EP 58: จอมใจ จอมอหังการ
“เรื่องตั๋วเครื่องบินไปเมืองไทยไม่ต้องจองแล้วนะ ผมยกเลิก…”
“เอ่อ ดิฉันจองแล้วก็ส่งไปให้คุณรดาเรียบร้อยแล้วค่ะ” เลขาหน้าห้องรายงานกลับมาเสียงหวาดหวั่น แล้วก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อเจ้านายสุดหล่อระเบิดเค้นเสียงดุดันมาตามสาย
“จองแล้ว…? ผมสั่งให้คุณไปจองตอนบ่ายไม่ใช่หรือ”
“เอ่อ ดิฉันว่างก็เลยรีบจัดการให้… ไม่รู้ว่าคุณราฟจะยกเลิกแบบนี้”
ตอนแรกคิดว่าจะได้หน้า แต่ไหงมาถูกด่าเละแบบนี้นะ เลขาสาวหน้าห้องโอดครวญอยู่ภายในอก ขณะที่ยังหน้าซีดเผือดอยู่กับโต๊ะทำงานของตัวเอง
“ดิฉันขอโทษค่ะ ขอโทษ…”
ราฟาลเงียบไปนานเพราะพยายามข่มอารมณ์ขุ่นเคืองของตัวเองให้สงบอยู่ภายในอก และเมื่อทำสำเร็จจึงเค้นเสียงเย็นชาถามออกมาอีกครั้ง
“จองวันไหน เที่ยวกี่โมง…”
“วันนี้ เที่ยวบ่ายสองโมงค่ะ”
คำตอบของเลขาทำเอาราฟาลลุกพรวดจากเก้าอี้ ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความกังวล ชายหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูแล้วก็พบว่ามันเลยบ่ายสองมาเกือบยี่สิบนาทีแล้ว และจากความวิตกกังวลก็แปรเปลี่ยนมาเป็นความหวาดกลัวแทน
รดารักษ์ไปจากเขาแล้วจริงๆ หรือ… ไม่หรอก หล่อนไม่กล้าไปจากเขาหรอก ก็หล่อนบอกเองไม่ใช่หรือว่ารักเขา ราฟาลคิดเขาข้างตัวเองอย่างที่สุด ขณะรีบต่อสายกลับไปยังการ์รัสโซ่ พาราไดส์
“ป้ามูนาเหรอ รดาล่ะ รดาอยู่ไหน…?”
“คุณรดาบินกลับเมืองไทยไปแล้วค่ะ ว่าแต่คุณราฟจะมาทำเสียงตกอกตกใจทำไมล่ะคะ ในเมื่อคุณราฟเป็นคนส่งตั๋วมาให้เอง…”
ป้ามูนาพูดจบก็กระแทกหูโทรศัพท์ใส่ราฟาลด้วยความขุ่นเคือง ความสงสารที่มีต่อรดารักษ์ทำให้หล่อนไม่คิดที่จะเกรงกลัวเจ้าของบ้านอย่างราฟาล การ์รัสโซ่อีกต่อไปแล้ว
ปากแข็งนัก ก็ช้ำใจให้ตายไปเลย!
ราฟาลสบถยืดยาวกับโทรศัพท์ ชายหนุ่มรีบเผ่นแน็บออกจากห้องทำงานอย่างรวดเร็ว ระหว่างก็ผ่านโต๊ะทำงานของแม่เลขาแสนรู้ใจที่ทำอะไรไม่ปรึกษาเลยสักนิด เขาหยุดเดิน ก่อนจะเค้นเสียงเลือดเย็นใส่หน้าคู่สนทนา
“ถ้าฉันตามเมียตัวเองไม่ทันล่ะก็ เธอถูกลดเกรดไปเป็นแม่บ้านล้างห้องน้ำแน่…!”
“คุณราฟ… ดิฉันขอโทษ…”
ชายหนุ่มไม่ได้หยุดฟังแม้แต่น้อย เขารีบจ้ำอ้าวตรงไปยังรถสปอร์ตของตัวเองทันที หากมีปีกบินได้ป่านนี้เขาคงบินไปที่สนามบินแล้วล่ะ
“อย่าพึ่งไปนะ รดา… ได้โปรด”
วิงวอนขอต่อพระผู้เป็นเจ้าอยู่ภายในอกครั้งแล้วครั้งเล่า ภาวนาให้รดารักษ์ไม่ได้ไปไหน ภาวนาให้หล่อนยังคงนั่งรอเขาอยู่ที่สนามบิน และหากเขาเจอหล่อนในครั้งนี้ เขาจะไม่ปากแข็ง เขาจะสารภาพความในใจทุกอย่างออกไป จะไม่เก็บมันไว้อีกแล้ว
“รดา… ได้โปรดรอฉันก่อน…”
รถคันหรูพุ่งทะยานไปข้างหน้าราวกับมีปีกบิน มือแกร่งที่กำพวงมาลัยรถเอาไว้แน่นเกร็งเขม็ง หัวใจปวดร้าวราวกับถูกขยุ้มขยำด้วยอุ้งมือมาร ขอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว ขอแค่หล่อนอยู่รอเขา และไม่ว่าหล่อนจะต้องการอะไร อยากได้อะไร เขายินดีจะมอบให้ทุกอย่าง ขอแค่เพียงให้หล่อนอยู่ข้างกายเท่านั้นเพียงพอแล้ว
“รอฉันก่อนนะ รดา… ได้โปรด…”
ดวงตะวันสีเหลืองทองยามเช้าตรู่ที่กำลังเคลื่อนลอยขึ้นเหนือทิวไพรสัณฑ์ช่างเป็นภาพที่แสนงดงามและหาดูได้ยากยิ่งนัก หากไม่ได้อยู่ในชนบทที่ยังคงดำเนินวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมเฉกเช่นหล่อนในขณะนี้
แต่… หล่อนกลับยิ้มได้ไม่เต็มที่นัก รอยยิ้มถูกม่านหมอกแห่งความเจ็บปวดที่ยังไม่ยอมจางหายไปแม้เวลาจะผ่านมาเกือบหนึ่งเดือนแล้วก็ตาม กลบทับเอาไว้อย่างแน่นหนา ไม่ผิดจากก้อนเนื้อในอกที่ยังรวดร้าวเพราะช้ำรักไม่เปลี่ยนแปลง
“คุณราฟ… รดาคิดถึงคุณเหลือเกิน”
หล่อนพึมพำออกมาแผ่วเบาปานเสียงพร่ำของพระพาย
“แต่คุณราฟคง… ไม่คิดถึงรดา…”
น้ำตาแห่งความโหยหาหลั่งรินออกมาอาบแก้มนวล มันเป็นอย่างนี้ทุกครั้งเมื่อยามที่หล่อนได้อยู่ตามลำพัง หลังจากที่หล่อนขึ้นเครื่องบินกลับมาเมืองไทย หล่อนก็ไม่ได้ติดต่อกับไปที่การ์รัสโซ่ พาราไดส์อีกเลย หล่อนเปลี่ยนซิมในโทรศัพท์มือถือ เปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้ไม่มีใครตามหาเจอ แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ไม่ว่าจะพยายามสักแค่ไหนก็ตาม นั่นคือหัวใจ…
หัวใจที่ร่ำร้องและโหยหา อยากกลับเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดคนใจร้ายอย่างราฟาล การ์รัสโซ่อีกครั้ง
แต่มันไม่มีทางเป็นอย่างนั้นได้… เพราะสิ่งที่หล่อนคิด มันก็แค่ความฝันลมๆ แล้งๆ เท่านั้นเอง
ป้ามูนาแอบโทรศัพท์เข้าเครื่องบิดาของหล่อน และเล่าให้ฟังว่าราฟาลไม่ได้แสดงท่าทางยินดียินร้ายใดๆ เลยกับการที่หล่อนจากมา เขายังขยันทำงาน เข้าสังคม และยังคงใช้ชีวิตหนุ่มโสดได้อย่างมีความสุขเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ความโศกเศร้าที่คิดว่าราฟาลจะมีบ้างกลับไม่ปรากฎเลยแม้แต่น้อย ป้ามูนาเฝ้าขอโทษหล่อนที่ไม่พยายามยับยั้งเรื่องที่เกิดขึ้น แต่หล่อนไม่เคยคิดโทษใคร ในเมื่อขนาดตัวหล่อนเองยังไม่รู้จักห้ามใจเลย ปล่อยให้ผู้ชายใจร้ายอย่างราฟาลได้ทั้งตัวและหัวใจไปได้ง่ายดาย
และเขาก็ไม่ได้เห็นค่ามันเลยแม้แต่น้อย…
มือบางยกขึ้นป้ายน้ำตาจนแห้ง จากนั้นจึงปั้นหน้าฝืนยิ้มให้กับบิดาที่เดินมาหยุดตรงหน้า
“มีอะไรเหรอคะพ่อ… มาหารดาแต่เช้าเลย”
หล่อนกับบิดาอยู่บ้านคนละหลังกัน เพราะท่านอยู่กับมารดาเลี้ยงของหล่อนซึ่งเป็นน้องสาวแท้ๆ ของป้ามูนา ส่วนหล่อนมาอาศัยอยู่ที่บ้านในสวนเล็กๆ ตามลำพัง ตอนเช้าหล่อนก็จะออกไปช่วยพ่อกับแม่เลี้ยงทำงานในสวนส้มจำนวนสามไร่ทุกวันเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของทั้งสองคน
สมรักษ์ชายชราวัยหกสิบกว่ายิ้มบางๆ ให้กับบุตรสาว เขารู้ดีว่าการกลับมาเมืองไทยกะทันหันของบุตรสาวในครั้งนี้มันผิดปกติ แต่เขาก็สงสารลูกสาวเกินกว่าจะไปคาดคั้นหาความจริงใดๆ เพราะเท่าที่สังเกตรดารักษ์กำลังอยู่ในช่วงทุกข์ทรมานใจแสนสาหัสทีเดียว
“มีแขกมาหาน่ะรดา”
คิ้วโก่งงามที่สวยตามธรรมชาติเลิกขึ้นเล็กน้อย ดวงตากลมโตหวานฉ่ำเจือไปด้วยความประหลาดใจ
“เขาเป็นใครเหรอคะพ่อ… รดารู้จักหรือเปล่าคะ”
“พ่อว่าลูกไปดูเองดีกว่า อยู่ที่บ้านพ่อนู้น…”
เมื่อพ่อไม่ยอมบอกรดารักษ์ก็ไม่ได้คาดคั้นอะไรออกไปอีก แม้จะสงสัยเต็มหัวใจแค่ไหน แต่หล่อนก็เลือกที่จะยิ้มบางๆ ให้กับบิดาแล้วมุ่งหน้าเดินตรงไปยังบ้านพักของท่านทันที สมรักษ์มองร่างอรชรของบุตรสาวไปด้วยสายตาห่วงใย แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่ายืนมอง และให้กำลังใจตอนบุตรสาวเจ็บปวดเท่านั้น
บ้านของพ่อเป็นบ้านไม้ขนาดสองชั้นหลังเล็กๆ ตั้งอยู่บนเนินสูงทำให้มองเห็นสวนส้มได้ชัดเต็มสองตา หญิงสาวก้าวเท้าเข้าไปภายในบ้าน แล้วก็ต้องอึ้งอยู่กับที่ราวกับเป็นอัมพาตเมื่อเห็นผู้มาเยือนชัดเต็มสองตา
“ป้ามูนา…!”
หญิงสาวอุทานออกมาด้วยความดีใจ น้ำตาที่กักเก็บเอาไว้ทะลักทลายออกมาอาบแก้ม รีบวิ่งเข้าไปสวมกอดร่างของป้าต่างสายเลือดด้วยความคิดถึง
“ป้ามาได้ยังไงคะ รดาดีใจที่สุด…”
ป้ามูนาเองก็ร้องไห้ออกมาเช่นกัน โอบรอบร่างอรชรที่อวบอิ่มขึ้นมาผิดหูผิดตาเอาไว้ด้วยความรัก ความเอ็นดู ก่อนจะประคองกันไปนั่งลงบนโซฟาที่ค่อนข้างเก่าแต่สะอาดสะอ้าน
“คุณราฟบังคับให้ป้าบอกที่อยู่ของรดา… แต่ป้าไม่ยอมบอก ก็เลยถูกไล่ออกคะ…”
“คนใจร้าย… เขาทำกับป้าแบบนี้ได้ยังไงคะ”
รดารักษ์ยกมือขึ้นป้ายน้ำตาทิ้ง มองสตรีสูงวัยผู้มีพระคุณด้วยความละอายใจ เพราะหล่อนคนเดียวป้ามูนาถึงต้องมาลำบากแบบนี้
“ป้าก็ไม่รู้ว่าทำไมคุณราฟถึงอยากเจอรดาขึ้นมา… ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เป็นเดือนๆ ไม่เห็นสนใจอะไรเลย”
“แล้วนี่คุณราฟไล่ป้าออกตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
“เมื่อวานนี้รดา คุณราฟมาคาดคั้นหาที่อยู่ของรดากับป้า แต่ป้าบอกไม่รู้ ไม่มี… คุณราฟไม่ยอมเชื่อ ก็เลยไล่ป้าออกเลย ป้าเสียใจมากที่คุณราฟใจร้ายกับป้าแบบนี้ นี่หากคุณหญิงยังอยู่ คุณหญิงจะต้องห้ามคุณราฟแน่…” ป้ามูนาพูดออกมาด้วยความเสียใจ
“ป้าไม่ต้องเสียใจนะคะ มาอยู่กับรดาที่นี่เถอะค่ะ… อย่าไปอยู่ใกล้คนใจร้ายแบบนั้นเลย เขาเป็นคนไม่มีหัวใจ”
“เห็นจะไม่ได้หรอกมั้งรดารักษ์…”
น้ำเสียงคุ้นหูที่ดังขึ้นที่ปากประตูทำให้ทั้งสองคนต่างวัยพากันหันไปมองพร้อมกัน แล้วก็หน้าซีดเผือดด้วยความตกใจไม่แปลกกันเลย
“คุณราฟ…!”