บทที่ 111 ประจบประแจง
นักธุรกิจยักษ์ใหญ่ของท้องถิ่นเมืองฮ่าน กำลังยืนอยู่หน้าหอไห่เยี่ยน รอหลี่โม่ที่กำลังจะมาถึง
ได้ข่าวว่าครั้งนี้พวกเขาต้องต้อนรับนายน้อยของสำนักหลงเหมิน พวกนักธุรกิจยักษ์ใหญ่เหล่านี้ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
ธุรกิจที่เขาถืออยู่ ถือว่ายิ่งใหญ่และหลากหลายมาก แค่เศษเสี้ยวของธุรกิจของนายน้อยสำนักหลงเหมินก็สามารถทำให้พวกนักธุรกิจเหล่านี้มีเงินจนสุขสบายไปทั้งชาติ
ยิ่งเข้าไปตีสนิทกับนายน้อยหลงเหมิน หรือได้ทำการค้าของเจ้านายหลงเหมิน ก็จะทำให้มีเงินร่ำรวยจนมีทรัพย์สินมหาศาล
“ได้ข่าวว่านายน้อยสำนักหลงเหมินยังหนุ่มอยู่เลยนะ วันนี้ฉันให้ลูกสาวของฉันมาต้อนรับ หวังว่าลูกสาวฉันจะเข้าตานายน้อยของสำนักหลงเหมินนะ”
“ไม่รู้ว่าเจ้านายของสำนักหลงเหมินแต่งงานหรือยัง ถ้ายังไม่แต่ง ลูกสาวของพวกเราก็ต้องแข่งขันกันแล้วละ”
“ถึงนายน้อยของสำนักงานหลงเหมิงจะแต่งงานแล้วก็ไม่ใช่ปัญหา ถ้าเป็นภรรยาน้อยของนายน้อยสำนักหลงเหมินก็ถือเป็นบุญของพวกเธอแล้ว ครั้งนี้นอกจากสาวฉันจะมาแล้ว ฉันยังพาหลานและญาติมาด้วย”
นักธุรกิจยักษ์ใหญ่เหล่านี้คุยกันด้วยเสียงที่เบามาก เหมือนกลัวว่าคนอื่นจะได้ยิน
กู้ชิงหลินและเพื่อนสนิทได้มาถึงที่หอไห่เยี่ยน เห็นนักธุรกิจยักษ์ใหญ่เหล่านี้ ยืนอยู่ข้างหน้าของหอไห่เยี่ยนเหมือนดั่งเด็กนักเรียนที่กำลังยืนแถว ใบหน้าของพวกเขาแสดงสีหน้าที่ตกใจ
“นั้นเป็นประธานของติ่งเซิ่งกรุ๊ปหวงฝูชิงนิ เขามีมูลค่าทรัพย์สินกว่าสี่พันล้านเลยนะและในเมืองฮ่าน เขาเป็นเจ้าของธุรกิจยักษ์ใหญ่ที่โด่งดังอีกด้วย!”
เพื่อนสนิทของกู้ชิงหลินตื่นตกใจ!
หวงฝูชิงคนนี้ เป็นเจ้าคนธุรกิจอันดับต้นๆ ของเมืองฮ่านเลยนะ!
มีทรัพย์สินกว่าสี่พันล้าน และมีธุรกิจหลากหลาย!
ในเมืองฮ่าน เขาเป็นตัวแทนของเมืองฮ่านได้เลยนะ!
“ดูนั้นสิ ประธานจางของเสิ้งซื่อกรุ๊ปก็มานะ พวกเขาน่าจะกำลังรอใครสักคนอยู่นะ น่าจะกำลังรอต้อนรับลูกคนรวยที่ลึกลับแน่เลย”
ได้ยินเพื่อนสนิทของเธอที่กำลังกระซิบกันอยู่นั้น กู้ชิงหลินคิดว่าถ้าตัวเองเป็นแฟนของลูกคนรวยคนนั้น ชีวิตคงจะถึงจุดที่สบายที่สุด”
“รีบไปกันเถอะ พวกเราต้องรีบไปเตรียมตัว ฉันต้องแต่งหน้าใหม่อีกรอบด้วย” กู้ชิงหลินพูดด้วยเสียงที่อ่อนโยน และเพื่อนสนิทของเธอได้หัวเราะและเดินตรงไปที่หอไห่เยี่ยนพร้อมกัน
“อิอิ ชิงหลิน เธอคิดอะไรกับลูกคนรวยคนนั้นใช่มั้ย? ถ้าเธอได้เขามาเป็นแฟน ก็อย่าลืมเพื่อนอย่างพวกฉันนะ”
“ขอให้ฉันได้เป็นแฟนเขาจริงๆก่อนเถอะ ถึงตอนนั้นชิงหลินเป็นแฟนของเขา ส่วนพวกเราก็เป็นกิ๊กของเขาอีกครั้งหนึ่ง ฮาฮาฮา”
ผู้หญิงเหล่านี้พูดไปหัวเราะไป ไม่ได้เคารพสถานที่เลย
กู้ชิงหลินและเพื่อนเข้าไปถึงที่หอไห่เยี่ยนไม่นาน รถเบนท์ลีย์ได้ขับเข้ามาและค่อยๆจอดอยู่ที่หน้าทางเข้า
ทางเข้าถูกปูด้วยพรมแดงและบอดี้การ์ดยืนอยู่สองข้างของทางเข้า
ประธานของติ่งเซิ้งกรุ๊ปหวงฝูชิงไม่รอช้า เขาได้รีบเดินออกไป ใบหน้าที่ยิ้มได้ใจ และรอที่จะเปิดประตูให้หลี่โม่
คนที่เหลือรู้สึกผิดหวังเพราะช้าไปแค่หนึ่งก้าว น่าจะเป็นเพราะเดียวนี้พวกเขาถือตัวมากเกินไป จนทำให้พวกเขาลืมไปว่าควรจะไปต้อนรับคนอื่นอย่างไง
หวงฝูชิงยิ้มใหญ่ เขาได้จับที่คันถือของรถเบนซ์และค่อยๆ เปิดประตูรถ กลัวตัวเองจะเปิดแรงเกินไป แล้วทำให้หลี่โม่ที่อยู่ข้างในตกใจ
หลี่โม่พยักหน้าให้หวงฝูชิง ทำให้หวงฝูชิงรู้สึกดีใจมาก ใบหน้าที่ยิ้มแย้มกลายเป็นใบหน้าที่ปลื้มใจคอของเขาแดงไปหมดแล้ว
“นายน้อย เชิญครับ”
“อืม”
หลี่โม่ตอบรับ และก้าวลงจากรถเบนท์ลีย์
หลี่โม่ที่มาด้วยความเร่งรีบ เขาเลยไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า เมื่อหลี่โม่ลงจากรถแล้ว หวงฝูชิงและพวกที่เห็นเสื้อผ้าของหลี่โม่แล้วรู้สึกลายตา
ถ้าหลี่โม่ไม่ได้นั่งรถเบนท์ลีย์ของหลงเหมินมา พวกหวงฝูชิงอาจจะคิดว่าหลี่โม่ปลอมตัวมาเป็นนายน้อยของหลงเหมินแน่ๆ
หวงฝูชิงเหมือนมีอะไรจะพูด แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา เพราะกลัวจะทำให้หลี่โม่ไม่พอใจเขาเลยหันกลับไปมองนักธุรกิจยักษ์ใหญ่ที่อยู่ข้างหลังหลายท่าน และสบตากับพวกเขา
หวงฝูชิง“ตอนนี้พิธีดินเนอร์เขาแต่งตัวแบบไม่เป็นทางการแบบนี้แล้วหรือ? พวกเราแต่งตัวมาทางการแบบนี้ จะไม่เหมาะกับนายน้อยหลงเหมินนะสิ”
ประธานจาง“นายน้อยแต่งตัวแบบนี้ ต้องเป็นเพราะว่าต้องการเป็นผู้นำเทรนแฟชั่นของเสื้อผ้า พวกเราควรตามรอยของนายน้อยนะ”
ประธานหลี่“ใช่ๆๆ เป็นความคิดที่ดีนะ พวกเรารีบให้คนส่งเสื้อผ้ามาเลย พวกเราต้องแต่งตัวตามนายน้อย”
หลี่โม่ก้มมองเสื้อผ้าที่ตัวเองใส่ และมองไปที่พวกหวงฝูชิงที่ใส่เสื้อผ้าแบรนด์ดังระดับโลก ยิ้มและถามไปว่า“ เสื้อผ้าของฉัน……”
หลี่โม่ที่ยังพูดไม่จบ หวงฝูชิงรีบพูดแทรกเข้ามา “นายน้อย รสนิยมของท่านทันสมัยมาก ท่านเป็นผู้นำเทรนนด์แฟชั่นเลยนะ ผมเคยดูรายการประกวดเดินแบบแฟชั่น มีคนที่แต่งตัวเหมือนกับท่านมากมาย”
ประธานจางก็ไม่น้อยหน้า และพูดต่อไปว่า“พวกเราแก่แล้ว เราตามไม่ทันเทรนด์แฟชั่นของนายน้อย แต่วันนี้พวกเราอยากที่จะเรียนรู้เทรนแฟชั่นจากนายน้อย เดี๋ยวจะมีคนส่งเสื้อผ้ามา พวกเราก็จะได้รับรู้ถึงเสน่ห์ของแฟชั่นสากลด้วย”
พวกหวงฝูชิงประจบประแจงสุดยอดจริงๆ ปลื้มใจแต่กลับทำให้หลี่โม่ได้ยินแบบนี้รู้สึกสบายใจ
สำหรับประจบประแจงหลี่โม่ฟังจนชินไปแล้ว เขาไม่ได้พูดอะไรมาก
“แบบนี้นี่เอง งั้นก็ให้พวกเขาส่งหน้ากากมาด้วยแล้วกัน” หลี่โม่ยิ้ม
ตอนแรกเขาไม่ได้ตื่นเต้นอะไรกับดินเนอร์ ครั้งนี้มาก
หวงฝูชิงและพวกอึ้ง และพวกเขาได้จิตนาการงานเต้นรำที่ใส่หน้ากาก เหมือนงานเต้นรำของต่างประเทศ
“ดูแล้วพวกเราดูเชยมากเลยนะ เลขาหลี่ รีบให้คนส่งหน้ากากมานะ วันนี้จะมีงานดินเนอร์แต่งหน้า” หวงฝูชิงรีบสั่งเลขาที่อยู่ข้างๆ
“ใส่หน้ากากเพื่อที่จะเพิ่มความน่าค้นหา นอกจากพวกเราแล้ว คนอื่นก็จะไม่รู้ว่านายน้อยเป็นแขกรับเชิญพิเศษคนนั้น แบบนี้นายน้อยจะสามารถรู้ได้ว่าคนที่มาร่วมงานพวกเขามีความคิดอย่างไงได้ง่ายขึ้น ชั่งฉลาดมาก”
ใช่แล้ว พวกเราเป็นผู้ที่มาร่วมงานกับนายน้อยโดยตรง นอกจากประจบประแจงแล้ว อะไรก็ไม่เข้าหูแล้ว
“นายน้อยควรจะเดินเข้าไปในกลุ่มคนที่มาร่วมงาน และถามความคิดเห็นและความรู้สึกที่แท้จริงของเขา พวกเราเมื่อเทียบกับนายน้อยแล้ว เทียบไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นวิธีการ หรือความคิด”
ประธานจางไม่หยุดที่จะประจบประแจง
หลี่โม่แอบยิ้มในใจ คิดในใจว่าเขาแค่ไม่อยากที่จะเผชิญหน้ากับกู้ชิงหลินโดยตรง ถ้าเผชิญหน้าโดยตรง ไม่รู้จะทำให้ตระกูลกู้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้น ปกปิดตัวเองจะดีกว่า
อย่างไรก็ตาม เขายังมีเรื่องอีกมากมายที่จะต้องทำ
ต้องระมัดระวังเรื่องที่จะตามมาภายหลัง
เห็นใบหน้าที่มีรอยยิ้มของหลี่โม่ ทำให้หวงฝูชิงและพวงยิ้มไปตามๆ กัน พวกเขารู้สึกว่าประจบประแจงทำให้หลี่โม่มีความสุข
ไม่นานเลขาของเขาได้ส่งเสื้อผ้าและหน้ากากมาให้ พวกหวงฝูชิงได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อผ้าธรรมดา
พวกหวงฝูชิงที่ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าแบรนด์ดังแล้ว พวกเขาก็เหมือนคนวัยกลางคนที่อ้วนและธรรมดา
หลี่โม่หยิบหน้ากากสีขาวขึ้นมา“ ประธานหวงใส่หน้ากากตือโป๊ยก่าย
ประธานจางใส่หน้ากากซาเหอซ่าง……”
หยิบหน้ากากตือโป๊ยก่าย หวงฝูชิงลูบไปที่ท้องที่ยื่นออกมาของตัวเอง และพูดว่า“หวัดดีโป๊ยก่าย โป๊ยก่ายเป็นชื่อมงคลนะ นายน้อยเลือกสิ่งที่ดีให้ผมจริงๆ ”