EP 21: จอมใจ จอมอหังการ
“ผมหวังว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย”
น้ำเสียงทรงอำนาจเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากหยักสวยที่สตรีเห็นยังต้องอายของราฟาล การ์รัสโซ่ เมื่อเขาบอกจุดประสงค์ที่ตัวเองต้องการกับคู่สนทนาอย่างละเอียดแล้ว
“ทุกอย่างจะเรียบร้อยครับ…”
“และต้องมีคุณภาพอย่างยอดเยี่ยม”
เรือนกายกำยำสุดแสนสมบูรณ์แบบในชุดสูทราคาแพงระยับลุกขึ้นยืน ใบหน้าหล่อจัดเยือกเย็นจนคนถูกมองอดหวาดหวั่นไม่ได้
“ครับ… มันจะต้องเรียบร้อยและยอดเยี่ยมที่สุด สำหรับ การ์รัสโซ่ รอยัล อินเตอร์เนชั่นแนล”
ลีนอส มาซาอิสซับพลายเออร์รายใหญ่ในอิตาลีเอ่ยถึงธุรกิจอู่ต่อเรือขนาดใหญ่ของตระกูลการ์รัสโซ่ที่กำลังจะเปิดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ราฟาลหรี่ตามองคู่สนทนาที่ตัวเล็กกว่ามากนิ่ง เขาเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ได้ยิ้มออกมา มีเพียงคำพูดไร้ความรู้สึกเท่านั้นที่หลุดรอดออกมาให้ได้ยิน
“ถ้าคุณทำได้อย่างที่พูด… เราก็จะติดต่อกันได้นานขึ้น…”
“ผมจะทำให้สุดความสามารถครับ”
คราวนี้ราฟาลระบายยิ้มบางๆ ออกมาก่อนจะเอ่ยเสียงเยือกเย็น “ผมคงต้องขอตัวก่อน มีบางอย่างต้องกลับไปจัดการ และพรุ่งนี้ตอนบ่ายสามเจอกันในห้องประชุมชั้นสาม…”
“ครับ คุณราฟาล”
ลีนอสก้มศีรษะให้กับนักธุรกิจหนุ่มผู้หล่อเว่อร์ รวยเว่อร์อย่างราฟาล การ์รัสโซ่ด้วยความนอบน้อม เพราะหากเขาผูกติดกับ การ์รัสโซ่ รอยัล อินเตอร์เนชั่นแนล เอาไว้ได้ ธุรกิจของเขาต้องไปได้สวยแน่ เพราะไม่มีทางที่คนอย่างราฟาลจะบริหารงานผิดพลาด ผู้ชายนี้ตาคมเหมือนเหยี่ยว สมองเฉียบแหลมยิ่งกว่าบิลเกตต์ แถมความสามารถในสนามธุรกิจยังยอดเยี่ยมจนไม่มีใครวัดรอยเท้าได้เสียอีก
หนุ่มหล่อผู้เป็นเจ้าของเรือสำราญเดินก้าวยาวๆ ไปตามทางเดินหินอ่อนที่มีพรมหนานุ่มราคาต่อหลาแพงยิ่งกว่าราคารถยนต์ญี่ปุ่นด้วยท่าทางสง่างามประดุจราชสีห์ ช่วงขาทรงพลังก้าวขึ้นบันไดสวยหรูที่ประดับประดาด้วยคริสตันจากสวารอฟสกี้มูลค่าเกือบร้อยล้านเพื่อให้แขกผู้มาเยือนได้เหยียบย่ำเล่นอย่างเชื่องช้า ขณะมองสำรวจไปรอบๆ โถงล็อบบี้ด้วยความภาคภูมิใจกับสิ่งที่ตัวเองสร้างมากับมือ
“คุณราฟาลคะ คนส่งเอกสารมาถึงแล้วค่ะ ดิฉันพาไปรอคุณราฟาลในห้องพักแล้วค่ะ”
เจ้าของชื่อชะงักเท้าที่กำลังจะเดินเข้าไปในลิฟต์แก้วส่วนตัวทันที ดวงตาคมกริบลึกล้ำไร้ความรู้สึกยามที่หันไปเผชิญหน้ากับโซลีน่า เกรดเดอร์ หัวหน้าแผนกต้อนรับลูกค้า
