ตอนที่ 368 ร่วมเป็นร่วมตาย
ถังเฉียนตะเกียกตะกายยืนขึ้น กลับไม่ทันระวังตัว เซถลาเข้าใส่อ้อมกอดของฉู่จิ่งเหยา
“ไม่เป็นไรแล้ว ไม่เป็นไรแล้ว”
ถังเฉียนเห็นเถิงเฟิงสลบไปเพราะบาดเจ็บหนัก ขณะที่ร่างเขาล้มลง นางรู้สึกว่าหัวใจนางหดเกร็ง เมื่อนางกำลังสิ้นหวังก็พบกับฉู่จิ่งเหยาซึ่งเร่งเดินทางมาถึง แต่เขามาที่นี่ทำไม
ที่แท้เพราะในราชตระกูลมีคำกล่าวที่ว่าพระโอรสที่ได้ครองเสื้อเกราะศักดิ์สิทธิ์จะสามารถสืบทอดราชบัลลังก์ได้ องค์ชายรองซึ่งตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบในการชิงตำแหน่ง จึงมาที่นี่เพื่อชิงเสื้อเกราะศักดิ์สิทธิ์ แต่ฉู่จิ่งเหยาเกิดรู้เข้า
เถิงอวิ๋นช่วยฉู่จิ่งเหยา แต่คาดไม่ถึงว่าขณะที่ช่วยถังเฉียนได้ กลับปล่อยให้องค์ชายรองหนีไป ฉู่จิ่งเหยาชิงเสื้อเกราะมาจากเขาได้ คนขององค์ชายรองจุดไฟเผาภูเขา รากฐานของเผ่ากุ้ยลี่ถูกทำลายลงจนหมดสิ้น แต่อาการบาดเจ็บของเถิงเฟิงรุนแรงขึ้นทุกที เลือดถังเฉียนไม่อาจช่วยชีวิตเขาได้
นางกรีดแขนตนเอง แต่เลือดไม่อาจทำให้เถิงเฟิงฟื้นขึ้นได้ เขายังคงสลบอยู่
“พวกเจ้าออกไปให้หมด”
นางมองดูเถิงเฟิงซึ่งยังสลบไสล ทั้งสองคุยกันแล้วไม่ใช่หรือว่าจะกลับไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยกัน นางยังรอให้เขาเป็นเพื่อนนางเล่นชิงช้า มองดูเมฆห้าสี จะปล่อยให้เขาจากไปที่นี่ไม่ได้ ในเมื่อพวกเขาร่วมชะตาชีวิตกัน นางจึงยินดีใช้เลือดตัวเองแลกชีวิตเขา เหมือนครั้งก่อนที่ช่วยฉู่จิ่งเหยา
“ไม่ได้ ข้าไม่ยอมให้เจ้าทำเช่นนี้”
ดูเหมือนฉู่จิ่งเหยาจะรู้ว่าถังเฉียนคิดจะทำอะไร จึงเข้ามาขวางหน้านางไว้ ห้ามไม่ให้นางทำเรื่องโง่เขลา
“ตอนนั้นข้าช่วยชีวิตท่านอ๋องเช่นนี้ ตอนนี้ข้าก็จะวิธีเดียวกันช่วยชีวิตเขา ตอนนั้นท่านอ๋องเป็นแค่คนแปลกหน้า แต่เขาสำหรับข้าแล้วเป็นคนที่สำคัญที่สุด”
ฉู่จิ่งเหยาฟังที่นางพูด ยิ่งรู้สึกว่ามีไอเย็นแผ่ซ่านออกมาจากตัวนาง ร่างนางยังคงเล็กนิดเดียว แต่แววตากลับเด็ดเดี่ยวจนทำให้ผู้ใดก็ไม่อาจปฏิเสธได้
