ตอนที่ 362 หายไป
ถังเฉียนพูดจบก็เก็บข้าวของเตรียมจะออกไป เถิงเฟิงคว้ามือนางไว้ แล้วพูดว่า
“เจ้ารู้ไหมว่าเหตุใดข้าจึงอยากให้ปิดการเชื่อมโยง เพราะมีความจริงบางอย่างที่ข้าไม่อยากรู้”
ถังเฉียนวางชามลง แล้วโผเข้าหาอ้อมกอดเขา กอดเขาไว้ ฟังเสียงหัวใจเขาเต้นตึ้กๆ แล้วค่อยๆ ทำให้หัวใจตนเองสงบลง
“เถิงเฟิง หลายปีมานี้เจ้ายอมทนทรมานเพื่อข้า นับตั้งแต่วันแรก ที่ข้าเข้าสู่เผ่าม้ง มีเพียงเจ้าที่จริงใจต่อข้า ในใจข้ามีเพียงเจ้า มีเจ้าเท่านั้น เรากลับบ้านด้วยกันเถอะ กลับไปเขาศักดิ์สิทธิ์ ข้าชอบที่นั่น ข้าชอบเจ้า…”
นี่นับว่ายอมสารภาพโดยไม่ต้องทรมานหรือไม่ นางสามารถรู้สึกถึงปมในใจของเถิงเฟิง ย่อมสามารถรู้สึกถึงที่ตนเองตื่นเต้นยินดีเมื่อได้ทราบข่าวฉู่จิ่งเหยา ตื่นเต้นและระงับใจไว้
เถิงเฟิงยังคงลูบเส้นผมนางเบาๆ ราวกับว่าทำแบบนี้แล้วจะสามารถปลอบโยนหัวใจที่ว้าวุ่นได้
“ใช่ เรากลับบ้านกัน”
ถังเฉียนกำลังปลอบใจเถิงเฟิง คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ ข้างนอกก็เกิดความวุ่นวายขึ้น เหาเก๋อผลักประตูเข้ามาโดยตรง ถังเฉียนลุกขึ้นด้วยความเขินอาย แต่เหาเก๋อเวลานี้เป็นมนุษย์แมลงปีศาจไม่เข้าใจความรักระหว่างชายหญิงอย่างสิ้นเชิง
“เจ้านาย ตัวเสิ้งหายไปแล้ว”
“ที่ว่าหายไปแล้วหมายความว่าอย่างไร”
ถังเฉียนยืนขึ้น เหาเก๋อยื่นข่าวนั้นใส่มือถังเฉียน ความจริงเหาเก๋อหายตัวไปอย่างน้อยสองวันแล้ว ถังเฉียนบอกข่าวให้เหาเก๋อรู้ ให้เขาไปแจ้งคนในเผ่าให้เตรียมอพยพไปกับนาง
เหาเก๋อบอกก่อนแล้วว่าที่นี่ไม่เหมาะให้พวกเขาอาศัยอยู่แล้ว แม้ว่าการย้ายจากทางเหนือไปทางใต้พวกเขาต้องเผชิญความยากลำบากมาก แต่พวกเขาก็เชื่อว่าอย่างน้อยที่นั่นก็มอบความสงบให้พวกเขาได้
ทั้งถังเฉียนยังบอกพวกเขาว่าที่เหเผ่าม้งมียวเจียงมีเผ่าอี๋ซาน คนเผ่านี้เป็นช่างที่เชี่ยวชาญ ถ้าทั้งสองเผ่าสามารถประสานกันได้ แต่งงานข้ามเผ่ากัน ก็จะทำให้ทั้งสองเผ่ารุ่งเรืองขึ้นได้
เพราะแรงดึงดูดของเผ่าอี๋ซาน ทำให้พวกเขาตกลงตามถังเฉียนไป ไปจากวังใต้ดินแห่งนี้ซึ่งซ่อนขุมทรัพย์ไว้มหาศาลแต่คาดไม่ถึงว่าในเวลาเช่นนี้ตัวเสิ้งจะหายตัวไปอย่างลึกลับ เรื่องนี้ทำให้ผู้อาวุโสหลายคนในเผ่าไม่ยอมจากไป เนื่องจากถังเฉียนบอกก่อนแล้วว่าเหาเก๋อเวลานี้เป็นมนุษย์แมลงปีศาจ ไม่ถือว่าเป็นเจ้าชายของพวกเขาแล้ว ดังนั้นความหวังของพวกเขาจึงอยู่ที่ตัวเสิ้งเพียงผู้เดียว เวลานี้ตัวเสิ้งหายไป พวกเขาจึงไม่ยอมจากไป
แน่นอนว่าถังเฉียนก็ไม่ยอมทอดทิ้งตัวเสิ้งไว้เพียงลำพัง
ร่างกายของเถิงเฟิงดีขึ้นบ้างแล้ว จึงมายังเผ่ากุ้ยลี่พร้อมกับถังเฉียน นางปรึกษากับเหาเก๋อและพวก เป็นไปได้ว่าตัวเสิ้งลงไปในวังใต้ดิน ถ้าต้องการตามเขาให้เจอก็ต้องลงไปหาด้วยตนเอง
ถังเฉียนตัดสินใจนำคณะ แล้วให้เหาเก๋อและผู้อาวุโสเลือกคนเก่งในเผ่าสองสามคนติดตามพวกเขาลงไป
นางหวั่นเกรงเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง นางเชื่อว่เขาไม่ได้ลงไปเอง แต่ถูกคนพาตัวลงไป
“ข้างล่างเต็มไปด้วยกลไกซับซ้อน ถ้าเขาไม่ได้สมัครใจลงไป เขาต้องสลัดพ้นจากคนพวกนั้นได้ แต่เราไม่พบเห็นคนที่มาจากภายนอกเลย”
นางได้ยินเช่นนี้ก็แปลกใจ ต่อให้มีคนจับเขาไว้ จะให้เขาทำอะไร แต่ที่นางกลัวที่สุดคือตัวเสิ้งไม่ยอมตามนางไปแล้วจงใจซ่อนตัว นี่ย่อมอันตรายและยุ่งยากที่สุด
ถังเฉียนจำได้ว่าเขาตั้งใจจะไปในส่วนที่ลึกในป่าทางภาคเหนือ เดิมพวกเขาคิดว่านี่เป็นวิธีสุดท้ายแล้ว แต่ดูตัวเสิ้งขณะนี้ นางเกรงว่าเขาจะตัดสินใจเช่นนี้แล้ว
ตอนที่ 363 เมืองใต้ดิน
เมื่อตัดสินใจจะตามลงไป พวกเขาก็ต้องออกเดินทางทันที เดิมที่นี่คือสถานที่ซึ่งพวกเขาอาศัยมาหลายชั่วอายุคน แต่หลังจากที่ข้าหลวงใหญ่มาแล้ว ข้างล่างก็เปลี่ยนไปจากเดิม ต่อให้ผู้อาวุโสใหญ่ซึ่งใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ตลอดมา ก็ไม่กล้ารับประกันว่าจะผ่านเข้าไปได้อย่างปลอดภัย
“ที่นี่เต็มไปด้วยกลไก อย่างพวกเราที่อาศัยอยู่ที่นี่นานมาก แต่ชั้นสามใต้ดินลงไป มีแต่หัวหน้าเผ่าเท่านั้นจึงจะเข้าไปได้ พวกเราล้วนไม่มั่นใจ”
ก่อนออกเดินทาง นี่เป็นคำพูดซึ่งผู้อาวุโสใหญ่บอกถังเฉียนเพื่อให้เตรียมใจ นางเองรู้ว่าเรื่องนี้อันตรายมาก แต่ขณะนี้นางยิ่งมั่นใจว่าตัวเสิ้งถูกคนเหล่านั้นจับลงไปข้างล่าง
เพราะถังเฉียนเก็บป้ายคาดเอวของตัวเสิ้งได้ที่ปากทาง พวกเขาถือว่าของชิ้นนี้เป็นสิ่งล้ำค่า จะไม่ทิ้งไปง่ายๆ ยกเว้นเขาอยากบอกนางและพวกว่าขณะนี้เขากำลังเดือดร้อน
“ตัวเสิ้งเคยลงไปหรือไม่”
ผู้อาวุโสใหญ่สั่นหัว เมื่อไม่มีใครมีข้อมูลที่แน่ชัด ถ้าเช่นนั้นพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัว ทั้งนางยังเชื่อว่าเขาหาโอกาสที่จะทิ้งเครื่องหมายให้พวกเขาได้แล้ว ถ้าตามเครื่องหมายเหล่านี้ไป นางเชื่อว่าพวกเขาต้องพบตัวเสิ้งแน่นอน
เถิงเฟิงไม่ลังเล เขามองดูโครงสร้างภายใน แล้วเป็นคนแรกที่เดินเข้าไป ผู้อาวุโสใหญ่เห็นถังเฉียนกับพวกมีจิตใจเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ จึงมีความเชื่อมั่นมากขึ้น ชนเผ่ากุ้ยลี่เป็นผู้สร้างวังใต้ดินแห่งนี้ แกนกลางของที่นี่เป็นหินอุกกาบาตจากนอกโลกก้อนหนึ่ง แต่ตั้งวางอยู่ที่จุดต่ำสุดของเมืองใต้ดิน
ถังเฉียนมีสภาพจิตใจที่ประหลาดมาก ขณะนี้นางอยากเห็นอุกกาบาตก้อนนั้น แต่ก็หวังว่าจะไม่ได้เห็นอุกกาบาต เพราะแม้ว่านางจะอยากรู้อยากเห็นมาก แต่ขณะเดียวกันก็ยำเกรงต่อมันด้วย
ผู้อาวุโสใหญ่จุดสายชนวน มองดูไฟไหม้ลามพุ่งไปข้างหน้า ทำให้ห้องโถงใหญ่สว่างจ้า
“นี่ก็คือวังใต้ดินหรือ”
นี่เป็นวังใต้ดินขนานแท้ที่ถังเฉียนและเถิงเฟิงเห็นเป็นครั้งแรก เหาเก๋อและผู้อาวุโสใหญ่ช่วยให้นางได้เห็นความรุ่งโรจน์ในอดีตของที่นี่ แม้ว่าจะไม่มีอัญมณีประดับแล้ว แต่ก็ยังคงวิจิตรงดงามอย่างน่าทึ่ง
ถังเฉียนมองดูเสาขนาดใหญ่ รู้สึกถึงพลังสร้างสรรค์ที่ไม่มีใครเทียบได้ของชาวกุ้ยลี่
“ที่นี่คือเสาหลัก เป็นแกนกลางของเมืองใต้ดินทั้งหมด ถ้าเราเดินพลัดหลงกันไปจากที่นี่ ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ชั้นไหน จะต้องกลับมาที่เสาต้นนี้ พอมาถึงที่นี่ เราก็จะหากันเจอ”
เหาเก๋ออธิบายให้ทุกคนรู้ แม้ว่าก่อนจะเข้ามาเหาเก๋อจะเสียเวลาวาดแผนที่ให้พวกเขาดูแล้ว แต่เมื่อฉากที่ยิ่งใหญ่ตระการตาปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ถังเฉียนก็ยังคงรู้สึกน่ายำเกรง
แม้จะอยู่ใต้ดิน แต่มีไฟส่องสว่างกลับดูไม่มืด เถิงเฟิงดึงมือถังเฉียน แล้วกระซิบบอกว่า
“ถ้าขุดเขาศักดิ์สิทธิ์จนกลวง แล้วสร้างสถานที่แบบนี้ เจ้าคิดว่าเป็นอย่างไร”
จู่ๆ เถิงเฟิงก็พูดเช่นนี้ ถังเฉียนยังไม่ทันตอบ เหาเก๋อพูดขึ้นทันที
“เรื่องนี้ต้องขึ้นกับสภาพของพื้นดินและการรับน้ำหนักของหินภูเขา แม้ว่าเราจะพัฒนาวิธีแล้ว แต่ถ้าไม่มีหินอุกกาบาตก้อนนั้น ก็จะไม่มีสิ่งค้ำยัน ดังนั้นทั้งหมดนี่ก็เป็นเพียงความเพ้อฝันเท่านั้น”
ถังเฉียนได้ยินก็สั่นศีรษะแล้วพูดว่า
“ช่างเถอะ ภาคเหนือเต็มไปด้วยหินที่เย็นจนจับแข็ง เนื้อดินและหินภูเขาค่อนข้างแข็ง มีความแข็งพอเหมาะ ส่วนชาวเผ่าม้งชอบอาศัยอยู่บนที่สูง ลืมแล้วหรือแม้แต่ลุงเจ้ายังอยากอาศัยในรังนกอินทรี เจ้าเลิกล้มความคิดนี้เถอะ”
เถิงเฟิงรู้สึกผิดหวัง แต่เขายังดึงมือถังเฉียนเดินไปข้างหน้า ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ระยะนี้เขาติดถังเฉียนแจ ถ้าถังเฉียนปล่อยมือจากเขา เขาคงจะไม่พอใจ
“เจ้านาย ข้างหน้าผ่านได้ทีละคน พวกท่าน…”