“ขอบใจมาก ไปทำงานเถอะ เดี๋ยวทางนี้จะจัดการเอง…”
แล้วเจ้าของคำพูดก็ก้าวเข้าไปในลิฟต์ทันที ยุติการสนทนาทั้งหมด ปล่อยให้โซลีน่ายืนอ้าปากค้างเพราะยังรายงานไม่จบอยู่เพียงลำพัง
รดารักษ์ที่นั่งตัวสั่นอยู่บนเก้าอี้ภายในห้องสวีทสุดหรูของเจ้าของเรือสะดุ้งโหยงเมื่อประตูห้องถูกเปิดออกอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย พร้อมๆ กับการปรากฏของราฟาล การ์รัสโซ่ ผู้ที่เขย่าทั้งโสตประสาทและหัวใจของหล่อนได้ทุกครั้งที่พบเจอหน้า
“เอ่อ… คุณราฟ…”
ร่างอรชรสั่นสะท้านรีบผุดลุกขึ้นยืน ใบหน้างามซีดเผือดเมื่อได้ประสานสายตากับนัยน์ตาคมกริบที่จ้องมองมาเขม็ง ไร้ความกังขาในสายตาของเขา มีแต่ความเกรี้ยวกราดอยู่ในนั้น
“ทำไมถึงเป็นเธอ?”
“คือว่า…”
ไม่เคยรู้สึกมาก่อนในชีวิตว่าการพูดมันจะลำบากลำบนถึงเพียงนี้ แค่ถูกเขาจ้อง แค่ถูกเขามอง แค่นั้นหล่อนก็แทบจะลมจับ หัวใจเต้นแรงปะทะกับทรวงอกจนเจ็บปวด
“ตอบมา?”
ความเลือดเย็นอัดแน่นอยู่เต็มกระแสเสียงไม่มีลดลง กลิ่นไออันตรายจากกายหนุ่มสมบูรณ์แบบฟุ้งกระจายรอบๆ ห้องและหล่อนก็สูดดมมันเข้าไปเต็มปอดอีกตามเคย
“เรนาคลอดลูก…”
หญิงสาวเริ่มต้นเล่าตะกุกตะกัก พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ให้ลิ้นพันกันแต่มันก็ทำได้ไม่ดีเลยเมื่อทั้งปากทั้งลิ้นของหล่อนสั่นระริกจนน่าสมเพชยิ่งนัก
“ฉันจำเป็นต้องรู้ด้วยหรือว่าใครจะเกิด… ใครจะตาย…”
ใช่ ราฟาลไม่จำเป็นต้องรู้ แต่เขาควรจะผ่อนปรนบ้างไม่ใช่มายืนทำหน้าเลือดเย็นจนหล่อนหวาดกลัวแบบนี้ รดารักษ์ตัดพ้อชายหนุ่มอยู่ภายในอก ก่อนจะค่อยๆ บังคับตัวเองให้พยายามแก้ตัวออกไปอีกครั้ง แม้จะรู้ดีว่าพ่อเทพบุตรตรงหน้าไม่มีทางรับฟังอย่างแน่นอนก็ตาม
“เอ่อ คือว่า…”
“คาซิมไปไหน?”
หล่อนยังไม่ทันจะอธิบายจบประโยคเลยก็ถูกพ่อตัวโตแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นซะก่อน สายตาคมกริบหวานฉ่ำที่จ้องมองมาในยามนี้ยังไม่ผิดจากใบมีดโกนดีๆ นี่เอง เพราะมันทั้งเชือดทั้งเฉือนหัวใจของหล่อนจนเลือดไหลทะลักออกมาอย่างท่วมท้นเลยทีเดียว
“เอ่อ รดาขอโทษ… ขอโทษแทนทุกคน และนี่…”
ยื่นซองสีน้ำตาลให้กับผู้ชายเลือดเย็นตรงหน้า มือบางสั่นเทาจนคู่สนทนาสังเกตได้ แต่ความสงสารไม่เคยมีอยู่ในสายเลือดสูงส่งของราฟาล การ์รัสโซ่อยู่แล้ว
“เอกสารสำคัญของคุณราฟค่ะ”
เขายังไม่ยื่นมือมาหยิบ แถมยังตวาดลั่นจนรดารักษ์สะดุ้งโหยง ใบหน้างามยิ่งซีดเผือดลงไปอีกหลายร้อยเท่า กลีบปากอิ่มสีแดงสดสั่นระริกน่าสงสาร
“หูแตกหรือไง ฉันถามว่าคาซิมไปไหน!?”
