาจตรวจพลาดไป”
“จริงด้วย จริงด้วย”
ถังเฉียนรู้สึกว่าคำพูดเหล่านี้มีความหมาย พวกเขาไม่ไว้ใจหลี่กู้อันเลย อีกอย่างในคำพูดนี้มีกลิ่นไอของชาวเหนือออกมาด้วย หวังหลงเพิ่งมาถึงไม่กี่วัน กลับเรียนรู้ได้แล้ว
“ข้าว่า เหตุใดพวกเจ้าจึงดูถูกหลี่กู้อันนักเล่า อีกอย่างที่เจ้าพูดอย่างนี้เหตุใดจึงฟังดูเหมือนคำพูดชาวเหนือ”
ปกติหวังหลงค่อนข้างเงียบขรึม วันนี้อุตส่าห์พูดขึ้นตั้งสองสามประโยค แม้แต่ถังเฉียนก็รู้สึกว่ามีความหมาย
“ท่านหมอ ท่านไม่รู้ว่าบ้านเดิมข้าอยู่แถวนี้ ไม่ไกลจากเสิ้งจิงนัก แต่ที่หมู่บ้านไม่มีอะไรน่าสนใจ ต่อมาข้าติดตามท่านอ๋องไปเจาหยาง อีกอย่างถ้าไม่ใช่เพราะหลี่กู้อันรักษาคนแล้วช่วยชีวิตไม่ได้ ก็คงไม่ถูกส่งมาที่นี่ ถ้าไม่ใช่เพราะหมอคนอื่นยิ่งไม่น่าเชื่อถือ พวกข้าคงไม่อยากให้เขารักษาท่านหรอก”
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว…”
นางฟังที่สองคนนี้คุยกันก็อยากหัวเราะทั้งที่เดิมทียังรู้สึกหงุดหงิด แต่ตอนนี้ก็ลืมไปหมดแล้ว พอเห็นถังเฉียนยิ้มแล้ว เหาเก๋อกับหวังหลงก็ยิ้มให้กัน เหมือนมีอะไรแอบแฝงอยู่
“พวกเจ้าสองคนมีเรื่องปิดบังข้าหรือ”
ถังเฉียนมองออกว่าสองคนนี้มีท่าทางแปลกๆ แต่พอถาม ทั้งสองได้แต่สั่นหัว ยิ่งเป็นเช่นนี้ นางยิ่งรู้สึกว่าสองคนนี้ดูผิดปกติ แต่เมื่อขณะนี้ทั้งสองไม่อยากพูด จึงยังไม่อยากถาม
แต่ท้องฟ้าดูสายมากแล้ว ถังเฉียนจึงเอ่ยถาม
“เวลานี้ยามใดแล้ว”
เหาเก๋อยิ้มแล้วบอกว่า
“ยามจื่อสือกับสามเค่อ เรากำลังปรึกษากันว่าคืนนี้ใครจะอยู่เฝ้าท่านหมอ”
“ยามจื่อสือ”
ถังเฉียนได้ยินว่ายามจื่อสือแล้วก็แทบจะเป็นลม นางผิดคำสัญญากับเถิงอวิ๋นแล้ว เวลานี้ไปที่เขาด้านหลัง เกรงว่าจะพ้นยามจื่อสือไปแล้ว
“โธ่ ข้าตายแน่”
ถังเฉียนรีบสวมเสื้อคลุมดำ ไปถึงสายคงดีกว่าไม่ไป นางบอกหวังหลงกับพวกว่าไม่ต้องตามไป แล้วออกไปจากห้องตามลำพัง คราวนี้นางฉลาดขึ้น ปล่อยเสี่ยวจินออกไป ให้มันอยู่ข้างตัวนาง
น่าเสียดาย ในใจนางคิดหาเหตุผลมากมาย แต่พอถังเฉียนไปถึงที่นั่นก็ไม่มีใครแล้ว
“จบกัน จบกัน คราวนี้ตายแน่”
ถังเฉียนรู้สึกหงุดหงิด แต่เมื่อนางหันหลังกลับเตรียมจะจากไป ก็รู้สึกว่ามีมือข้างหนึ่งวางลงบนไหล่นาง ถังเฉียนชำเลืองมอง แล้วค่อยๆ หันกลับมา
“ต้องโทษที่ยาของพี่ฤทธิ์แรงเกินไป ระยะนี้ร่างกายข้าไม่ค่อยแข็งแรง…ก็เลยนอนจนเลยเวลาไป โทษข้าไม่ได้…”
ถังเฉียนอธิบายพลางหันกลับมา แต่คนผู้นี้ไม่ใช่เถิงอวิ๋น เขายื่นนิ้วมือออกมา ดีดหน้าผากนาง เดิมนางก็กำลังตกตะลึง พอถูกดีดใส่จึงน้ำตาร่วงทันที
“เจ้ามาแล้ว…”
พอเถิงเฟิงเห็นนางร้องไห้กลับทำอะไรไม่ถูก คิดอยู่นานจึงยกชายแขนเสื้อขึ้นเช็ดน้ำตาให้นาง
“อย่าร้องไห้ ข้ากลัวเจ้าร้องไห้ที่สุด ข้าพูดปลอบผู้หญิงไม่เป็น”