จักรพรรดิมังกร – ตอนที่ 127 ให้หน้าแล้วไม่เอา

บทที่ 127 ให้หน้าแล้วไม่เอา

น้ำเสียงไม่เป็นมิตรดังขึ้นมา ดึงดูดความสนใจของทุกคนให้หันไปมอง

ฮั่วเจี้ยนเฟิงกำลังสั่งอาหารอย่างสบายใจ เพิ่งจะรู้สึกว่าหน้าตาถูกดึงกลับมาสักนิดแล้ว ถัดมาพลันถูกเสียงที่ไม่เป็นมิตรทำลายอารมณ์ที่ดีไปแล้ว

“นี่คือห้องส่วนตัวที่ฉันจองไว้ นายอาศัยอะไรจะมาเอาไป พวกเราไม่เปลี่ยน”

ฮั่วเจี้ยนเฟิงที่กำลังมองรายการอาหารไม่แม้แต่จะเงยขึ้นมา น้ำเสียงแข็งกร้าวพูดตอบ

ถึงแม้ว่าฮั่วเจี้ยนเฟิงยังไม่ได้อยู่ในระดับที่เพียงพอจะหยิ่งผยองในเมืองฮ่านได้ แต่ฮั่วเจี้ยนเฟิงคิดว่าอาศัยเส้นสายของตนเอง ก็ไม่ต้องเกรงกลัวใคร

อย่างไรก็ตามนอกจากคนใหญ่คนโตที่อยู่เบื้องบนเหล่านั้น คนที่ประสบความสำเร็จทั่วไป ในสายตาของฮั่วเจี้ยนเฟิงล้วนเป็นแค่น้องชาย

ด้านนอกประตู ชายวัยกลางคนที่ทั้งตัวสวมชุดสูทรองเท้าหนัง ผมหวีเรียบอย่างพิถีพิถัน สวมแว่นกรอบทอง มีใบหน้าอ้วนกลม รอยยิ้มราวกับพระสังกัจจายน์ค่อยๆ เก็บลงไป

ใบหน้าอวบของชายวัยกลางคนเงยขึ้นสูง มองฮั่วเจี้ยนเฟิงอย่างเหยียดหยามเอ่ยขึ้น “ผลของไม่หลีก เป็นสิ่งที่นายรับไม่ไหว”

ฮั่วเจี้ยนเฟิงยังคงไม่เงยหน้า

ในเวลานี้ ฮั่วเจี้ยนเฟิงต้องการคือทำท่าทีแม้มีภูเขาไท่ซานถล่มลงตรงหน้าก็ไม่เปลี่ยนสีหน้า อย่างน้อยที่สุดบารมีก็ไม่อาจสูญเสียไปได้

กู้ซิงเว๋ยมองท่าทางของฮั่วเจี้ยนเฟิง ในใจแอบกดถูกใจให้ฮั่วเจี้ยนเฟิง จากนั้นเอ่ยเสียงต่ำว่า

“คนนี้เป็นใครกัน วิ่งมาเล่นลูกไม้สกปรกในเวลานี้ ไม่มีตามองสถานการณ์หรือไง”

“มองดูแปลกหน้าไม่ค่อยจะรู้จัก คาดว่าคงเป็นคนบ้านนอกที่ไหนโผล่ออกมา คนใหญ่คนโตจริงๆ ไม่มีทางพูดจาเช่นนี้หรอก ข่มขู่คนเช่นนี้ ล้วนเป็นประเภทพวกเศรษฐีใหม่”

“พวกเศรษฐีใหม่เหล่านั้นล้วนเป็นคนป่าเถื่อน ได้ยินมาว่าเพื่อแย่งห้องชั้นพิเศษมักจะลงไม้ลงมืออะไรพวกนี้บ่อยๆ “

“ฉันว่าไม่งั้นพวกเราเปลี่ยนห้องอื่นเถอะ ไม่เช่นนั้นแล้วเพื่อเรื่องเล็กๆ นี้แล้วหาความเดือดร้อนใส่ตัว นั่นก็ไม่คุ้มกันแล้ว”

ญาติมิตรของตระกูลกู้ใจฝ่อเล็กน้อย อย่างไรเสียพวกเศรษฐีใหม่ก็ชาติกำเนิดจากชั้นแรงงาน นั่นเป็นพวกป่าเถื่อนอย่างแท้จริง เพื่อศักดิ์ศรีถึงได้รุมตี นั่นเป็นความไม่คุ้มกันอย่างที่สุด

ส่วนตระกูลกู้ถึงแม้จะประสบความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ นั่นก็สำหรับคนปกติธรรมดาเท่านั้น

สำหรับในสายตานายทุนเหล่านั้นที่ประสบความสำเร็จทุกวันมีเงินทองไหลมานั้น คนในที่นี้หนึ่งคนนับหนึ่งคนล้วนเป็นคนจน รวมทั้งฮั่วเจี้ยนเฟิงด้วย

แน่นอน หลี่โม่ก็ไม่นับ

ในใจกู้เจี้ยนหมินก็หวาดหวั่นอย่างมาก ถ้าเกิดการปะทะขึ้นมา นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่กู้เจี้ยนหมินยินดีที่จะเห็น

อีกทั้งวันนี้ก็เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของกู้เจี้ยนหมิน ค้นหามั่วก็สามารถหาได้ ถ้าปะทะใหญ่โตแล้ว ไม่แน่ว่าสาเหตุสุดท้ายที่ทำให้เกิดการขัดแย้ง ก็จะตกใส่หัวของกู้เจี้ยนหมินทั้งหมด

“แค่กๆ เจี้ยนเฟิงเอ๊ย ฉันว่าพวกเรายังคง….”

ฮั่วเจี้ยนเฟิงเอียงศีรษะไปมองชายวัยกลางคนที่ประตูพอดี ได้ยินคำของกู้เจี้ยนหมิน ในใจเกิดความยินดีขึ้นทันที โอกาสของตนเองมาแล้ว

“คุณลุงกู้ไม่ต้องกังวลใจ คนคนนี้ฉันรู้จัก เขาและคุณพ่อของฉันมีไมตรีต่อกันเล็กน้อย ฉันเพียงแค่ต้องการคุยกับเขาสักหน่อย คิดว่าเขาคงไม่พูดอะไรให้มากความอีก วางใจเถอะ”

เห็นท่าทีสงบนิ่งของฮั่วเจี้ยนเฟิง กู้เจี้ยนหมินรู้สึกว่ามั่นคงทันที อย่างไรก็ตามวันนี้คืองานเลี้ยงวันเกิดของกู้เจี้ยนหมิน ไม่เปลี่ยนห้องได้จะดีที่สุด

“อ้อ เช่นนี้เองหรือ เช่นนั้นก็ฝากเจี้ยนเฟิงนายด้วยแล้วกัน”

กู้เจี้ยนหมินพูดอยู่ ยังยื่นมือไปตบๆ ที่ไหล่ของฮั่วเจี้ยนเฟิงเบาๆ เหมือนกับบอกใบ้อะไร

หลี่โม่เห็นทุกอย่างอยู่ในสายตา แต่ว่าไม่ได้พูดอะไร ยิ่งไม่ได้ทำอะไร ราวกับเป็นคนนอกมองอยู่ด้านข้าง

กู้ซิงเว๋ยอดไม่ไหวพูดเสียงต่ำ “ดูสิ นี่ก็คือความแตกต่างสินะ คนบางคนเก็บได้ของล้ำค่ามานับเป็นอะไรได้ ในช่วงเวลาสำคัญก็ปอดแหกเหมือนผายลม ไม่กล้าส่งเสียงแม้แต่น้อย”

“ช่วงเวลาสำคัญมองเห็นใจคน คนบางคนนี่นะ ช่วงเวลาสำคัญก็ตัดโซ่ตรวนทิ้ง ผู้ชายเช่นนั้นสักนิดก็พึ่งพาไม่ได้เลย เลือกผู้ชายมาเป็นสามีจะต้องเช็ดตาให้กระจ่าง”

กู้ชิงหลินพูดด้วยท่าทางแปลกๆ

มีคำพูดของฮั่วเจี้ยนเฟิงรับรองแล้ว คนพวกนี้ก็เริ่มกระโดดขึ้นมาอีกครั้ง คิดว่าฮั่วเจี้ยนเฟิงไม่กี่นาทีก็สามารถจัดการทั้งหมดได้

หวังฟางมองไปที่ฮั่วเจี้ยนเฟิงอย่างมีความสุข รู้สึกว่ายังคงเป็นฮั่วเจี้ยนเฟิงสามารถให้ตนเองมีหน้ามีตาได้ เทียบกับหลี่โม่ที่เงียบงันไม่พูดจาตรงหน้านี้ นั่นดีกว่าพันเท่าร้อยเท่าเชียว ลูกเขยนี่จะต้องเปลี่ยนอีกคนให้ได้!

ฮั่วเจี้ยนเฟิงก็ลำพองใจอย่างมาก คนตระกูลกู้ยิ่งดูถูกหลี่โม่ ฮั่วเจี้ยนเฟิงก็รู้สึกยิ่งสบายใจ

ลุกขึ้นยืนจัดเสื้อผ้าเล็กน้อย ฮั่วเจี้ยนเฟิงเดินไปทางประตูห้อง รอยยิ้มกองไว้เต็มใบหน้า “คุณลุงหวง ฉันคือเจี้ยนเฟิงเอง คุณพ่อของฉันคือฮั่วเทียนเฉิง แต่ก่อนฉันติดตามคุณพ่อไปเยี่ยมคุณมาก่อน”

“หืม? “

หวงเหวินจิ่นครุ่นคิดเล็กน้อยครู่หนึ่ง รอยยิ้มไม่ยิ้มเอ่ยว่า “เป็นนายนี่เองหรือ เช่นนั้นนายยังไม่รู้ตัวรีบยกห้องพิเศษนี้ให้อีก”

ฮั่วเจี้ยนเฟิงชะงักไปครู่หนึ่ง ไม่คิดว่าแม้แต่แจ้งชื่อพ่อของตัวเองออกไปแล้ว หวงเหวินจิ่นคนนี้ยังไม่ให้หน้ากันขนาดนี้

กู้ชิงหลิน กู้ซิงเว๋ยและคนอื่นๆ เวลานี้มีเพลงโทสะขึ้นมาเล็กน้อย

เมื่อครู่ถูกหยกมังกรของหลี่โม่ตบหน้าไปแล้ว ไฟโทสะในใจของพวกเขาอัดแน่นอย่างไม่มีทางเลือก เมื่อครู่ยังมีคำพูดของฮั่วเจี้ยนเฟิงมารับรอง เวลานี้เจอเศรษฐีใหม่ที่น่าสงสัยคนนี้ไม่ให้หน้ากันอีก ทันใดนั้นก็ปล่อยไฟโทสะไปที่หวงเหวินจิ่นที่อยู่หน้าประตู

“คนแซ่หวงนายพอได้หรือยัง พี่เจี้ยนเฟิงพูดกับนายอย่างนอบน้อม นั่นเพราะว่าให้หน้านาย นายอย่าได้ให้หน้าแล้วไม่ไว้หน้า”

“คนบางประเภทให้แสงอาทิตย์เล็กน้อยก็สว่างโชติช่วง ให้น้ำฝนเล็กน้อยก็เอ่อล้น คิดจริงๆ หรือว่าเจี้ยนเฟิงของพวกเราพูดด้วยง่าย? ต้องรู้ไว้ว่าเจี้ยนเฟิงของพวกเรานั้นเป็นคนใหญ่คนโต ไม่กี่นาทีก็สอนให้นายเป็นคนได้”

“เตือนนายให้รีบจากไปซะ ไม่เช่นนั้นพวกเราจะไม่เกรงใจกับนายแล้ว อย่าได้หยิบเอาแผนการของนายในชนบทนั่นออกมา ที่นี่คือกวนเหลินกัง ไม่ใช่ที่ที่คนไร้อารยธรรมคนหนึ่งจะมาทำป่าเถื่อนได้”

กู้ซิงเว๋ยและคนอื่นๆ ยิ่งพูดยิ่งสนุก แต่สีหน้าของหวงเหวินจิ่นกลับเปลี่ยนเป็นไม่น่ามองขึ้นมา!

เคยมีเวลาเช่นนี้ที่ไหนกัน หวงเหวินจิ่นเคยถูกทำให้อับอายขนาดนี้มาก่อนหรือ?

ปีนั้นมีดาราดังมาทำการแสดงโดนหวงเหวินจิ่นถูกใจเข้า หวงเหวินจิ่นบอกจะรั้งไว้ก็รั้งไว้แล้ว ทำให้ดาราดังคนนั้นนอนเป็นเพื่อนอยู่หนึ่งเดือนจริงๆ ท้ายที่สุดเพราะว่าผู้พึ่งพิงของดาราดังคนนั้นออกหน้า ถึงได้ทำเรื่องนี้ให้สงบลงได้

เห็นหวงเหวินจิ่นเปลี่ยนสีหน้า ในใจฮั่วเจี้ยนเฟิงร่ำร้องอย่างต่อเนื่อง เสียใจทีหลังที่เมื่อครู่แสร้งทำเป็นหมาป่าอวดหางอย่างกระตือรือร้น ไม่ได้พูดกับคนตระกูลกู้อย่างชัดเจนถึงฐานะของคนผู้นี้

นี่คือบุคคลสายตรงของตระกูลหวงเลยนะ!

ถึงแม้ในใจจะขมยิ่งกว่ากินหวงเหลียน แต่ฮั่วเจี้ยนเฟิงยังคงดื้อรั้นพูดกับหวงเหวินจิ่น “คุณลุงหวง ดูเรื่องนี้วุ่นวายสิ ฉันฉลองงานวันเกิดให้คนในครอบครัวที่นี่ คุณคิดว่าจะผ่อนปรนให้สักหน่อยได้ไหม ด้วยฐานะชื่อเสียงของคุณ ห้องชั้นพิเศษชั้นดีของกวนเหลินกังไม่ใช่ว่าให้คุณเลือกได้อย่างสบายใจหรือ ทำไมจะต้องใช้ห้องนี้ของพวกเรา”

“ไม่ต้องพูดเรื่องที่ไม่มีประโยชน์พวกนั้นหรอก นี่คือพวกเรา….”

ไม่รอให้หวงเหวินจิ่นพูดจบ กู้ชิงหลินลุกขึ้นยืนพูดเสียงดัง “นายคนนี้พอได้หรือยัง? พี่เจี้ยนเฟิงให้หน้านายขนาดนั้นแล้ว นายถึงกับยังทำตัวชั่วร้ายไร้เหตุผลอยู่ที่นี่ ที่นี่คือกวนเหลินกัง นายยังวุ่นวายอีกพวกเราจะเชิญพนักงานรักษาความปลอดภัยของกวนเหลินกังแล้ว! “

หวงเหวินจิ่นชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นอดไม่ไหวหัวเราะเสียงดังขึ้นมา

“ฮ่าๆ พวกเธอเหล่านี้น่าสนใจจริงๆ พวกเธอรู้ว่าฉันเป็นใครไหม? ห้องชั้นพิเศษนี้เป็นห้องที่ประธานของพวกเราต้องการที่จะใช้!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset