จักรพรรดิมังกร – ตอนที่ 103 เขาเป็นมหาเศรษฐี

บทที่ 103 เขาเป็นมหาเศรษฐี

แอ๊ด!

พอประตูเปิดออก หลี่โม่ยืนอยู่ข้างนอก

หวังฟางหน้านิ่งไปชั่วขณะ สีหน้าแสดงความสงสัย “นายถูกจับไปแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงถูกปล่อยออกมา? ”

หลี่โม่ยิ้มแล้วกล่าวว่า “แม่ ผมไม่ได้ทำอะไรผิด ยังไงพวกเขาก็ต้องปล่อยผมออกมา”

ขณะเดียวกัน เมื่อกู้หยุนหลันได้ยินเสียงของหลี่โม่ เธอก็รีบวิ่งเข้าไปกอดหลี่โม่ แล้วก็ร้องห่มร้องไห้

หลี่โม่ปลอบใจเธอ “ไม่มีอะไรแล้ว ผมไม่เป็นไรแล้ว นี่ก็ถูกปล่อยตัวออกมาแล้วนี่”

ในห้องรับแขก ทุกคนในครอบครัวนั่งอยู่ด้วยกัน

หวังฟางกับกู้เจี้ยนหมินนั่งอยู่บนโซฟา จ้องมองไปที่หลี่โม่ ด้วยสายตาที่แสดงถึงความโกรธ และมีความสงสัย

ตอนนี้ข้างหลี่โม่ มีเฉียนฝูนั่งอยู่

หวังฟางจ้องมองเฉียนฝู แล้วถามว่า “หลี่โม่ ตาแก่คนนี้คือใคร ทำไมนายถึงพาคนไม่รู้จักเข้ามาในบ้านฉันโดยพลการ? ”

หวังฟางไม่ชอบการแต่งตัวของตาแก่คนนี้ อายุปูนนี้แล้ว ยังจะใส่สูทอีก ในมือยังถือหมวกสีดำที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม

มองแวบเดียวก็รู้ว่าไม่เหมือนคนปกติ

คนที่คลุกคลีอยู่กับคนอย่างหลี่โม่ ก็ไม่น่าแปลกใจที่ถูกจับด้วย

หลี่โม่อธิบายด้วยเสียงเรียบ ๆ ว่า “แม่ เขาคือเพื่อน……คนหนึ่งของผม ครั้งนี้ที่ผมสามารถออกมาได้ เป็นเพราะเขาช่วย”

สำหรับเป็นเพื่อนแบบไหนแล้ว หลี่โม่ไม่ได้อธิบายอีก

หากบอกเธอว่า คนที่นั่งอยู่ตรงหน้านี้คือมหาเศรษฐีของฉู่โจว แล้วก็เป็นพ่อบ้านของตนเอง หวังฟางจะบ้าหรือเปล่า?

“ตาแก่เฉียนฝู สวัสดีคุณทั้งสองคน”

เฉียนฝูรู้ว่า แม่ยายของนายน้อยเป็นคนที่โหดเหี้ยม เธอขึ้นชื่อว่าเป็นคนก้าวร้าวและไม่มีเหตุผล วันนี้ได้เห็น เธอไม่เหมือนคนธรรมดาจริง ๆ

“เฉียน…….เฉียนฝู”

ตอนนี้กู้หยุนหลันเริ่มรู้สึกดีขึ้น มองคนที่นั่งอยู่ข้างหลี่โม่อย่างจริงจัง แล้วถามด้วยความประหลาดใจว่า “คุณคือเฉียนฝู ประธานเฉียนเหรอ? ”

“หยุนหลัน ลูกรู้จักตาแก่คนนี้เหรอ”

หวังฟางเบะปาก ยิ้มเยาะเย้ยด้วยสีหน้าเย็นชา

“เฉียนฝู เป็นมหาเศรษฐีของฉู่โจว เหมือนจะเป็นประธานของห้านซินกรุ๊ป….” กู้หยุนหลันกล่าวด้วยความตื่นเต้น

ที่สามีของตนเองรู้จักเฉียนฝู!