“ที่เขาบาดเจ็บต่างจากข้า ดวงวิญญาณเขาได้รับบาดเจ็บ ไม่ใช่ร่างกาย เลือดเจ้าช่วยเขาไม่ได้ แล้วเหตุใดเจ้าต้องสละชีวิตตัวเองด้วย”
ฉู่จิ่งเหยายังคงพูดเกลี้ยกล่อมถังเฉียนอย่างไม่ลดละ แต่นางตัดสินใจแน่วแน่ก่อนแล้ว นางมองดูฉู่จิ่งเหยาตรงหน้า ดูเหมือนเขาจะใส่ใจนางมาก แต่ความจริงที่เขาใส่ใจไม่ใช่ตัวนาง แต่เป็นประโยชน์ของนาง นางเป็นเหมือน**บยาที่พกติดตัว
“ท่านอ๋อง ข้าเป็นเพียงยาเม็ดหนึ่งของท่าน ข้าเองก็มีวิญญาณ ข้าเป็นคน”
ฉู่จิ่งเหยายังจะพูดอีก แต่ถังเฉียนกลับเริ่มถอดเสื้อผ้า ชั่วขณะที่ฉู่จิ่งเหยาหันกลับไป นางก็ผลักเขาออกไปจากห้อง แล้วปิดประตูดังโครมให้เหาเก๋อเฝ้าประตูไว้ ส่วนนางมองดูเถิงเฟิง ยิ้มเล็กน้อย เหมือนตอนที่ทั้งคู่พบกันครั้งแรก ยิ้มอย่างเปิดเผยจริงใจ
“ข้าจะช่วยเจ้า เถิงเฟิง”
ถังเฉียนถอดเสื้อผ้าออก เหลือเพียงเอี๊ยมคลุมทรวงอกเท่านั้น ยังคงเป็นมีดที่เรียวแหลมเล่มเดิม ครั้งนั้นถังเฉียนคิดว่าเหตุใดนางจึงโชคดีเช่นนี้ ที่มีมีดคว้านหัวใจอยู่กับตัว
แต่จนเดี๋ยวนี้นางยังคงจำความเจ็บปวดจากการแทงหัวใจ ได้ ทุกครั้งที่มองเห็นมีดเล่มนี้ก็จะรู้สึกเจ็บหน้าอก
“คงต้องทำอีกครั้ง คงต้องเจ็บปวดมาก แต่ก็คุ้มค่าไม่ใช่หรือ”
ถังเฉียนพูดจบก็ออกแรงสุดกำลัง แทงมีดเข้าไปในทรวงอก ความเจ็บปวดสุดขีดทำให้หัวใจนางเกร็งแน่นเพราะความปวดร้าว นางกล้ำกลืนความเจ็บปวด ดึงมีดออก เลือดฉีดพ่นใส่ใบหน้าของเถิงเฟิง นางวางมีดลงข้างริมฝีปากเขา แล้วมองดูเลือดค่อยๆ ย้อมริมฝีปากเถิงเฟิง จากนั้นก็ค่อยๆ ถูกร่างกายของเขาดูดซึม
“อย่างนี้ดีแล้ว ข้าทำได้เพียงเท่านี้”
ถังเฉียนได้ยินเถิงอวิ๋นพูดคุยกับฉู่จิ่งเหยา ครั้งนี้นางอ่อนแรงเกินไป ไม่สามารถออกแรงได้แล้วถังเฉียนเป็นแต่รู้สึกว่าชั่วขณะนั้นตนเองปวดหัวใจมาก ปวดจนหายใจไม่ออก ถ้าเขาไม่อาจมีชีวิตรอดต่อไป นางเองก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปเช่นกัน
สู้ตายไปด้วยกันดีกว่า ร่วมเป็นร่วมตาย นี่ไม่ใช่โชคชะตาของทั้งคู่ตลอดมาหรือ
ตอนที่ 369 ฟื้นแล้ว
