EP 33: จอมใจ จอมอหังการ
เกือบค่ำ… หรืออาจจะค่ำนานแล้วก็เป็นไปได้ รดารักษ์ที่พึ่งจะตื่นจากนิทรารีบผุดลุกขึ้นนั่งทันที และนั่นก็นำพาความเจ็บลึกในบางส่วนของร่างกายให้มีอำนาจขึ้น หญิงสาวนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด แล้วก็อดนึกเคืองไปถึงคนที่ทำให้หล่อนระบมไปทั้งกายแบบนี้ไม่ได้
แต่แปลกนัก ในยามที่เขากับหล่อนเมามันเข้าใส่กันนั้น ไม่มีความรู้สึกเจ็บปวด หรือระบมในจุดต่างๆ ของร่างกายเลยแม้แต่น้อย แม้กระทั่งตอนนี้ราฟาลใช้ฝ่ามือขยำเต้าเต่งของหล่อนจนมันแทบบี้แบน หล่อนก็ไม่รู้สึกเจ็บ ตรงกันข้ามกลับรู้สึกเสียวซ่าน รัญจวนจนไม่อยากให้เขาหยุดต่างหาก
หล่อนมันช่างไร้ยางอายยิ่งนัก หญิงสาวร้องด่าทอตัวเองด้วยความขมขื่น เมื่อสมองนึกถึงคำพูดร้ายกาจของราฟาลที่สาดซัดเข้าใส่หน้าหล่อนเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ เขาโหดร้าย โหดเหี้ยม และเลือดเย็นเหลือเกิน หล่อนอยากรู้จริงๆ เลยว่าตอนที่เขาเกิดมานั้น เขามีหัวใจติดตัวมาด้วยหรือเปล่า
สาวน้อยกำลังจะพาตัวเองก้าวลงไปยืนที่พื้นเพื่อเข้าไปจัดการล้างคราบพิศวาสที่ราฟาลพ่นใส่ผิวสาว แต่เท้ายังไม่ทันแตะพื้น ประตูห้องนอนก็ถูกเคาะและเปิดเข้ามาเสียก่อน หญิงสาวตกใจหน้าซีดเผือดเพราะคิดว่าเป็นราฟาล แต่สุดท้ายก็ไม่ใช่
“คุณโซลีน่า…”
แต่แม้จะเป็นโซลีน่า หล่อนก็ไม่อยากจะเจอในตอนนี้ ในสภาพที่เนื้อตัวไร้อาภรณ์ใดปกปิดนอกจากผ้าห่มผืนเดียว และแน่นอนว่าผู้มาเยือนจะต้องรู้แน่ว่าในห้องนี้เกิดสงครามอะไรขึ้น
“เอ่อ…”
โซลีน่ายิ้มกว้างไม่ได้แสดงความแปลกใจอะไรออกมาเลยสักนิดกับภาพความยุ่งเหยิงของเตียงนอนและสภาพล่อแหลมของแม่สาวน้อยที่นั่งตัวสั่น หน้าแดงจัดอยู่บนเตียงนอน
“คุณราฟให้เขามาเชิญคุณรดาไปทานมื้อค่ำด้านนอกค่ะ…”
ชื่อของคนใจร้ายทำให้หญิงสาวคอแข็งขึ้นมาในทันที “บอกเขาด้วยค่ะว่ารดาไม่หิว…”
โซลีน่ายิ้มอีกแล้ว “และคุณราฟก็ฝากมาบอกด้วยค่ะว่าถ้าคุณไม่ออกไปทานมื้อค่ำข้างนอก เธอจะยกเข้ามาทานกับคุณภายในห้องนี้เองค่ะ”
สายตาของคู่สนทนาที่มองมานั้นทำให้รดารักษ์ยิ่งหน้าร้อนผ่าว ราวกับถูกลวกด้วยน้ำร้อนจัด หญิงสาวก้มหน้าหลบตาด้วยความอับอายที่สุดในชีวิต
“แล้วจะให้ดิฉันไปเรียนคุณราฟว่ายังไงดีคะ…”
รดารักษ์กัดปากแน่น และในที่สุดก็ต้องก้มหน้ายอมรับความพ่ายแพ้อีกครั้ง “ค่ะ รดาจะออกไปทานมื้อค่ำ”
“ขอบคุณค่ะ งั้นดิฉันขอตัวก่อนนะคะ” แล้วคู่สนทนาสาวก็ถอยหลังออกไปจากประตูห้อง ทิ้งให้รดารักษ์นั่งจมปลักอยู่กับความขุ่นเคืองใจเพียงลำพังคนเดียว ในใจก็นึกสาปแช่งให้ราฟาลรีบๆ ลงนรกไปซะ จะได้เลิกมาเผด็จการณ์กับหล่อนเสียที
บรรยากาศภายในเรือสำราญเต็มไปด้วยความอลังการหรูหรา ทุกซอกทุกมุมล้วนถูกตกแต่งด้วยวัสดุราคาแพงระยับระดับโลก เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นล้วนแต่เป็นของแบรนด์ดังที่ฉนนราคามหาศาล หญิงสาวกัดปากแน่นเพื่อข่มความรู้สึกหวาดหวั่นเอาไว้ภายในอกขณะย่ำเท้าลงไปบนพรมหนานุ่มสีเดียวกับท้องทะเล
ที่นี่มันไม่ใช่ที่ของหล่อน…
รดารักษ์คิดด้วยความกังวลใจ หล่อนเหมือนหลุดออกมาจากอีกโลกหนึ่งก็ไม่ปาน ดูสิ… ผู้คนรอบกายแต่งตัวกันสวยงาม ทุกคนล้วนแต่มาจากสังคมชั้นสูง สังคมที่หล่อนไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นไปมอง สังคมที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งแข่งขัน สังคมที่ไร้ความจริงใจ ทุกคนล้วนแต่สวมหน้ากากใส่กันทั้งสิ้น รอยยิ้มที่โปรยปรายออกมานั้นคงไม่ต่างอะไรจากยาพิษเลยแม้แต่นิดเดียว
เสียงถอนหายใจเล็ดลอดออกมาจากกลีบปากอิ่มสีแดงสดที่ยังคงชอกช้ำไม่จางเพราะแรงสวาทจากราฟาลเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้แผ่วเบา หญิงสาวเดินตัวลีบตรงไปยังมุมสงบแห่งหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่ด้านริมระเบียง ตรงนั้นไร้ผู้คน และมันก็จะเป็นการดีหากหล่อนได้ไปนั่งตรงนั้น
กำลังจะเดินไป แต่สายตาเจ้ากรรมก็ดังเหลือบไปเห็นราฟาลซะก่อน เท้าตายขึ้นมาในบัดดลเพียงแค่ได้เห็นเขาเท่านั้น แม้จะแค่ในระยะไกลๆ แบบนี้ แต่อำนาจของเขาก็ยังคงแรงกล้าเพราะมันยังทำให้หัวใจของหล่อนเต้นแรงได้เช่นเดิม ปากแห้งผาก พยายามจะละสายตาจากร่างกำยำที่นั่งท่ามกลางอิสตรีสาวสวยสามคนให้ได้ แต่ก็ทำไม่สำเร็จ ยิ่งเห็นเขาหัวเราะต่อกระซิกกับพวกหล่อนด้วยแล้ว หัวใจของหล่อนก็เจ็บยิ่งกว่าถูกมีดโกนกรีดเฉือนเสียอีก
นี่ราฟาลกำลังทำอะไรกัน เขากำลังเล่นตลกอะไรกับหล่อนกันแน่… หรือว่าสิ่งที่เห็นมันคือเรื่องจริงที่หล่อนจะต้องยอมรับให้ได้ น้ำตาที่ว่าแห้งเหือดไปนานหลายสิบนาทีทะลักทลายออกมาซึมรอบขอบตาอีกครั้ง กลีบปากอิ่มสั่นระริกจนเจ้าตัวต้องกัดมันเอาไว้แน่น ขณะไม่สายตาละสายตาจากภาพบาดตาตรงหน้าได้เลย
“คนใจร้าย…”
สาวน้อยพึมพำด้วยความเจ็บช้ำ อยากจะหันหน้าหนี อยากจะวิ่งหายออกไปให้พ้นจากภาพน่าปวดใจพวกนี้ แต่ก็ทำไม่ได้ ยิ่งเห็นราฟาลอ้าปากรับขนมจากมือของแม่สาวสวยผมสีบลอนด์ที่ตอนนี้ก้าวหน้าขึ้นมานั่งซ้อนตักแกร่งของราฟาลด้วยแล้ว หัวใจก็ยิ่งเจ็บปวด
รดารักษ์ยืนนิ่งงันอยู่นาน ก็ตัดสินใจเดินน้ำตาซึมออกไปเงียบๆ ความเศร้าหมองเกาะกินรอบก้อนเนื้อหัวใจมากมาย แม้จะรู้ดีว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ในตัวของราฟาล เพราะเป็นเพียงแค่นางบำเรอชั่วคราว แต่กระนั้นหัวใจก็อดที่จะรู้สึกหึงหวงไม่ได้
น้ำตาไหลลงมาอาบแก้มจนมือบางต้องรีบยกขึ้นปาดทิ้ง หญิงสาวเดินมาซ่อนตัวอยู่ในมุมหนึ่งของเรือที่ลับตาคนที่สุด จากนั้นก็นั่งปล่อยกายปล่อยใจให้จมลึกลงสู่ความโศกเศร้าเสียใจอย่างไม่คิดจะกักเก็บเอาไว้อีก น้ำตาทะลักหลั่งริน ก้อนสะอื้นที่เล็ดลอดออกมาจากกลีบปากอิ่มมีผลทำให้ร่างอรชรสั่นสะท้านไม่ผิดจากลูกนกเปียกฝน
“ขอนั่งด้วยคนได้ไหมครับ…”
รดารักษ์สะดุ้งน้อยๆ รีบยกมือขึ้นป้ายน้ำตาทิ้งเมื่อเสียงแปลกหูของผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่งดังขึ้นใกล้ๆ ตัว หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองแล้วก็อดรู้สึกหวาดหวั่นไม่ได้ เมื่อแขกผู้มาเยือนนั้นเป็นผู้ชายร่างใหญ่ แถมท่าทางยังเหมือนกับตกอยู่ในฤทธิ์ของแอลกอฮอล์อีกต่างหาก
“เอ่อ ตามสบายค่ะ…”
ตอบออกไปเสียงไม่มั่นคงนัก ผู้ชายคนนั้นยิ้มกว้าง เลือกนั่งเก้าอี้ตัวที่ใกล้หล่อนที่สุด รดารักษ์รีบลุกขึ้นยืน แต่ผู้ชายนิรนามไม่ยอมให้หล่อนทำได้ดั่งใจคิด เมื่อเขาคว้าข้อมือของหล่อนเอาไว้แน่น หญิงสาวตกใจจนหน้าซีดเผือด เบิกตากว้างมองผู้ชายที่ตัวเองไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้าด้วยความตกใจ
“กรุณาปล่อยมือดิฉันเถอะค่ะ”
“ก็นั่งคุยกันก่อนสิครับ คนสวย… รู้ไหมว่าผมมองคุณมาตั้งแต่คุณก้าวขึ้นเรือแล้วนะ”
เขาชวนคุยเรื่อยเปื่อย แต่ท่าทางหาไว้ใจได้ไม่ รดารักษ์พยายามบิดข้อมือตัวเองให้หลุดจากพันธนาการของผู้ชายตรงหน้าแต่ก็ทำไม่ได้
“ปล่อยดิฉันเถอะค่ะ ดิฉันต้องรีบไป”
“แต่ผมอยากคุยกับคุณนี่คนสวย…”
“ไม่นะคะ… ปล่อย!”
รดารักษ์พยายามดิ้นรนเมื่อผู้ชายแปลกหน้าร่วมทำมากกว่าแค่จับมือ เขารวบเอวคอดของหล่อนเอาไว้ แล้วพยายามจะรั้งให้หล่อนทิ้งตัวลงไปนั่งบนตักของตัวเอง
“อย่าทำแบบนี้นะ…!” นี่หล่อนคิดผิดใช่ไหมที่เดินมาในที่ลับตาคนแบบนี้
“ผมจะเลี้ยงดูคุณเอง ผมชอบคุณนะ… ชอบมาก”
“ฉันไม่ชอบคุณ ปล่อยฉันนะ ได้โปรดปล่อยเถอะ”
ยิ่งดิ้น ผู้ชายแปลกหน้าก็ยิ่งเพิ่มแรงมากขึ้น จนในที่สุดหล่อนก็เสียหลักล้มลงไปนั่งบนตักของมันจนได้ รดารักษ์พยายามต่อสู้ พยายามขัดขืนอย่างสุดความสามารถ หล่อนขยะแขยงผู้ชายคนนี้เหลือเกิน ทั้งแขยงทั้งชิงชัง มันไม่มีความรู้สึกยามที่ถูกราฟาลแตะต้องสักนิด
“บอกให้ปล่อย! ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!”