ที่สำคัญคือ ตาแก่คนนี้ ก็คือคนที่หลี่โม่ชี้บอกทางที่หน้าโรงพยาบาลไม่ใช่เหรอ?

ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นเจ้าของกวนเหลินกัง เกิดเรื่องที่กวนเหลินกังครั้งก่อน หลี่โม่เป็นคนช่วยไว้เรื่องถึงได้จบลง

“มหาเศรษฐีของฉู่โจว คือคนแบบนี้เหรอ?”

หวังฟางมองเฉียนฝูหัวจรดเท้าอย่างดูถูก แสดงท่าทางรังเกียจ “ หยุนหลัน อย่าล้อเล่นกับแม่! หลี่โม่ไม่รู้จักคนรวยแบบนี้หรอก? พูดไป ไม่ใช่ว่าใครก็ตามที่ชื่อเฉียนฝูก็เป็นมหาเศรษฐี”

หวังฟางไม่รู้จักเฉียนฝูก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเธอไม่เคยสนใจธุรกิจ เพราะตลอดทั้งวันเธอสนใจแต่เรื่องเล็กน้อยที่ไม่เป็นเรื่อง

อีกอย่าง ในสายตาเธอ คนไร้ประโยชน์อย่างหลี่โม่ จะรู้จักมหาเศรษฐีได้ยังไง?

ถ้าหากรู้จักมหาเศรษฐี เธอก็จะจุดธูปก้มกราบเลย!

เมื่อเผชิญหน้ากับการเยาะเย้ยของหวังฟาง ใบหน้าของเฉียนฝูก็กระตุกเช่นกัน แต่เขาก็อดกลั้นอารมณ์ไว้

กู้หยุนหลันรู้สึกกังวลมาก ขยิบตาอย่างต่อเนื่องให้หวังฟาง แต่เธอกลับเมินเฉย และยิ้มเยาะเย้ยมากกว่าเดิมอีก

“หลี่โม่ ทีหลังอย่าพาหมาแมวกลับมาบ้านอีกน่ะ มิเช่นนั้นนายก็อย่ากลับมาบ้านพวกเราอีก!”

หวังฟางกล่าวอย่างไม่พอใจ แม้แต่ถุงใต้ตาก็ยังเผยให้เห็นถึงความเย้ยหยันถากถาง

อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้จู่ ๆ ก็มีข่าวปรากฏขึ้นทางทีวี

“ตามข่าวล่าสุดจากสถานีนี้ คุณเฉียนประธานห้านซินกรุ๊ป ได้ใช้ทุนส่วนตัวหนึ่งพันล้าน เพื่อสร้างโรงเรียนตำรวจใหญ่ที่สุดของเมืองนี้ มันมีส่วนช่วยเหลืออย่างมากในการพัฒนาบ้านเมืองให้มั่นคง”

ด้วยเนื้อหาของข่าว ทำให้ห้องรับแขกทั้งห้องเงียบสนิท!

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหน้าจอ จะมีภาพถ่ายและวิดีโอสัมภาษณ์ของเฉียนฝูฉายอยู่ด้วย!

ดวงตาของหวังฟางเบิกกว้าง จ้องมองมหาเศรษฐีในจอภาพ และสายตาของเธอได้สลับเคลื่อนไปมาที่ตาแก่ที่อยู่ตรงหน้า

“โอ้ แม่เจ้า!”

หวังฟางตัวสั่นด้วยความตกใจ ในเวลานั้นเธอชี้ไปที่ทีวีและกล่าวว่า “คุณ คุณ…… คุณคือเฉียนฝูจริง ๆ เหรอ? คือเฉียนฝูคนที่เป็นมหาเศรษฐีเหรอ?! ”

โอ้ สวรรค์!

หวังฟางรู้สึกเหมือนชีวิตพังทลาย!

เมื่อสักครู่เธอทำอะไรลงไป เธอพูดอะไรออกไป?!

เลอะเลือน มันเลอะเลือนจริง ๆ!

คนรวยเช่นนี้ มาที่บ้านของเธอ แต่เธอกลับพูดจาเสียดสีประชดประชันเขา

“อั้ยหยา คือ…. คุณเฉียน คุณอย่าเข้าใจผิด อย่าถือสา ฉันเป็นหญิงแก่ที่ปากเสีย สิ่งที่พูดออกไปเมื่อสักครู่ ถือว่าผายลมแล้วกัน อย่าไปฟังมันอย่าไปใส่ใจ”

หวังฟางตื่นตระหนกมาก ทั้งตื่นเต้นและประจบประแจงลุกขึ้น รีบไปชงชาและปลอกทำผลไม้ อดไม่ไหวที่จะเอาของดีของอร่อยประเคนเข้าปากของเฉียนฝู

เฉียนฝูเพียงแค่ยิ้มอย่างเรียบ ๆ แล้วกล่าวด้วยคำที่สุภาพเพียงไม่กี่คำว่า “อย่าลำบากเลย ผมมาที่นี่เพื่อส่งน้องเสี่ยวหลี่ และผมก็กำลังจะกลับ”

“ไม่ลำบาก ไม่ลำบาก การที่คุณเฉียนมาที่บ้านของพวกเราได้ ก็เพราะมีบรรพบุรุษของเราคุ้มครอง คุณกินสิ ผลไม้นี้ฉันเพิ่งซื้อมาวันนี้เอง ส่วนชานี้ก็เป็นชาอย่างดี ในวันปกติชาดีเช่นนี้ฉันก็ไม่ได้นำมาดื่ม”

พฤติกรรมของหวังฟางเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ รู้สึกถึงความเอาอกเอาใจเป็นอย่างมาก

แม้แต่กู้เจี้ยนหมินที่อยากพูด ก็ไม่มีโอกาสได้พูดแทรก

“คุณนั่งดูหนังสือพิมพ์อยู่ตรงนั้นแหละ” หวังฟางกล่าวกับกู้เจี้ยนหมิน จากนั้นก็หันมา ดวงตาเปล่งประกาย จ้องมองเฉียนฝูเหมือนเป็นสมบัติของชาติ

กู้เจี้ยนหมินได้แต่จำยอม มีเมียแบบนี้ มันช่างน่าอายจริง ๆ

วินาทีก่อนหน้านั้นยังอยากไล่เขาออกไปจากบ้าน วินาทีนี้กลับจ้องมองและอยากเข้าไปเกาะเขาไว้

“แม่ ประธานเฉียนมีเรื่องมากมายที่ต้องทำ เขายังมีธุระ” กู้หยุนหลันกล่าว

หวังฟางจ้องเขม็งมาที่กู้หยุนหลัน แล้วกล่าวว่า “ลูกไม่รู้อะไร อย่าพูดจาไปเรื่อย”

หลังจากนั้น เธอก็ลุกขึ้นด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็จ้องมองไปที่หลี่โม่และกล่าวว่า “ลุกขึ้น แล้วไปนั่งตรงนั้น”

หลี่โม่ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงทำได้เพียงแค่ลุกขึ้น

หวังฟางจึงนั่งลงข้างเฉียนฝู ด้วยท่าทางประจบประแจง แล้วกล่าวว่า “คุณเฉียน คุณรู้จักหลี่โม่ของเราได้ยังไงกัน?”