“เรนาเจ็บท้อง… คะ… คลอดลูก พี่คาซิมจึงมาไม่ได้…”
“แล้วฉันต้องมารับผิดชอบด้วยหรือไง!”
ราฟาลยังคงรักษามาตรฐานความใจดำอำมหิตเอาไว้ได้ในระดับเดิมไม่เปลี่ยนแปลง หญิงสาวจ้องมองเขาพยายามอ้อนวอนขอความเมตตาแต่มันก็ไม่ได้ผล เพราะสิ่งที่ราฟาลหยิบยื่นให้มานั้นมันไม่มีเศษเสี้ยวความปรานีเจือปนอยู่เลย มีแต่ความร้ายกาจ เหี้ยมโหดเท่านั้น
“รดาขอโทษ… รดาผิดเอง…”
น้ำตาไหลหล่นออกมาอาบแก้ม เมื่อพ่อคนตัวโตกระชากซองเอกสารไปจากมือเล็กของหล่อนแล้วไปปาทิ้งกับพื้นห้องด้วยความเดือดดาล จากนั้นเขาก็ก้าวเข้ามาหาในระยะกระชั้นชิด กลิ่นไอแห่งบุรุษนักล่ากระแทกเข้ามาในโสตประสาทของหล่อนจนแทบหงายหลัง
“ผู้หญิงอย่างเธอมันยิ่งกว่าตัวหายนะเสียอีก ฉันเกลียดขี้หน้าเธอนัก…”
“รดารู้ว่าคุณราฟเกลียดรดา… รดารู้มาตลอด…”
ความเจ็บปวดจากคำพูดตรงไปตรงมาและแสนร้ายกาจของราฟาลให้รดารักษ์สิ้นสุดความอับอายลงในทันที น้ำตาที่ไหลอยู่แล้วทะลักทลายออกมาอาบแก้ม ร่างบางสะอื้นจนตัวโยน แล้วก็แทบจะแหลกสลายเมื่อถูกมือหนาแข็งแกร่งขยุ้มลงบนต้นแขนกลมกลึงอย่างไม่ถนอมแรงเลย
“รู้…?”
เขาแค่นหัวเราะหยัน ดวงตาคมกริบจับจ้องใบหน้างามที่เปอะเปื้อนคราบน้ำตานิ่ง กระแสความเกลียดชังวิ่งพล่านอยู่ในสายตาสีนิลคู่นั้นอย่างมหาศาล
“แต่เธอก็ยังทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่ใกล้ฉัน….”
คนตัวโตแสยะยิ้มเยาะหยันอีกครั้ง “ถามจริงๆ เถอะถ้าฉันไม่เอาเธอให้รู้แล้วรู้รอดไปน่ะ… เธอจะไม่เลิกตอแยฉันอย่างนั้นใช่ไหม?”
ใบหน้าจากที่เคยซีดเผือดตอนนี้แดงจัด เมื่อสมองสามารถเข้าใจความหมายคำพูดของราฟาลได้อย่างถ่องแท้ นี่เขาหาว่าหล่อนจงใจทำเรื่องแบบนี้ขึ้นหรือ? คนใจร้าย ทำไมมองกันในแง่ร้ายแบบนั้น หล่อนก็แค่รักเขา แค่รัก แต่ไม่เคยคิดจะยื้อแย่งหรือไขว่คว้าเขาให้ลงมาเปื้อนดินด้วยเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“ทำไมพูดกับรดาแบบนี้คะ… รดาไม่เคยคิดแบบนั้น”
“แต่เธออยากเป็นเมียฉันนี่… จริงไหม?”
คนตัวโตปลดปล่อยต้นแขนกลมกลึงของหล่อนให้เป็นอิสระ เลื่อนฝ่ามือใหญ่ร้อนผ่าวลงมากระชับที่เนินสะโพกรั้งร่างอรชรของหล่อนให้เขาไปแนบชิดมากกว่าที่ควรจะเป็น
“ถ้าอยากมาก… จนต้องทำทุกอย่างให้ได้ขึ้นเรือไปกับฉัน…”