ถังเฉียนเสี่ยงชีวิตอีกครั้ง ใช้เลือดจากหัวใจตัวเองช่วยชีวิตเถิงเฟิง เมื่อฉู่จิ่งเหยาบุกเข้ามา นางใช้มีดแทงอกตัวเองแล้ว เหมือนเวลาที่นางเผชิญหน้ากับฉู่จิ่งเหยา มักจะรู้สึกเจ็บปวดอย่างไร้สาเหตุ
นางรู้สึกเพียงว่าตัวเองนอนหลับไปนานมาก เสี่ยวจินดูดกินเลือดจากหัวใจนางที่เหลืออยู่ ทำให้มันรอดตาย แต่เมื่อถังเฉียนฟื้นขึ้น ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
“ที่นี่คือที่ใด”
ถังเฉียนตื่นขึ้น ยังคงงัวเงีย นางมองดูฉากรอบตัว ขื่อสลักและเสาลวดลาย โดยเฉพาะเตียงที่นอนอยู่ ช่างสบายเป็นพิเศษ กลิ่นหอมจางๆ ของเตียงน่าจะทำจากไม้ประดู่ นางมานอนอยู่บนเตียงเลิศหรูแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
“กุ้ยเหริน ท่านตื่นแล้ว ดีจังเลย ในที่สุดกุ้ยเหรินก็ฟื้นแล้ว”
“กุ้ยเหริน”
ถังเฉียนลูบคลำศีรษะตัวเอง แล้วคลำเสาเตียง แต่นางกลับลืมทุกอย่าง ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร มาจากไหน กระทั่งชื่ออะไรนางมองดูมือตัวเอง ทุกสิ่งรอบตัวช่างแปลกใหม่
“กุ้ยเหริน รีบลุกขึ้นมาหวีผมแต่งตัวเถอะ เดี๋ยวฝ่าพระบาทจะเสด็จมาเยี่ยมแล้ว”
“ฝ่าพระบาท”
ถังเฉียนรู้สึกว่านางเข้าใจคำพูดเหล่านี้ดี ที่แท้เพราะนางเสียเลือดมากเกินไป ทำให้สลบ นางนอนหลับไปเดือนเศษ ภายในเวลาหนึ่งเดือน ฮ่องเต้ชราได้สวรรคตลง ฉู่จิ่งเหยาครอบครองเสื้อเกราะศักดิ์สิทธิ์ จึงได้เป็นฮ่องเต้องค์ใหม่
นางคอยแต่ครุ่นคิดว่าตัวเองเป็นใคร เมื่อนางฟื้นขึ้นอีกครั้งก็มาอยู่ในวังหลวงแล้ว แต่นางจำอะไรไม่ได้เลย ลืมแม้แต่ตัวเองชื่ออะไร
ที่จริงเป็นเช่นนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่ไม่ดี
“ฝ่าพระบาทเสด็จแล้ว”
ถังเฉียนได้ยินเสียงประกาศก็ลุกขึ้นยืนตามเหล่านางกำนัล จากนั้นก็คุกเข่าลงตามพวกนาง เหล่านางกำนัลรู้สึกว่าไม่เหมาะ จะพยุงนางลุกขึ้น แต่ฉู่จิ่งเหยาเสด็จมาถึงแล้ว บัดนี้ทรงเป็นฮ่องเต้แล้ว ย่อมแตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
“ได้ยินว่าเจ้าฟื้นแล้ว เจิ้นมาเยี่ยมเจ้า ไม่ต้องยึดถือแบบแผนเข้มงวดอย่างนั้น”
ถังเฉียนฟังออกว่าเป็นการตรัสกับนาง นางจึงยืนขึ้นแล้วมองฉู่จิ่งเหยาด้วยความประหลาดใจ
“พระองค์คือฮ่องเต้”
ฉู่จิ่งเหยาแย้มพระสรวล แล้วทรงดึงมือนางจะพานางเข้าไปยังห้องด้านใน ถังเฉียนรู้ว่าตัวเองเป็นพระสนม แม้จะรู้สึกเขินอาย แต่ไม่ได้ดึงมือออก ฉู่จิ่งเหยาคิดไม่ถึงว่านางจะเชื่อฟังเช่นนี้ จึงยื่นพระหัตถ์ออกมาอุ้มนางขึ้น แย้มพระสรวลแล้วเสด็จเข้าไปข้างใน
“ฝ่าพระบาททรงเบิกบานพระทัยมาก”
“จุ๊ ยังอยู่ในช่วงที่ประเทศไว้ทุกข์ ปิดประตู”
ถังเฉียนถูกฉู่จิ่งเหยาอุ้ม นางมองดูเขาแล้วรู้สึกคุ้นหน้า
“ใช่ เจิ้นเป็นฮ่องเต้แล้ว จึงแต่งตั้งให้เจ้าเป็นพระสนมขั้นกุ้ยเหรินเพื่อจะดูแลเจ้าได้ ตำแหน่งนี้ออกจะต่ำเกินไปสำหรับเจ้า รอให้งานไว้ทุกข์จบลงก่อน เจิ้นค่อยเลื่อนตำแหน่งให้เจ้า”
ถังเฉียนครุ่นคิดแล้วถามว่า
“ฝ่าพระบาทเพคะ หม่อมฉันชื่ออะไร”
ฉู่จิ่งเหยายังทรงคิดว่านางเพิ่งตื่นขึ้น ยังไม่รู้ว่าฉู่จิ่งเหยาจะทรงเรียกชื่อนางว่าอะไร จึงทรงอุ้มนางวางลง ทอดพระเนตรดูนางยิ้มร่า ตาจ้องเขม็ง กลัวว่านางจะวิ่งหนี
“เจ้าชื่ออาหรูน่า เป็นเฉียนกุ้ยเหรินของเจิ้น เจ้าเป็นของกำนัลที่เผ่ากุ้ยลี่ถวายให้เจิ้น เจิ้นพอใจของขวัญชิ้นนี้มาก เพราะเหตุนี้เจิ้นได้พระราชทานแผ่นดินผืนหนึ่งให้ชาวเผ่ากุ้ยลี่ได้อาศัยทำมาหากินอย่างสงบสุข อยู่ตอนเหนือของเสิ้งจิง เจ้าคิดว่าเป็นอย่างไรบ้าง”
ถังเฉียนครุ่นคิดแล้วพยักหน้า
“ที่แท้หม่อมฉันเป็นของกำนัล…”
ถังเฉียนเพิ่งพูดจบ ข้างนอกก็มีเสียงอึกทึกดังขึ้น ฉู่จิ่งเหยาทรงประคองถังเฉียนให้นั่งลงข้างพระองค์ ที่แท้มีฎีกามาถวาย ฮ่องเต้ทรงทิ้งเหล่าขุนนางมา เพราะทรงได้ยินว่าถังเฉียนฟื้นแล้ว จึงเสด็จมาทันที ฎีกาเหล่านี้เป็นเหมือนเงาตามตัวไม่ยอมปล่อย
“เจิ้นมีงานที่ต้องสะสาง ระยะนี้เจ้าพักฟื้นให้ดี ขาดอะไรให้บอกหรูอี้ เจิ้นกำชับกรมวังแล้ว ให้ดูแลเจ้าให้ดี”
ถังเฉียนได้ยินเช่นนี้ก็นึกดีใจ ฮ่องเต้ทรงดีต่อนางไม่น้อย ที่แท้นางเป็นหญิงเผ่ากุ้ยลี่
แม้ว่านางจะรู้สึกคุ้นกับชื่อเผ่ากุ้ยลี่ แต่จริงๆ แล้วเผ่านี้เป็นอย่างไร นางนึกไม่ออกจริงๆ ถังเฉียนเหลือบมองหรูอี้ วันหน้าค่อยถามนางแล้วกัน