ตอนนี้เริ่มพูดว่าหลี่โม่อย่างโน้นหลี่โม่อย่างนี้ ช่างไร้ยางอายเสียจริง ๆ

ถึงแม้ว่าหวังฟางอยากจะประจบประแจงเฉียนฝู่ แต่ในใจของเธอรู้ดีว่า

หลี่โม่คนไร้ประโยชน์ดันไปรู้จักคนนักธุรกิจที่ร่ำรวยขนาดนี้

มันเหมือนดั่งดวงอาทิตย์ขึ้นมาจากทิศตะวันตกเลย(เปรียบเรื่องที่มันเหลือเชื่อ)

เฉียนฝูยิ้มแล้วกล่าวว่า “ผมกับเสี่ยวหลี่รู้จักกันเพราะเหตุบังเอิญ เขาช่วยเหลือผม ครั้งนี้เขาเกิดเรื่อง ผมจึงช่วยเหลือเขาบ้าง”

“โอ้ ช่วยเหลือกัน” หวังฟางยิ้มและพึมพำ แล้วมองไปที่หลี่โม่ รู้สึกไม่พอใจอยู่ในใจ

นึกว่าหลี่โม่จะวิเศษอะไร ที่แท้ก็ยังคงเป็นคนไร้ประโยชน์

ติดหนี้บุญคุณอะไรกัน ที่คราวนี้มาช่วยเขา!

หนี้บุญคุณนี้ ถ้าหากเป็นเธอ จะต้องขอเงินเขาสักล้าน

หลี่โม่ไม่รู้จะพูดอะไรดี

และในเวลานี้ เฉียนฝูก็ลุกขึ้น และจับมือกับทุกคน แล้วกล่าวว่า “ผมขอโทษทุกคน ตอนนี้เพื่อนเสี่ยวหลี่ก็ไม่มีไรแล้ว ผมจะขอตัวกลับไปก่อน ขอโทษที่มารบกวน”

หวังฟางเห็นว่าบ่อเงินบ่อทองกำลังจะกลับ? รีบจับมือของเฉียนฝูและกล่าวว่า “คุณเฉียน ขอบคุณที่ช่วยเหลือหลี่โม่ของพวกเรา คราวหลังมาทารอาหารที่บ้านฉันน่ะ”

เฉียนฝูยิ้มแล้วกล่าวไม่กี่ประโยค ก็กลับไป

หวังฟางส่งเขาที่ประตูบ้านด้วยตนเอง รอจนเขาขึ้นรถโรลส์รอยซ์ไปแล้ว เธอเดินกลับเข้ามาด้วยอารมณ์ค้าง

รถโรลส์รอยซ์!

เป็นรถหรูหราราคาแพง!

เมื่อเดินเข้ามาบ้าน เขาตะโกนอย่างตื่นเต้นว่า “เหล่ากู้ ครอบครัวเราจะรวยแล้ว เขาคือเฉียนฝูที่ร่ำรวยมาก! ”

กู้เจี้ยนหมินมองเธอด้วยสายตาเย็นชาแล้วกล่าวว่า “เมื่อสักครู่เธอยังเตรียมตัวจะไล่เขาออกจากบ้านนี่”

สิ่งที่ทำให้กู้เจี้ยนหมินไม่พอใจก็คือ บุคคลผู้ร่ำรวยคนนี้มาถึงบ้านตนเองแล้ว เขาไม่มีโอกาสได้พูดสักประโยค อีแก่นี่พูดอยู่คนเดียว

หวังฟางเหลือบมองดูเขาอย่างเหยียดๆแวบหนึ่ง ตอนนี้เธอรู้สึกมีความสุขในใจ ไม่รู้ว่ากำลังคิดถึงเรื่องอะไรอยู่ เมื่อเห็นหลี่โม่ยังอยู่ในห้องรับแขก เธอก็เปลี่ยนความเกลียดชังที่มีต่อเขาในอดีต นั่งลงต่อหน้าเขาด้วยรอยยิ้ม

“หลี่โม่ อย่าตำหนิแม่ที่ปฏิบัติกับนายก่อนหน้านี้ ถ้านายบอกแม่ก่อนหน้านี้ว่า นายรู้จักเฉียนฝู แม่จะปฏิบัติกับนายเหมือนลูกชายอย่างแน่นอน”

ความไร้ยางอายของหวังฟาง มันช่างสุดโต่งจริง ๆ

หลี่โม่ไม่มีเงินไม่มีอำนาจ เธอก็ดูหมิ่นและด่าว่าสารพัด

ตอนนี้หลี่โม่รู้จักเฉียนฝู เธอจะปฏิบัติกับเขาเหมือนลูกชาย

กู้หยุนหลันก็รู้สึกว่าหวังฟางทำเกินไปแล้ว แม่ของเขา เป็นคนปฏิบัติต่อแต่ละบุคคลแตกต่างกัน

“ยังไงซะ หลี่โม่ ต่อไป นายต้องคอยประจบเฉียนฝู ยังไงก็มีประโยชน์ต่อนายแน่นอน” หวังฟางกล่าวแล้วถามว่า “ครั้งที่แล้วนายช่วยอะไรเขาไว้?”

นี่คือสิ่งที่หวังฟางใส่ใจมากที่สุด เธอคิดในใจว่า จะสามารถขอเงินจากเรื่องนี้ได้ไหม

หลี่โม่โกหกไปตามน้ำ “ครั้งที่แล้วผมพบกับประธานเฉียนเพราะเขาไม่รู้ทาง ผมเลยชี้บอกทางให้ เขาคงจะรีบไปโรงพยาบาลเพื่อพบแพทย์ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”

“อั้ยหยา เขาไม่ให้เงินนายเหรอ?” หวังฟางกล่าวประโยคนี้ และสายตาทั้งคู่จ้องมองตรงไปที่หลี่โม่

ครั้งที่แล้วเขาให้ตนเอง5หมื่น กลายเป็นเรื่องตลกมาก

เป็นไปได้หรือไม่ ที่เงินนั้นเฉียนฝูเป็นคนให้?

มันต้องไม่ใช่5หมื่นแน่นอน!

ไอ้หมอนี่ ต้องแอบซ่อนเงินไว้แน่นอน!

ต้องขอเงินมาให้ได้!

“แม่ แม่คิดอะไรอยู่ หลี่โม่เป็นคนยังไงแม่ไม่รู้เหรอ เขาจะไปขอเงินคนอื่นได้อย่างไร?” กู้หยุนหลันกล่าวด้วยใบหน้าเยือกเย็น

สิ่งที่แม่ตนเองพูดคืออะไร สงสัยในตัวหลี่โม่เหรอ?

“ลูกรู้อะไร หุบปาก หวังฟางบอกกู้หยุนหลัน จากนั้นก็มองไปที่หลี่โม่แล้วกล่าวว่า “หลี่โม่ ยังไงนายก็เรียกฉันว่าแม่ ลูกสาวฉันก็แต่งงานกับนาย ลำบากกับนายมาก็4ปีแล้ว ฉันกับพ่อนายก็ถูกนายทำให้เสียหน้าและอับอายหลายครั้ง นายไม่ควรปกปิดเรา บอกมาว่าเขาให้เงินนายมาเท่าไหร่?”

เธอเชื่อว่าหลี่โม่รับเงินเขามาแล้ว

หลี่โม่มองไปที่กู้หยุนหลัน แล้วถอนหายใจเล็กน้อย นั่นหมายความว่าไม่มีอะไร

การจ้องมองของหวังฟาง เหมือนจ้องจนจะทำให้ผิวหนังลอกออกเลยก็ว่าได้

“สองแสน ที่เหลืออีกแสนห้า จะเก็บไว้รักษาซีซี” หลี่โม่ได้แต่พูดแบบนี้

สองแสน!

เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ ร่างกายของหวังฟางก็กระปรี้กระเปร่าขึ้นมา จ้องมองไปที่หลี่โม่ ยื่นมือและพูดอย่างห้าวหาญว่า “เอาการ์ดมา แม่จะช่วยพวกเธอเก็บไว้”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset